CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ชีวิตรันทด...เรื่องจริงผ่านคอมพ์...ตอนที่เจ็ด

    ระหว่างทางกลับบ้าน ใจฉันวูบแล้ววูบอีก หายแล้วหายอีก เกิดอาการเจ็บร้าวที่หัวใจเหมือนครั้งที่รู้เรื่องลูกไก่ ครั้งนั้นฉันยังไม่มีลูกที่ต้องห่วงใย มาคราวนี้ ฉันน้ำตาตกใน ลูกรุ้งกำลังน่ารักเหลือหลาย ทำไมพี่หนิงทำเราสองคนได้ลง

    สมองสั่งงานให้เข้มแข็ง แต่หัวใจซึ่งเป็นกล้ามเนื้ออย่างเดียวที่สมองสั่งงานไม่ได้บอกให้ฉันเจ็บ เจ็บหยั่งรากลึก และยิ่งลึกลงไปอีกเมื่อได้คุยกับพี่หนิง

    คราวนี้พี่หนิงไม่ยอมรับ แต่กลับบอกว่า

    "รินเอาอะไรมาพูด ลูกไก่มันแค้นที่พี่ไม่เอามันจริง มันเลยแต่งเรื่องมาเป่าหูริน อย่าไปเต้นตามมันสิ"

    "แล้วพี่หนิงเจอเชอร์รี่บ่อยอย่างที่เค้าบอกหรือเปล่าล่ะ"

    พี่หนิงทำท่าโมโหขึ้นมา

    "รินอย่ามาซักไซร้ พี่บอกว่าไม่มีอะไรก็เชื่อกันมั่งสิ นี่พี่กำลังเทรนกัปตันแล้วนะ รินน่าจะให้กำลังใจผัว ไม่ใช่มาต้อนไปต้อนมาให้จน พี่ไปอ่านตำราดีกว่า เดี๋ยวโดนด่าอีก คราวที่แล้วกัปตันศักดิ์ศรีด่าใน cockpit เลยว่า โธ่เอ๊ย อ้ายหนิง กรูนึกว่าเมิงจะเจ๋ง ที่แท้ก็ห่วย shipหาย..แบบนี้รินเข้าใจมั้ยว่าพี่กำลังกดดัน พี่ไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่นหรอก นอกจากเรื่องเทรนกัปตันเนี่ย..."

    พี่หนิงทำเป็นดุ แสร้งโมโห เพื่อให้ฉันเงียบ

    ฉันเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งที่พี่หนิงพูด พยายามหันเหความสนใจจากเรื่องยัยเชอร์รี่ที่ฉันยังไม่เคยเห็นหน้าตา เข้าไปอาบน้ำ พอออกมาจากห้องน้ำ พี่หนิงหายไปแล้ว

    "หมี คุณหนิงไปไหน บอกไว้หรือเปล่า"

    ฉันถามเด็กทำงานบ้านที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับน้อย แม่บ้านของคุณแม่ฉัน

    "ไม่ได้บอกค่ะ"

    "งั้นหมีเดินไปดูที่บ้านคุณแม่หน่อยนะ ถามคุณหนิงทีว่ากลางวันจะทานอะไร"

    แม้จะยังไม่หายข้องใจ ฉันยังห่วงใยพี่หนิงเสมอ ใกล้เที่ยงแล้วด้วย พี่หนิงคงเดินไปบ้านคุณแม่เขาละมัง คงโมโห เดี๋ยวกลับมาเองแหละ

    ฉันเข้าข้างตัวเองแบบนั้น หมีกลับมาบอกว่าพี่หนิงไม่ได้ไปที่บ้านคุณแม่ ฉันฉุกใจคิดว่าระยะหลังๆนี้พี่หนิงแทบไม่อยู่บ้านเลย ขนาดวันหยุดตรงกัน เขายังมีเรื่องออกจากบ้านตลอด ไปติวกับเพื่อนที่เทรนบ้าง ไปตีเทนนิสบ้าง ไปกินข้าวกับเพื่อนคนนั้นคนนี้ โดยไม่เคยชวนฉันไปด้วย ฉันเองติดลูก ปล่อยให้พี่หนิงไปตามสบาย

