ความคิดเห็นที่ 1 เปิดตัวเปิดใจหมอนวด (เปิดหมดเลยนะตัวเอง) เข้ามาลูบๆคลำๆ จะเขียนอะไรดี อีกทั้งแวะเวียนไปก็หลายสำนัก(บล๊อก)อยู่ รวมทั้งในพันธ์ทิพ จะป้วนเปี้ยนอยู้ที่ห้องไกลบ้านและห้องแม่บ้าน ส่วนมากจะเข้าไปอ่านหาประสบการ์ณ ไม่ค่อยได้คอมเม้นท์สักเท่าไร เอาเป็นว่ามาเปิดตัวเปิดใจกันดีกว่า ไปมายังไงถึงได้มาเป็นหมอนวด ตอนอยู่เมืองไทยก็ไม่ได้เป็นหมอนวดหรอกค่ะ แต่อะฮั๊นเป็นครูค่ะ เป็นมานานหลายปี อยู่ที่โรงเรียนเอกชนใหญ่แห่งหนึ่งอยู่ย่านฝั่งธนค่ะ (อันนี้ไปเดาเอาเองนะค่ะ) ชีวิตก็ไม่ได้หรูหราอย่างที่ตนเองเป็นครูที่โรงเรียนเอกชนหรูนั่นหรอกค่ะ เงินไม่เคยพอใช้ ต้องมีรถขับ ต้องแข่งขันกันแต่งตัวให้สวยๆๆดูว่าแพง มียี่ห้อ เพราะผู้ปกครองส่วนมากจะเป็นไฮซ้อค่ะ และครูกันเองก็แข่งกันว่าใครจะเริ่ดกว่ากัน แต่ไงรู้มั๊ยค่ะ พวกครูแถบทั้งโรงเรียน พอเลิกสอนพิเศษที่โรงเรียนจากห้าโมงเย็นต้องไปตระเวณสอนตามบ้านต่อค่ะ ก็เงินเดือนไม่พอใช้ต้องผ่อนรถ จ่ายหนี้คืนสหกรณ์โรงเรียน(ต้องกู้ทุกปี ไม่งั้นไม่มีตังค์จ่ายค่าเทอมลูก) แค่ผ่อนรถ จ่ายหนี้คืนก็หมดกระเป๋าแล้ว เอ้าแล้วไงมาเป็นหมอนวด อะฮั๊นไม่ได้ออกไปตระเวณนวดแบบนั้น  เป็นรายได้เสริมหรอกนะ(อย่าคิดมากซิจ้ะตัวเอง) เรื่องเป็นแบบนี้ คือสามีเราเป็นหมอนวดค่ะ เราได้แต่งงานกับสามีก็เพราะเพื่อนค่ะ (ขอบใจมากเพื่อน ) เรากับสามีตกลงกันว่าเมื่อย้ายมาเดนมาร์ค เราจะเปิดคลีนิคนวด อะฮั๊นนะค่ะประสบการ์ณโลกต่างแดนนะแคบมากๆๆเหมือนกบในกะลาค่ะ สิ่งเดียวที่มีคือ เชื่อมั่นในตัวสามีมากมากค่ะ เมื่อย้ายมาถึงทราบว่าช่วงนั้นสามีตกงาน ไม่มีบ้านไม่มีรถ (อันนี้รู้มาแต่ต้นแล้ว) อาศัยอยู่อพ้าต์ทเม้น แต่ยังไงก็หรูหรากว่าห้องรูหนูที่อะฮั๊นเช่าอยู่กะลูกที่เมืองไทย ช่วงแรกอะฮั๊นยอมไปขอความช่วยเหลือ คือรับเงินช่วยเหลือจากสวัสดิการสังคมก่อน โดยอะฮั๊นให้คำมั่นสัญญากับทางการว่าอะฮั๊นจะไปเรียนภาษาตามชั่วโมงที่จัดมาและยินดีไปฝึกงานหรือฝึกงานตามที่ทางการจัดมาให้ไปตามชั่วโมงที่เหลือ(คืองี้ค่ะ เรียนภาษา 15 ชั่งโมงต่อสัปดาห์ และต้องไปฝึกงานวันล่ะ 5 ชั่งโมงสองวัน ) อะฮั้นเหนือยมากค่ะ จนในที่สุดอะฮั๊นได้งานทำความสะอาดเริ่มแรกวันล่ะ 2 ชั่วโมงครึ่ง หลังจากไปเรียนภาษาได้ 5 เดือนได้งานทำความสะอาดแบบฟูลทาม เลยต้องขอพักเรียนค่ะ มันเหนื่อยสุดๆๆ ทำความสะอาดทั้งคืน 8 โมงถึงเที่ยงไปนั่งเรียน มันง่วงอะ จากนั้นก็สมัครงานทำความสะอาดเพิ่มอีกบริษัท ส่งหนังสือพิมพ์ตอนเช้าด้วย จนกระทั่งเวลาผ่านไป 1 ปี กลับไปเรียนภาษาเพิ่มเติม คราวนี้ไปเรียนแบบสมัครใจไปเรียน พร้อมทั้งมีงานและเงินเดือนเป็นของตนเอง แต่ยังหาสถานที่เปิดคลีนิคไม่ได้เลย จากคุณ : หมอนวดจ้ะ (Odense) - [ 8 ส.