CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ชีวิตรันทด...เรื่องจริงผ่านคอมพ์ ตอนที่แปด

    ก่อนโพสท์เรื่องราวต่อไป ต้องขอขอบพระคุณท่านผู้อ่านที่ให้กำลังใจมามากมาย รวมทั้งท่านที่มาทำลิ้งค์ให้เป็นประจำ ขออภัยที่ไม่เอ่ยนามทั้งหมด แต่เชื่อเถอะค่ะว่าดิฉันเซฟไว้ทุกๆล้อกอิน จำได้มากแล้วด้วยเพราะหลายล้อกอินมาทุกครั้งที่ดิฉันโพสท์เรื่อง รวมถึงท่านที่อ่านแต่ไม่ได้เข้ามาคอมเม้นต์ก็ขอบพระคุณด้วยค่ะ

    หลายท่านที่เป็นห่วงและถามมาถึงวันนี้ว่ารินเป็นอย่างไรบ้าง

    วันนี้รินเค้าสบายดีมากค่ะ ไม่ได้อยู่กับหนิงแล้ว รินเค้าอยากส่งกำลังใจให้ทุกท่านที่ประสบปัญหาชีวิต ว่า ไม่มีอะไรเอาชนะความเข้มแข็งของเราได้

    กว่าจะมาถึงวันนี้ หากไม่เข้มแข็งพอ ยอมล้มเสียก่อน คงไม่มีนามปากกาแอร์กี่มาเล่าเรื่องให้ทุกท่านฟัง ณ.วันนี้

    ขอขอบพระคุณอีกครั้ง จากใจจริงค่ะ

    ...................แอร์กี่.....................




    ตอนที่แปด


    วันนั้นผู้โดยสารค่อนข้างน้อยผิดกับไฟลท์ญี่ปุ่นทั่วไป หากเป็นไฟลท์ไปโตเกียวหรือโอซาก้า ผู้โดยสารจะเต็มแน่น ถึงกับบางวันต้องมีหลายไฟลท์

    ผู้โดยสารน้อย ทำให้มีเวลาว่างมาก หนุ่ยทำงานคู่กับฉัน หนุ่ยทำงานเนี้ยบและเร็ว หากแอร์คนไหนได้จับคู่กับหนุ่ยเรียกว่าสบายไปหลายร้อยอย่าง หนุ่ยจะแย่งงานแอร์ทำหมด จนวันนั้นฉันต้องถามหนุ่ยว่า

    "หนุ่ย เธอจะไฮเปอร์อะไรขนาดนี้ รินเหนื่อยวุ้ย ทำงานไม่ทันทศกัณฐ์หนุ่ยเล้ยยย"

    "บร้า ยัยริน มาว่าชั้นเป็นทศกัณฐ์ ชั้นมันนางสีดาตาหากล่ะยะ เออ แต่ชั้นชอบรามเกียรติ์นะ ที่อ่านๆวรรณคดีมา ชั้นเห็นพระรามเนี่ยแหละรักเดียวใจเดียว ไม่โรเนียวหลายร้อยก๊อปปี้ ..เหมือนบางคน เชอะ ยัยรินเอ๊ยยย ทำหน้าระรื่นอยู่ได้ไงเนี้ยะ ผัวมีเมียน้อยตัวเป็นๆอยู่ใกล้ๆ ยังเช้ยย เฉยยย อยู่ด้ายย"

    หนุ่ยพูดพร้อมกวัดแกว่งมือจนฉันต้องหลบ กลัวมือเธอจะมาโดนตัวฉันเข้าแรงๆคงเจ็บแย่ ถึงหนุ่ยจะเป็นผู้ชายนะยะ เรี่ยวแรงที่มีมันก็เท่าเทียมกับผู้ชายปกตินี่เอง

    "ว่าไงนะหนุ่ย เมียน้อยอะไรอีก"

    ฉันถามทั้งที่ใจเต้นตุบตับ ตึกตัก จนกลัวหนุ่ยจะได้ยิน

    หนุ่ยค้อนขวับ

    "เอ๊า คุณหนูริน นี่โง่จริงหรือแกล้งโง่ เธอยังไม่รู้เรื่องยัยผลไม้ใส่ค้อกเทลนั่นอีกเหรอยะ "

