ท่ามกลางแสงสีเหลืองสลัวที่ลอดผ่านมุ้งลวดหน้าต่างเข้ามา ดูเหมือนภายในห้องนี้จะมีเพียงเขาที่ยังคงเคลื่อนไหว บนโต๊ะทำงานสว่างขาวด้วยหลอดไฟดวงกลมสีฟ้า เขารู้สึกง่วงและคิดถึงหมอน ถามตัวเองว่าไม่ได้นอนมานานแค่ไหนแล้ว เขากลับจำไม่ได้แน่ชัดนัก บางทีอาจจะราว ยี่สิบสี่ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น
เขาหลับไม่ได้ ไม่กล้าแม้แต่จะคร่ำครวญหาหรือร้องขอ มือขวาของเขายังคงต้องจับดินสอเขียนลวดลายบนกระดาษปรู๊ฟแผ่นใหญ่ วาดเส้นสายที่งดงามเป็นลายเถา ลายใบไม้ ก้อนเมฆและรูปสัตว์นานาชนิด ๆ บางทีก็เป็นภาพเทพธิดาหรือหญิงงามตามที่โรงงานกระจกต้องการ สำหรับนำไปใช้เป็นแบบตัดสติ๊กเกอร์ปิดบนแผ่นกระจก แล้วพ่นทรายลงไปเพื่อให้เกิดพื้นผิวที่มีลักษณะเป็นฝ้าขุ่นขาว
ขณะเดียวกัน มือซ้ายของเขามักจะยกแก้วเหล้าซึ่งเป็นวิสกี้ราคาถูก ๆ ผสมน้ำขึ้นจิบอยู่เป็นระยะ ๆ เพื่อดื่มกินกับเพื่อนสองคน พวกนั้นไม่มีทางรู้หรอกว่าเขาคิดอะไร ไม่รู้แม้แต่น้อยว่าเขากำลังร้อนใจเรื่องวันมะรืนนี้ต้องจ่ายค่าเช่าห้องอีกแล้ว ค่าน้ำค่าไฟอีกต่างหาก แต่เขากลับยังไม่มีเงินแม้สักบาทเดียว เหรียญบาทสุดท้ายมันกลิ้งหายไปตอนไหน เขาไม่เคยมองเห็น ทุกวันนี้เขากับ ครอบครัว ดำรงชีพอยู่ได้ด้วยน้ำใจจากเจ้าของร้านค้าที่ยินยอมให้ เซ็น ด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจ ทั้งร้านข้าวแกงใต้ถุนแฟลต และร้านเหล้าใต้ถุนแฟลตอีกนั่นแหละ ดูเหมือนว่าวิถีชีวิตเยี่ยงนี้จะเป็นเรื่องปกติของเขาและชาวบ้านในห้องเช่าต่าง ๆ มานมนานแล้ว
จังหวะที่ยกแก้วขึ้นจิบเหล้าอีกครั้ง และพบว่าในแก้วเหลือเพียงก้อนน้ำแข็ง เขาหันไปมองเพื่อนที่ชื่อเวทย์ พยายามสบตาด้วย ตั้งใจจะขอให้ช่วยผสมเหล้าให้สักแก้วหนึ่ง แต่เวทย์กลับนอนตาปรืออยู่บนพื้นห้องไม่ใส่ใจกับสิ่งใด ส่วนเพื่อนอีกคนหนึ่งผลอยหลับไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ เพื่อนคนนี้ชื่อเอ เดินทางมาจากจังหวัดมหาสารคาม เพื่อเยี่ยมเยียนเขาและหางานทำได้สองปีแล้ว จนถึงเดี๋ยวนี้ยังไม่เคยจากไปไหน หรือแม้แต่คิดจะกลับบ้านนอก
เขาถอนใจเล็กน้อย ก่อนจะพยายามใช้มือซ้ายเอื้อมคว้าขวดเหล้าบนโต๊ะอีกตัวหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปเกือบเมตร ราวสองสามอึดใจเขาก็ทำได้สำเร็จ เขารินวิสกี้สีเข้มลงในแก้วใบเดิมและเติมน้ำเปล่าลงไปเกือบเต็ม เขย่าแก้วเล็กน้อย ขณะนั้นเฝ้าคิดว่า ถ้ามีโซดาเย็น ๆ สักขวดก็คงดี แต่พยายามตัดใจ มันน่าจะเป็นของฟุ่มเฟือยเกินไปสักหน่อยกระมังสำหรับเวลานี้