ค. 49 02:54:58 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เปิดตัวเปิดใจหมอนวด (เปิดหมดเลยนะตัวเอง)... เริ่มงานหมอนวด... หลังจากกลับไปเรียนไม่นานเกิดปัญหากับทางโรงเรียนค่ะ อะฮั๊นกับเพื่อนๆเรียนอยู่ในกล่มผู้เรียนที่เมื่อเรียนจบแล้วสามารถไปเรียนเพิ่มเติมในมหาวิทยาลัยได้ หรือไปเรียนหลักสูตรวิชาชีพที่ใช้ระยะเวลา 4 ปีได้ จู่ๆๆค่ะ ทางฝ่ายแนะแนว (ไอ้ครูผู้สอนห้องเรา นางควบ 2 ตำแหน่งค่ะ) กล่าวว่า ห้องเนี่ย หัวช้า ไม่สามารถเรียนในกล่มนี้ได้ต่อไป ต้องเลื่อนระดับลงไปเรียนอีกกลุ่มที่ไม่สามารถไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยหรือวิชาชีพที่ต้องใช้ระยะเวลา 4 ปีได้ คือจบแล้วต้องทำงาน โอเค เพื่อนร่วมชั้นเรียนส่วนใหญ่ตกลง มีแค่คนเดียวที่สามรถแข็งข้อได้เพราะจ่ายค่าเรียนเอง อะฮั้นปรึกษากับสามีก่อนบอกตกลง เพราะจริงๆแล้ว อะฮั้นไม่เรียนต่อหรอกค่ะ อะฮั้นมีโครงการจะเปิดคลีนิคนวดค่ะ และเรียนจบระดับนี้ก็ยังมีสิทธิขอซิติเซ่นชิพได้ นั่นคือเป้าหมายค่ะ ( หอกหัก ก่อนวันสอบหนึ่งวัน รัฐบาลเปลี่ยนกฏหมายค่ะ) มันไม่อย่างนั้นซิค่ะ ฮิน เนี่ย (นังครูแนะแนวทำแสบค่ะ) หลังสอบ เพื่อนรวมห้องเรียนนั่งคุยกันว่า อะ ข้อสอบ ทามม้ายยย มันง่ายสุดๆ และทำไมที่หัวข้อสอบมันเขียนว่า ระดับย่อย 1 วุ ( คือพวกเราตกลงย้ายชั้นตามคำแนะนำ แต่มีข้อแม้ว่าต้องเป็นระดับย่อย 4 และหลังจาก 6 เดือนสามารถสอบกลับไปเรียนที่กลุ่มเดิมนั่นได้) ขอขั้นอธิบายระดับชั้นก่อนค่ะ ทางโรงเรียนสอนภาษามี 3 ระดับค่ะ ระดับ 1 สำหรับผู้ที่ไม่เคยได้ไปโรงเรียน คืออ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ส่วนมากที่เห็นเองเป็นผู้อพยพชาวโซมาเลีย หรืออาฟริกาที่ไม่มีอักษรภาษาอังกฤษ มีระดับย่อย 1-6 จบแล้วต้องเรียนต่อระดับ 2 ระดับ 2 สำหรับผู้ที่อ่านออก เขียนได้ จบการศึกษาระดับภาคบังคับมาจากประเทศของตน มีความรู้ความเข้าใจภาษาอังกฤษบ้าง มีระดับย่อย 1-6 จบแล้วไม่สามารถเรียนต่อระดับ 3 ได้ แต่สามารถไปเรียนเพิ่มเติมด้านภาษาทีVUC(เป็นโรงเรียนที่ไปเรียนเพิ่มเติมในวิชาที่สนใจ เช่น ภาษาเดนิช ภาษาอังกฤษ วิชาคณิตศาสตร์ คือมีเรียนหลายแขนง อันนี้ ไว้มาถามที่คอมเม้นท์นะค่ะ) ถ้าเรียนเพิ่มเติมที่นี่ สามารถไปขอสอบเพื่อผ่านในระดับ 3 ได้ ก็ต้องมีจ่ายกันตามธรรมเนียม