    "รินรู้มามั่งแหละ แต่พี่หนิงเค้าบอกว่าไม่มีอะไร พอดีรินยุ่งๆหลายเรื่อง รินเลยเอาไว้ก่อน แต่หนุ่ยรู้อะไรก็บอกรินมั่งดินะ"

    คราวนี้หนุ่ยทำหน้าเคร่งขรึม เอื้อมมือสองข้างมาจับตัวฉันไว้

    "ริน ตัวไม่รู้เหรอว่าพี่หนิงกับยัยผลไม้น่ะ เค้าไปไหนๆกัน คนเห็นจนทั่วบ้านทั่วเมือง ถามจริง ทำไมรินไม่รู้ ถามจริง รินเชื่อพี่หนิงมากป่าว ไม่งั้นหนุ่ยจะกลายเป็นเพื่อนเลว เฮ้อออ ใครๆเค้าว่าเรื่องผัวเมียอย่าเข้าไปแจมนี่ท่าจะจริงเนอะ .."

    หนุ่ยพูดจบพร้อมถอนหายใจเฮือก เฮือก

    พี่ปิ๋มเดินเข้ามาพอดี เธอเห็นทีท่าถอนหายใจแบบระทวยระทมของหนุ่ยแล้วปิดปากหัวเราะคิกคัก

    "คุณนายหนุ่ย ถอนใจทำไมจ๊ะ เมนส์ไม่มาเหรอ 5555"

    "ไม่ขำเลยเจ๊ ไม่ขำ " หนุ่ยบอกพร้อมกับค้อนพี่ปิ๋มอีกครั้ง

    พี่ปิ๋มยังคงหัวเราะคิก

    "ค้อนอีกๆ อิอิ พี่ไม่เคยเห็นสาวคนไหนค้อนสวยเท่าหนุ่ยเลยนะเนี่ย แล้วใกล้รับปริญญายัง"

    "โอ๊ย พี่ปิ๋ม เฉิ่มเบ๊อะ เชย โก๊ะ หนุ่ยรับป.โทไปตั้งตะปีที่แล้ว เนี่ย บินอีกไม่กี่ไฟลท์ก็จะลาออกไปเรียนเอกละ หนุ่ยคงคิดถึงพวกเราตายเลย แต่อ่ะนะ เพื่ออนาคต มันต้องตัดใจ ใช่มั้ยริน ตัดใจซะวันนี้ เพื่อสิ่งที่เจ๋งกว่า cool กว่าในวันหน้า" ประโยคหลังหนุ่ยทำหน้าตามีเลศนัยกับฉัน

    "ยังไม่ทันไปเมืองนอกเล้ย มาคงมาcool เป็นอเมริกันไปด๊าย หนุ่ยนี่เก่งนะ จบด็อกเตอร์กลับมาแล้วอย่าลืมเลี้ยงพี่น้า" พี่ปิ๋มบอก

    "รับรองๆ เจ๊ หนุ่ยไม่ลืมพวกเราหรอก" หนุ่ยให้คำมั่นจริงจัง

    หลังจากนั้นต่อมา เมื่อหนุ่ยพกปริญญาเอกกลับมากรุงเทพ หนุ่ยเชิญพวกเราไปทานอาหารที่บ้านอันใหญ่โตมโหฬารของคุณพ่อคุณแม่หนุ่ยจริงอย่างที่หนุ่ยพูดไว้

    "เนี่ย พี่ปิ๋ม ถ้าหนุ่ยจบเอก กลับมาทำงานกะชาวบ้านอื่นเค้า ต้องเก๊กแมนแค่ไหนก็ไม่รู้ ชีวิตหนุ่ยมันระทมขมขื่นยิ่งกว่ารินอีกนะ "

    "อีกละ อีกละ หนุ่ยวกมาเรื่องรินอีกละ เอาเหอะหนุ่ย เล่ามา รินฟังได้ เจอมาเยอะแล้ว"