    ฉันนึกทบทวน เริ่มฉลาดขึ้นนิดนึง ตัดสินใจเรียกนวลมาถามว่าพี่หนิงอยู่บ้านมากน้อยแค่ไหน นวลเป็นคนซื่อ เลยบอกฉันหมดว่าพี่หนิงแทบไม่อยู่บ้านเลย ไม่ค่อยเล่นกับลูกด้วย น้องรุ้งวิ่งตามพ่อไปที่รถบ่อยๆเวลาพี่หนิงจะออกจากบ้าน แต่พี่หนิงบอกลูกว่าพ่อมีธุระ เดี๋ยวกลับ ขนาดน้องรุ้งร้องตาม เขายังไม่หันมาโอ๋

    ฉันได้ข้อมูลจากนวล ดูนาฬิกา ใกล้จะได้เวลาต้องออกไปรับน้องหนอน ฉันเคยบอกแล้วว่า วันที่ฉันว่างจากการไปบิน ฉันจะไปรับส่งน้องหนอนที่โรงเรียน พอดีกับเสียงโทรศัพท์ดัง
    เป็นโทรศัพท์จากคุณครูประจำชั้นของน้องหนอน โทร.มาบอกให้ฉันไปที่โรงเรียนด่วน เพราะน้องหนอนอาละวาดตบตีเพื่อน

    เด็กหกขวบนี่นะ อาละวาดตบตีเพื่อน ฉันรีบไปที่โรงเรียน ให้น้องรุ้งอยู่บ้านกับนวล คุณครูเล่าว่าน้องหนอนทำตัวเหมือนมาเฟียคุมห้องเรียน เพื่อนทุกคนต้องยอมเธอ แต่น้องจ๋ากับน้องแววไม่ยอม เลยเกิดการทะเลาะกันบ่อยๆ วันนั้น น้องหนอนกระโดดเข้าดึงผมเปียคู่ของน้องจ๋าจนหน้าหงาย แล้วตบหน้าน้องจ๋าหลายครัง พอน้องแววเข้ามาช่วย เลยโดนไปด้วย

    ฉันเห็นหน้าน้องจ๋าและน้องแววแล้วสะท้อนใจ นี่น้องหนอนทำลงไปได้อย่างไรกัน น้องจ๋ามีรอยแดงมากที่แก้มทั้งสองข้าง ผมเปียหลุดหล่ย มีผมสองสามกระจุกตกอยู่ที่พื้น ส่วนน้องแววมีรอยแดงที่แก้มเช่นกัน

    "น้องหนอน บอกอารินหน่อยว่าหนูทำเพื่อนแบบนี้ได้ไงคะ"

    ฉันเริ่มสอบสวนน้องหนอน ด้วยความที่ฉันค่อนข้างใจเย็นจึงยังไม่โวยวายเอากับเธอ

    "ทำแค่นี้ยังน้อยไปนะอาริน มันกวนติง eสองคนนี่มันเลว หนอนจะทำอีก ไม่ยอมแค่นี้หรอก"

    ประโยคต่อมาของน้องหนอนทำเอาฉันและคุณครูอึ้งไปตามๆกัน

    "ทีพ่อยังตบแม่แรงกว่านี้อีก ไม่เห็นจะเป็นไร"

    น้องหนอนเอาอะไรมาพูด พ่อตบแม่ หมายถึงพี่หนิงตบพี่อรน่ะหรือ ไม่น่าเป็นไปได้นี่นา

    "อารินรู้มั้ย พ่อเคยเอาขวดน้ำปลาตีหัวแม่ด้วย"

    ฉันยังไม่หายตกใจจากคำบอกเล่าของน้องหนอน คุณแม่ของน้องจ๋าและน้องแววมาถึงในเวลาไล่เลี่ยกันพอดี