ถ้าไม่เรียนต่อก็ทำงาน ระดับ 3 สำหรับผู้ที่จบการศึกษาขั้นสูง มีความสามารถในการฟัง พูด อ่าน เขียนภาษาอังกฤษดี ใครที่เรียนระดับนี้ สังเกตให้ดีนักเรียนกลุ่มนี้จะไม่ค่อยมีพวกผู้อพยพ ส่วนมากจะมาจากประเทศใกล้เคียงในแถบยุโรป มีพี่ไทยด้วย มีระดับย่อย 1-6 ทั้ง 3 ระดับใช้เวลาเรียนระดับล่ะ 3 ปี บางคนหัวกะทิเรียน 2 ปีจบ อย่างที่มาจากเยอรมัน เพราะภาษาค่อนข้างใกล้เคียง พวกเรานักเรียนห้องหัวอ่อนก็ตบเท้าไปถาม นังครูแนะแนวว่า นี่ก็ 6 เดือนแล้วนะ ขอสอบกลับไปเรียนระดับเดิม ฮิน ตอบว่าไม่ได้ตกลงอย่างนั้น พวกเธอไม่สามารถกลับไปเรียนระดับเดิมได้ ไม่มีการสอบ หนอยแนะ อะฮั๊นเลยมาปรึกษาสามีอีก และเขียนจดหมายไปปรึกษา เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ติดต่อประสานงานกับทางการ sagsbehandlerหรือภาษาอังกฤษว่า case worker ของอะฮั๊นกับสามี ทางเจ้าหน้าที่ (ขอเรียกสั้นว่าเจ้าหน้าที) ได้ประสานงานคุยกับทางส่วนราชการที่ดูแลควบคุมโรงเรียนสอนภาษา เท่าที่อะฮั๊นรู้มา ฮินเดี้ย ชีเดือดมากๆๆค่ะเพระถูก ผอ. เรียกไปจวกค่ะ แถมฝ่ายเจ้าหน้าที่ดูแลควบคุมโรงเรียนสอนภาษานัดคุยกันพร้อมกันค่ะ ฮินเดี้ยกลัวถูกเด้งมั่งค่ะ จู่ๆเรียกอะฮั๊นไปพบที่ห้องทำงาน ซักถามอะฮั๊นว่าไปร้องเรียนเหรอ ร้องเรียนว่าไงอะฮั๊นก็:-)ค่ะ เพราะว่าอะฮั๊นไปให้ปากคำมาหมดแล้วและตกลงกับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฟากกะโน้นว่าจะไม่พูดเรื่องนี้กะใคร จนกว่าจะอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับ ฮินเดี้ยในที่ประชุม ฮินเดี้ย ชี พอรู้ค่ะว่าเป็นอะฮั๊น เพราะอะฮั๊นชอบแดกใส่หล่อนเวลาหล่อนสอนเสมอ บอกให้เลยค่ะวิธีการสอนของหล่นห่วยแตกมากค่ะ ( อดีตครูสอนภาษาย่ะ) ส่วนนังครูที่สอนคู่กันอีกคน อ่อนหัดค่ะ ป่วยบ่อย ห้องอะฮั๊นถูกทิ้งไม่มีครูสอนและบางทีเตรียมแบบเรียนแบบอนุบาลไว้ให้อะฮั๊นกับเพื่อนทำค่ะ อ้อเล่าต่อ วันนั้นอะฮั๊นไม่จวกกลับใส่นังครูแนะแนว แต่แม่งเจ็บใจค่ะ ยังด่าเป็นภาษาเดนิชไม่เป็น จะแจก ฟักแฟงก็ทำไม่ได้ อะฮั๊นไม่เคยเรียนพูดแบบนั้นค่ะ และต้องถือไพ่เหนือไว้ก่อน อะฮั๊นเล่าให้สามีฟัง(โทรเดี๋ยวนั้นเลย) สามีติดต่อเจ้าหน้าที่(sagsbehandler)เดี๋ยวนั้น และบอกเขาว่า ฮินเดี้ย ทำแบบนี้ถือว่าไม่ให้เกียรติกัน ตกลง นัดนั้นไม่มีประชุม และอะฮั๊นมีความประสงค์ขอย้ายโรงเรียน เมื่อได้ย้ายโรงเรียนอะฮั๊นยังเรียนที่ระดับ 2 แต่ลัดขึ้นไประดับ 4 ย่อย และเรียนจบโดยใช้ระยะเวลา 1 ปี 6 เดือน