    พี่ปิ๋มกับหนุ่ยมองหน้ากัน ต่างคนต่างเกี่ยงให้อีกฝ่ายหนึ่งบอกฉัน

    ในที่สุด หนุ่ยเป็นคนเล่า ได้ความว่าพี่หนิงเปิดเผยมากเรื่องเชอร์รี่ บอกใครๆว่าเธอตรงสเป๊คสุดๆ เชอร์รี่เองเล่าให้คนอื่นฟังว่าพี่หนิงจะหย่าแต่ฉันไม่ยอม เธอจึงต้องคอยก่อน

    พี่หนิงบอกเชอร์รี่ว่าฉันท้อง ต้องรับผิดชอบ เขาไม่ได้รักฉันเลย ไม่อยากอยู่ด้วย แต่กำลังเทรนกัปตัน ไม่อยากมีเรื่องกับฉัน เกรงจะกระทบการงานของเขา เลยขอให้เชอร์รี่ใจเย็นๆรอก่อน

    ฉันฟังหนุ่ยเล่าจนจบด้วยอาการเจ็บจี๊ดขึ้นสมอง ไล่มาตามคอ สันหลัง และทั้งตัว เป็นความรู้สึกที่ทรมานมาก โดยเฉพาะขณะนั้นกำลังทำงาน ร้องไห้ไม่ได้เสียด้วย ต้องอดทน ข่มความรู้สึกอยากจะปล่อยโฮเอาไว้ในอก

    ฉันทำงานต่อจนเครื่องลงอย่างไม่มีแก่จิตแก่ใจ ฉันฝืนยิ้มจนรู้สึกว่าหน้าตึงไปหมด ขมับตึง ร้อนในอก ร้อนที่ตัว ร้อนที่หัว สลับกันอยู่อย่างนั้น

    เครื่องลงที่นาโกยาตามเวลา ปกติแล้วฉันชอบนาโกยามาก โรงแรมที่เราพักอยู่ในเมือง ไม่ได้พักโรงแรมชานเมืองเหมือนที่โตเกียวหรือโอซาก้า เดินไปนิดเดียวจะถึงแหล่งช้อปปิ้ง อย่างที่เคยเล่าแล้วว่า ของญี่ปุ่นน่าซื้อ แพ็คเกจจิ้งงดงามจนบางครั้งไม่อยากจะแกะเลย

    เมื่อถึงโรงแรม เข้าห้องได้ ฉันร้องไห้ ร้อง ร้อง ด้วยความปวดใจ คับแค้นใจ โมโห ความรู้สึกเลวร้ายทั้งมวลถาโถมเข้ามา

    ฉันเปิดกระเป๋าถือ หยิบรูปลูกในอัลบั้มบางๆออกมาดู ฉันจัดรูปลูกไว้ตามอายุที่โตขึ้น น้องรุ้งจ้องตาโตตอบมาราวจะปลอบแม่ว่าแม่ยังมีหนูอยู่ทั้งคน ค่อยๆคิดนะจ๊ะแม่จ๋า

    นั่งพลิกรูปลูกไปมา ทนคิดถึงลูกม่ไหว โทร.ไปหาลูกดีกว่า

    การโทรศัพท์หาลูกเป็นเรื่องหนึ่งที่พี่หนิงชอบบ่นฉัน เขาบอกว่าค่าโทรศัพท์ทางไกลมันแพง โทร.ไปแล้วทำอะไรได้ในเมื่อเราอยู่ไกล เปลืองเงินอีกด้วย

    พี่หนิงไม่ทราบหรอกว่า เสียงของลูกน้อยปลอบประโลมใจฉันได้ทุกครั้ง ครั้งนั้นเช่นกัน นวลรับโทรศัพท์ พอทราบว่าเป็นฉัน เธอรีบให้น้องรุ้งพูดทันที ฉันคุยกับลูก บอกว่าแม่จะซื้อคิตตี้ไปฝากนะลูกนะ

    วางหูจากลูก นึกถึงพี่หนิงที่ชอบบ่นเรื่องฉันใช้เงินไม่เข้าท่า อย่างเช่น เวลาฉันไปส่งน้องหนอนกลับมาบ้านแล้วแวะซื้อของกินหน้าปากซอยมาเยอะ พี่หนิงจะบ่นว่า ซื้อมามากมายทำไม เช่น