ยังไม่ทันที่เขาจะดื่มเหล้าแก้วนั้นก็เห็นร่างสูงโปร่งของเวทย์ลุกขึ้นยืนโงนเงน ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เก็บถ้วยจาน แล้วคว้าขวดน้ำเกลือเก่า ๆ พร้อมสายยางออกมา มันเป็นอุปกรณ์ที่เวทย์ดัดแปลงเพื่อการกินเหล้าขั้นสุดท้าย เขานึกอยากหัวเราะทุกครั้งที่เห็น แต่ไม่เคยหัวเราะออกมาได้สำเร็จนอกจากยิ้มเศร้า ๆ เพียงเล็กน้อย เขารีบใช้มือซ้ายยกแก้วเหล้าดื่มรวดเดียวเกือบครึ่งแก้ว เห็นเพื่อนเดินอย่างยากเย็นมารินเหล้าผสมน้ำใส่ลงในขวดน้ำเกลือ แล้วเอาไปแขวนไว้กับตะขอเหล็กดัดหน้าต่างห้อง ก่อนจะเอนหลังพิงขอบเตียงตรงจุดเดิมซึ่งเป็นที่นอนประจำ โดยอมปลายสายน้ำเกลือที่ปรับแต่งให้เหล้าไหลออกมาที่ละหยดอย่างช้า ๆ แล้วหลับตาลงอย่างมีความสุข
เขาส่ายหน้าอย่างปลงสังเวช เหลือบตาดูนาฬิการูปจานราคาถูกบนฝาผนัง มันเกือบจะตีสองแล้ว ใครต่อใครหลับกันหมด มีแต่เขาที่ต้องทำงานต่อไป ถ้าไม่ทำอย่างนี้ทุกคนในห้องก็จะต้องเดือดร้อนหาที่อยู่กันใหม่ ซึ่งเขาไม่มั่นใจเลยว่าจะมีใครทำได้
บางครั้งเขานึกอยากให้ทุกคนในห้องนี้ ซึ่งมีอยู่ด้วยกันถึงห้าชีวิตโดยไม่นับตัวเขา กลับไปเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ เขานึกถึงนิทานในวัยเยาว์ที่คุณครูเคยเล่าให้ฟัง เป็นเรื่องของพ่อที่จูงลูก ๆ เข้าไปในป่าลึกเพื่อปล่อยทิ้งไว้ตามยถากรรม เนื่องจากที่บ้านยากจนแร้นแค้น ถ้าทำได้เขาน่าจะพาทั้งเพื่อนและญาติข้างเมีย ไปปล่อยทิ้งไว้ที่ไหนสักที่หนึ่งในป่าคอนกรีตแห่งนี้ ที่ซึ่งพวกเขาไม่สามารถหาทางหวนกลับมาได้อีก ถึงตอนนั้นเขาคงพอมีเงินเหลือเก็บบ้าง และไม่ต้องทำงานหนักเป็นบ้าเป็นหลังเหมือนที่ผ่านมา มันหนักขนาดที่ล้มตัวลงนอนยังไม่ได้ ช่างเป็นชีวิตบัดซบที่ทำให้เขาสะอื้นอย่างโดดเดี่ยว ถึงกระนั้นเขาก็ได้แค่คิด ในโลกของความจริงมันเป็นไปไม่ได้ เขาใจไม่แข็งพอ และพวกนี้ก็คงไม่ยอมจากไปง่าย ๆ ถ้าเขาไม่ออกปากไล่ หรือสมมุติว่าวันมะรืนนี้ หากเขาหาเงินมาจ่ายค่าห้องเช่าไม่ได้จริง ๆ มันจะพอเป็นเหตุผลให้คนพวกนี้แยกย้ายกันไปต่อสู้ชีวิตตามลำพังได้ไหม เขาพยายามคิดแต่ดูเหมือนจะหาคำตอบไม่ได้เหมือนเช่นทุกครั้ง
คนอื่นอย่างเจ้าหมึก หนุ่มน้อยนักศึกษาจากเมืองตรังญาติของหยาดน้องเมียเขา ที่กำลังนอนอยู่มุมห้องด้านในนั้น เขาไม่ค่อยห่วงมากนัก หรือเจ้าบิ๊กเพื่อนของเจ้าหมึกที่มาขอซุกหัวนอนด้วย เนื่องจากไม่มีเงินจ่ายค่าหอพัก เขาก็ไม่นึกห่วงเท่าไรเหมือนกัน พวกนี้เป็นผู้ชาย นอนป้ายรถเมล์หรือนอนวัดสักพักคงพอไหว แต่สำหรับหยาดเด็กสาวตาคม เจ้าของร่างเล็กบอบบางผิวเนียนสีน้ำผึ้งนี่สิ จะให้ไปอยู่ที่ไหนได้ ถ้าเพียงแต่พี่สาวของหยาดจะส่งเงินกลับมาจากญี่ปุ่นบ้าง ไม่ใช่หายเงียบไปร่วมสองปีอย่างนี้ น่าจะพอมีที่ทางให้เธอได้ย้ายไปอาศัยตามลำพังและเป็นส่วนตัวมากกว่าที่เป็นอยู่ ไม่ต้องมานอนในห้องแคบ ๆ ท่ามกลางผู้ชายถึงห้าคน แม้จะได้นอนบนเตียงคนเดียว แต่เขารู้ดีว่ามันไม่สะดวกใจนักสำหรับเด็กสาวอย่างหยาด ถึงเธอจะไม่เคยบ่นให้ได้ยินมาก่อนเลยก็ตามที
จากคุณ :
ธาร ยุทธชัยบดินทร์
- [
10 ส.ค. 49 03:28:32
A:203.170.228.172 X: TicketID:125111
]