สรุปแล้วทั้งหมดใช้ระยะเวลาเรียน 2 ปี 6 เดือน จากเหตุการ์ณครั้งนั้นที่ปะทะกะ ฮินเดี้ย อะฮั้น มุ่งมั่นที่จะเปิดธุระกิจเป็นของตนเองให้ได้และจะมีลูกจ้างเฉพาะชาวเดนิช และ ลูกค้าชาวเดนิช ตอนที่ย้ายโรงเรียน เป็นจังหวะที่พบห้องเล็กๆ 1 ห้อง ที่จะเปิดบริการนวด ระยะแรก สามีจะประจำการอยู่ที่นั่น หลังจากนั้น 5 เดือนต่อมาขอเช่าเพิ่มอีกห้อง ระยะนั้นอะฮั๊นยังต้องไปเรียน ตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึงบ่าย 2 โมง 2 วัน และ 1 วันไปเรียนจาก 8 โมงเช้าถึง 11 โมง แต่อะฮั๊นมี ลูกค้ามาให้นวดทุกวัน และอะฮั๊นยังมีงานทำความสะอาดด้วย ที่ออฟฟิตนะ วันล่ะ 6 ชั่วโมงเมื่อดูแลดี ก็ทำเสร็จเร็วไม่เกิน 3 ชั่วโมงก็เสร็จ ก่อนเรียนจบ 6 เดือนอะฮั๊นก็อำลาจากงานทำความสะอาด อ้อ อะฮั๊นเลิกส่งหนังสือพิมพ์เมื่อกลับไปเรียนต่อค่ะ จากคุณ : หมอนวดจ้ะ (Odense) - [ 8 ส.ค. 49 02:57:34 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ส่วนตัวแล้วไม่ค่อยชอบคำว่าอะฮั้นเลยค่ะ จากคุณ : scottie - [ 8 ส.ค. 49 23:01:08 ]

ความคิดเห็นที่ 4 นั่นซิ ขอบคุณค่ะ ดิฉันใช้คำ เพื่อความสนุกสนานในการอ่าน ยังไงดิฉันก็ยอมรับนั่นคุณ จากคุณ : หมอนวดจ้ะ (Odense) - [ 9 ส.ค. 49 04:29:22 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คุณกล้าหาญมากนะคะ แล้วสรุปว่าคุณครูคนนั้นเขาโดนลงโทษอะไรบ้างหรือเปล่าคะ จากคุณ : ทิวลิปสีน้ำเงิน - [ 9 ส.ค. 49 22:41:34 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เรียนคุณความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณค่ะ คุณเองก็กล้าหาญ จากคุณ : หมอนวดจ้ะ (Odense) - [ 10 ส.ค. 49 03:40:35 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เรียนคุณความคิดเห็นที่ 5 อีกทีค่ะ คุณครูท่านนั้นดิฉันไม่ทราบค่ะ แต่ก็ยังเจอกันช่วงเช้าเพราะลูกเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน แต่ไม่ได้ทักกัน เหตุการ์ณที่เกิดเป็นเรื่องของการเมืองโรงเรียนคะ เพราะ ข่าวเขาจะยุบโรงเรียนสอนภาษาแห่งหนึ่งเนื่องจาก เดนมาร์คจะงดรับผู้อพยพ ทางโรงเรียนก็ต้องขยายชั้นเรียนให้มีระดับต้นๆๆเพื่อจะได้เงินสนับสนุนจากภาครัฐเพิ่มขึ้น ความจริงได้หมายความว่าจะต้องการให้ครูท่านนั้นถูกลงโทษ ที่เดนมาร์ค หากทุกคนทำงานเสียภาษีให้รัฐและได้รับความไม่ชอบธรรม ย่อมมีสิทธิเรียกร้องความชอบธรรมได้ค่ะ ดิฉันรู้จักใช้สิทธิของตนเองในทางที่ถูกต้องค่ะ จากคุณ : หมอนวดจ้ะ (Odense) - [ 10 ส.ค. 49 03:57:10 ]