    "แล้วปาท่องโก๋นี่ รินกินไม่หมด ทีหลังซื้อสองบาทพอแล้ว"

    ฉันไม่อยากเถียงหรอก ในใจนึกว่า คนขายตื่นมานวดแป้งตั้งแต่ตีสองตีสาม ขายเท่าไหร่ไม่เห็นจะร่ำรวย สมัยนั้นปาท่องโก๋คู่ละหนึ่งบาท แต่ฉันมักจะซื้อครั้งละสิบบาทหรือยี่สิบบาท เอาไปฝากนวล และฝากคนบ้านพี่หนิงกับบ้านพี่หน่อย พี่สาวพี่หนิง จนพี่หนิงห้ามว่าไม่จำเป็นต้องซื้อฝากใคร

    "ใครอยากกินก็ให้ซื้อเองสิ" นั่นคือคำพูดของพี่หนิง

    ยิ่งอยู่นาน ความแตกต่างระหว่างเรายิ่งชัดขึ้น พอมาทราบเรื่องเชอร์รี่เข้า ดูเหมือนฉันจะหมดความอดทนทีเดียว ฉันเริ่มคิดถึงการแยกทางกับพี่หนิง คิดถึงคุณพ่อคุณแม่ คิดถึงลูกว่าแต่ละคนจะรู้สึกอย่างไรที่ฉันไม่สามารถประคับประคองนาวาครอบครัวลำนี้ของฉันไปได้โดยราบรื่น ฉันจะทำอย่างไรดีนะ

    วันรุ่งขึ้น ฉันฝืนออกไปเดินเล่นแถวแหล่งช้อปปิ้งตามการคะยั้นคะยอของหนุ่ยที่โทร.มาตามแต่เช้า

    "คนสวยจ๋า อย่ามัวนึกถึงผัวอกตัญญูอยู่เลย ไปช้อปกันดีกว่า ที่ไดเอะมีเซลด้วยนะ แต่งตัวสวยๆไปยั่วหนุ่มยุ่นกันแต่ฮึ!!!ชั้นไม่อยากเดินกะเธอเลย เดินกะเธอแล้วชั้นดับซะไม่มี"

    ไปเดินดูข้าวของกับหนุ่ยและพี่ปิ๋ม ได้ข้อมูล "ยัยผลไม้ใส่ค้อกเทล" จากหนุ่ยและพี่ปิ๋มเพิ่มเติมอีก ล้วนแต่เรื่องเสียดแทงใจทั้งนั้น

    ฉันเอามือกุมอก ทำหน้าเจ็บปวด ที่จริงไม่ต้องทำหหน้ามันคงฟ้องอยู่ว่ายัยคนนี้ไม่มีความสุขเอาเสียเลย

    "หนุ่ยจ๋า ได้โปรด พลี้สสสส please หยุด stop talking โอย รินจาตาย รับไม่ไหวแล้ว"

    ฉันทำแกล้งเป็นมุขขำขำ แต่หนุ่ยกับพี่ปิ๋มรู้ทัน ทั้งสองสังเกตเห็นว่าฉันทานอะไรไม่ลงเลย

    ฉันอดทนอยู่จนวันกลับ ก็ถ้าไม่ทนจะทำอะไรได้ โทร.กลับบ้านหลายครั้ง พี่หนิงไม่เคยอยู่เลย

    จนกระทั่งวันกลับมาถึง พวกเรานั่งรอเครื่องที่บินมาจากกรุงเทพและจอดแล้ว ผู้โดยสารกำลังลงจากเครื่อง สักพักต่อมาลูกเรือเริ่มทยอยกันออกมาทีละคนสองคน เครื่องจัมโบ้นี้ใช้ลูกเรือทั้งหมดยี่สิบเอ็ดคน

    หนุ่ยสะกิดฉัน "ว้ายยยยตาย ริน นั่นไง ยัยค้อกเทลผลไม้ เอ๊ย พูดผิด ยัยผลไม้ใส่ค้อกเทล"

    ฉันมองตามหนุ่ย นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นเชอร์รี่

    จากคุณ : แอร์กี่ - [ 9 ส.ค. 49 22:23:16 A:202.57.168.1 X: TicketID:117784 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com