    วันนั้นเป็นวันที่วุ่นวายมากวันหนึ่ง คุณแม่ของเด็กทั้งสองโกรธมากที่เห็นลูกถูกทำร้ายร่างกาย โวยวายจะให้ไล่น้องหนอนออกจากโรงเรียน อาจารย์ใหญ่ต้องมาไกล่เกลี่ยและให้น้องหนอนขอโทษเพื่อน พร้อมกับสัญญาว่าจะไม่ทำอีก

    อาจารย์ใหญ่กำชับฉันให้ดูแลน้องหนอนดีๆ เพราะน้องหนอนชื่อดังมากในทางลบไปเสียแทบทุกเรื่อง

    คุณครูประจำชั้นบอกฉันว่าน้องหนอนดื้อมาก นึกอยากทำอะไรก็ทำ ฉันต้องขอโทษแทน แก้ตัวแทน พร้อมสัญญาว่าจะสั่งสอนน้องหนอนให้มากขึ้น

    ฉันพาน้องหนอนกลับบ้านด้วยความอ่อนเพลียละเหี่ยใจ นี่ราหูเข้าฉันหรือไร เหตุการณ์ในวันเดียวมันจึงชุลมุนอย่างนั้น น้องหนอนหลับหรือแกล้งหลับไม่ทราบตลอดทางกลับบ้าน

    ต่อมาภายหลัง ฉันจึงได้รู้เหตุผลที่พี่อรทิ้งน้องหนอนไว้กับฉัน เธอสารภาพหลังจากนั้นอีกนานว่าน้องหนอนนิสัยเหมือนคนบ้านพี่หนิงมากจนเธอทนไม่ไหว เธอสั่งสอนลูกตัวเองไม่ได้ เลยเอามาฝากฉัน เพราะ"พี่ทนอยู่กับหนอนไม่ได้ มันเหมือนหนิงเกินไป"

    ตอนที่พี่อรคุยกับฉันเรื่องน้องหนอนนั้นเป็นเวลาที่ฉันรู้ซึ้งแล้วว่าทั้งพี่หนิงทั้งน้องหนอนเป็นคนแบบไหน ฉันต่อว่าพี่อรเรื่องไม่เตือนฉันเลย พี่อรย้อนว่าถ้าเตือนแล้วฉันจะเชื่อหรือ ที่พี่อรเลิกกับพี่หนิงก็เพราะเรื่องเจ้าชู้ มักมากในกามคุณ และยังทำร้ายร่างกายพี่อร คุณแม่พี่หนิงให้เงินพี่อรสามล้านบาท แลกกับการปิดปากไม่พูดมากไปให้เจ้านายพี่หนิงรู้เรื่อง ไม่อย่างนั้น พี่หนิงจะไม่ก้าวหน้าในอาชีพการงาน อาจโดนดองไม่ได้เป็นกัปตันไปจนเกษียณ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนบ้านเขารับไม่ได้ เฮอะ แต่ตบตีเมีย กลับรับได้

    ฉันไม่เข้าใจพี่อรนักหรอก ว่าทำไมเธอเลือกที่จะเอาเงินมากกว่าบอกใครๆเรื่องพี่หนิง เธอคุยกับฉันมากมายเรื่องพี่หนิง และบอกว่าสงสารฉัน

    "รินนี่ซื่อมากเลยนะ ตอนนี้หนิงเค้าทำดีกับรินเพราะเกรงใจคุณพ่อคุณแม่ริน กับกลัวไม่ได้เป็นกัปตัน ลองได้เป็นกัปตันสิ ลายออกหมดแน่ รินคอยดูเหอะ รินต้องใจเย็นมากๆนะ ยังไงๆเห็นแก่ลูกเรา...บลาๆๆๆ"

    พี่อรเธอพูดเก่งมาก พูดไม่หยุดจนฉันชักฉงนว่าทำไมพี่อรบอกให้ฉันใจเย็นเห็นแก่ลูก แต่ตัวเธอเองกลับไม่เห็นแก่น้องหนอน แถมยังเอาน้องหนอนมาทิ้งไว้ให้ฉันเลี้ยงอีก


