ธาร ยุทธชัยบดินทร์
คุณเคยสงสัยบ้างไหมว่า คนเราทำงานไปเพื่ออะไร
หลาย ๆ คนสงสัยและเต็มไปด้วยความกลัวเมื่อต้องตั้งคำถามนี้กับตนเอง
ครั้งหนึ่ง ผมเข้าไปที่เว็บบอร์ดวรรณกรรมเจ้าประจำ อ่านกระทู้โน้นกระทู้นี้อย่างที่เคยทำเป็นปกติเพื่อคลายเครียด
มีอยู่กระทู้หนึ่ง คนที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นหลายคนพากันบ่นว่า อยากลาออกจากงานประจำที่แสนจะน่าเบื่อหน่าย งานที่แย่งชิงเวลาของพวกเขาไปทั้งชีวิต พวกเขาเคยอยากทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ทำในสิ่งที่ตัวเองฝัน แต่แล้วก็ต้องห่างเหินมันไปเพราะงานประจำรัดตัว
พวกเขายังพูดกันถึงความปรารถนาที่จะลาออกจากงานจำพวกนั้น แล้วออกเดินทางไปค้นหาความฝันในชีวิตจริง ทว่าสิ่งที่พวกเขาสรุปให้กับตนเองกลับเป็นความสงสัยว่า จะมีความกล้าหาญพอสำหรับการออกเดินทางจริงล่ะหรือ
ผมสัมผัสได้ถึงความรู้สึกหม่นเศร้าของคนเหล่านั้น พวกเขารู้ว่าตนเองต้องการอะไร และทั้ง ๆ ที่รู้ พวกเขากลับยังคงใช้ชีวิตเดิม ๆ ต่อไปโดยไม่ยอมเปลี่ยนแปลง เพียงเพราะไม่มั่นใจว่าจะอยู่อย่างไรหากไม่มีเงิน- ครับ พวกเขากังวลเรื่องเงิน
เอาละ มันเป็นเรื่องที่พอจะเข้าใจได้ ไม่แปลกหรอกที่ผู้คนสมัยนี้จะคิดถึงเรื่องเงินนำหน้าก่อนสิ่งใด ๆ เสมอ ในยุคสมัยที่เงินเป็นพระเจ้าครอบครองทุกสิ่ง บางทีก็เกินเลยไปถึงการครอบครองจิตวิญญาณอันเสรีของมนุษย์
คนจำนวนมากยอมทำงานเพื่อแลกกับเงินและความมั่นคงในชีวิต
แล้วมันแปลกตรงไหน
ใช่แล้ว ไม่แปลกประหลาดเลย ระบบของเราสอนให้ทุกคนที่มันหล่อหลอมออกมา คิดถึงเรื่องเงินเป็นสรณะ คิดถึงความมั่นคง คิดถึงความมีหน้ามีตา และคิดถึงความสะดวกสบาย ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องแลกเปลี่ยนด้วยเงินตราจำนวนมาก พร้อมกับต้องสูญเสียบางสิ่งบางอย่างในชีวิตไป
บางคนอาจโชคดีที่ได้ทำในสิ่งที่ตนเองรัก และมีครบทุกสิ่งที่สังคมกำหนดว่าควรจะมี เพื่อที่จะไม่ต้อง อายใคร และ ไม่ลำบาก ทว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้โชคดีเช่นนั้น พวกเขาเติบโตและเปื่อยเน่าไปอย่างไร้ความหมาย ลาโลกนี้ไปอย่างว่างเปล่า พวกเขากลายเป็นมนุษย์ที่ทำความฝันหล่นหายไปในสายน้ำเมื่อมานานแล้ว นับตั้งแต่มีตัวตนขึ้นมาและรู้จักคิด
การจะสนองตอบความฝันและจิตวิญญาณของตนเองนั้น ต้องการความกล้าหาญอย่างมาก กล้าที่จะท้าทาย กล้าที่จะยืนหยัด กล้าที่จะโหยหิวและกล้าที่จะทุกข์ยากอย่างถึงที่สุด ทั้งหมดนี้ก็เพื่ออุดมการณ์ของตนเอง
วันนี้ หลายคนได้แต่คร่ำครวญในชั่วขณะหนึ่งของอารมณ์ เมื่อไม่สามารถออกตามหาความฝันที่หายไปได้อย่างตั้งใจ โดยพยายามหาเหตุผลให้แก่ตนเองอย่างมากมาย เพื่อที่จะได้ไม่รู้สึกผิดหรือเป็นทุกข์มากนัก ในขณะที่ก็ยังมีคนกล้าอีกจำนวนไม่น้อยตัดสินใจออกเดินทางไปบนถนนชีวิตที่ตนเลือกแล้ว แม้มันจะเต็มไปด้วยขวากหนามอันแหลมคมก็ตามที
บางคนไปเป็นนักแสดง นักร้อง จิตรกร และบางคนก็เป็นนักเขียน คำว่า เป็น ในที่นี้หมายถึงการเป็นอย่างเต็มตัว เต็มเวลา เต็มชีวิต....ชีวิตที่ยังเหลืออยู่ บางคนอาจจะต้องล้มเลิกกลางคัน เพราะทางสายนี้ต้องการแทบจะทุกสิ่งทุกอย่างจากชีวิตของพวกเขา อีกทั้งมอบหยาดน้ำตาเป็นรางวัลอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม ยังมีอยู่บ้างบางคนที่สามารถบรรลุถึงฝั่งฝันนั้นได้ ซึ่งในที่สุดก็จะจากโลกนี้ไปโดยไม่รู้สึกว่า ตนเองเกิดมาอย่างว่างเปล่าเลย
แล้วคุณผู้อ่านเล่า มีความฝันที่งดงามในชีวิตหรือไม่ หากมี คุณทำอย่างไรกับความฝันนั้น พอจะตอบตนเองได้ไหม
จากคุณ :
ธาร ยุทธชัยบดินทร์
- [
9 ส.ค. 49 15:16:18
A:203.170.228.172 X: TicketID:068305
]