    ถึงบ้าน พี่หนิงยังไม่กลับ ฉันอุ้มน้องหนอนที่ยัง(ทำเป็น)หลับอยู่ลงจากรถ พาขึ้นไปนอน ด้วยจิตใจหดหู่ เริ่มเศร้ากับพฤติกรรมน้องหนอนที่ ฉันจะทำอย่างไรดี พี่หนิงยังไม่กลับ

    ฉันทำกิจวัตรประจำวันไปตามความเคยชินมากกว่า วันนั้นฉันรู้สึกเหมือนวิญญาณถูกดูดออกจากร่าง ฝืนยิ้มแย้มกับลูกรุ้งไปตามแกน ในหัวพี่แต่เรื่องพี่หนิง เชอร์รี่ น้องหนอน รวมทั้งย้อนคิดไปถึงผู้หญิงอีกหลายๆคนของพี่หนิง คิดถึงคำพูดพี่อร วกไปวนมาจนฉันปวดศีรษะไปหมด ตลอดเย็นจนดึกวันนั้น ฉันทานพาราไปสี่เม็ด โดยทั้งวันไม่มีอาหารตกถึงท้องเลย

    พี่หนิงกลับถึงบ้าน เวลาตีสี่ ฉันตื่นแล้ว เพราะต้องไปบินไฟลท์เช้ามาก ต้องถึงห้อง BRIEF หกโมงครึ่ง

    "พี่หนิงไปไหนมา เรื่องเยอะเลยเมื่อวานน่ะ รู้มั่งมั้ยว่าอะไรเกิดขึ้นมั่ง ไปไหนไม่บอก ตามตัวไม่ได้ แพ็คลิ้งก์ก็ไม่เอาไป พี่หนิงจะเอายังไงกะรินคะ จะต้องทนไปถึงไหน"

    "โวร้ยยยยยย รินบ้าอะไรขึ้นมาอีก พี่ไปเทรน มี school flight ด้วย แกดุจะตาย ha แล้วกลับมาเจอเมียแว้ดๆอีก มีอะไรบอกมาดีๆ คนมันเครียดรู้ซะมั่ง"

    พี่หนิงเอานิ้วมาจิ้มแรงๆที่ขมับขวาของฉัน จนฉันสะดุ้งเฮือก

    "ไว้รินกลับมาค่อยพูดกัน รินต้องไปทำงานละ"

    ฉันจนใจที่จะต่อบทสนทนากับพี่หนิง พี่หนิงบอกว่าไป school flight คือการเทรนกัปตันแบบฝึกบินโดยไม่มีผู้โดยสาร ต้องรอเครื่องบินว่าง จึงจะฝึกบินได้ กว่าเครื่องบินทุกลำจะว่างให้ใช้ได้ มักจะเป็นเวลาดึกมาก เนื่องจากเครื่องบินทุกลำจะถูกใช้งานแทบตลอดเวลา

    ดังนั้น การไป school flight จึงมักเป็นเวลาดึกๆที่เครื่องจอดว่างอยู่เพื่อใช้งานในไฟลท์เช้าต่อไป

    การไปฝึกกับเครื่องเปล่าแบบนี้ ครูฝึกจะสอนการบังคับเครื่องขึ้นลง และการ แท็กซี่ คือ หลังจากบังคับเครื่องลงบนรันเวย์แล้ว จะต้องบังคับเครื่องยนต์ให้เบาลง และค่อยๆขับไปยังที่จอด เรียกว่า เครื่องกำลัง แท็กซี่

    จะบินขึ้นบินลงอยู่แบบนั้นหลายครั้ง หลายคืน จนกว่าจะเป็นที่พอใจของครูฝึก ขั้นตอนต่อไปคือนั่งทำหน้าที่เป็นกัปตันตัวจริงในไฟลท์จริง โดยมีครูฝึกหรือ SV. นั่งเป็น co-pilot ให้ ฝึกกันต่อไปจนกว่าจะเป็นที่พอใจของ SV. ทั้งหกว่าจะให้ผ่านหรือไม่ผ่าน

    (มีต่อค่ะ)

    จากคุณ : แอร์กี่ - [ 9 ส.ค. 49 13:13:33 A:202.57.173.227 X: TicketID:117784 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com