CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    เพียงเพื่อพบ

    คุณเคยรู้สึกไหมว่ามีใครบางคนจ้องมองคุณอยู่ หรือสัญชาติญาณได้บอกคุณว่าเคยผ่านเหตุการณ์นั้นมาแล้ว

    “ผมไม่รู้ว่ายายยังชอบหรือไม่ แต่นี่คือสิ่งที่ยายเคยทำอยู่ทุกวันไม่น้อยกว่าครึ่งชีวิต วันนี้ผมซื้อมาจากหลานสาวของยาย” เสียงแผ่วเบาผ่านริมปากด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
    ................................................
    ชายหนุ่มยืนนิ่งใกล้บันไดสะพานลอย ผู้คนเดินผ่านหน้าขึ้นลงไปแล้วนับไม่ถ้วน ไม่มีใครสักคนที่จะแสดงอาการให้เห็นความผิดปกติ

    แต่ใจของเขาเต้นรัวระส่ำ

    ...หรือว่าครั้งที่แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอุปปาทาน
    ...ไม่ใช่แน่นอน เพราะครั้งนั้นเขารู้สึกได้เหมือนจริงทุกประการ

    เขาตัดสินใจเดินเข้าหาบันไดขั้นแรก สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด มันคงรอเขาอยู่เช่นกัน สองมือยื่นออกไปตรงหน้าจนแน่ใจว่าเป็นเพียงอากาศว่างเปล่า มือซ้ายจับกำราวบันไดแน่น เท้าก้าวแรกเหยียบขั้นขึ้นไปด้วยใจเต้นแรงจนแทบทะลุออกมา

    เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อทุกอย่างเป็นปกติ มือซ้ายยังกำรูดราวบันไดเดินขึ้นไปอีกขั้นและอีกขั้น แต่เมื่อจะก้าวอีกขั้น เขาต้องผวาหัวใจแทบระเบิดเหงื่อเม็ดโป้งผุดขึ้นกลางหน้าผาก เอี้ยวตัวหันกลับมองทันที

    เอี๊ยดด... เสียงประตูเลื่อนปิดดัง เอาอีกแล้ว..เหมือนคราวก่อนไม่มีผิด เมืองหลวงแห่งนี้เกิดวิปริตอะไรขึ้น ผีสางถึงกล้ามาอาละวาดตอนพระอาทิตย์ส่องกลางหัว หันมองรอบตัวยังเห็นรถราวิ่งขวักไขว่ยังมีผู้คนอื่นเดินตามปกติ

    ทำไมพวกเขาถึงไม่รู้ความผิดปกติ
    ประตูเหล็กแข็งแรงมาปิดกั้นตรงบันไดขั้นแรก มันมาได้ยังไง
    เขาได้แต่ยืนจ้อง สองมือจับยึดราวบันไดแน่น ไม่รู้ว่ามีแรงบีบการเต้นของหัวใจมากน้อยแค่ไหนแต่ยามนี้เส้นเลือดตามแขนปูดโปนขึ้นมา

    เขาเดินย่องขึ้นต่อไปไปทีละขั้น สตรีสูงวัยคนหนึ่งเดินผ่านหน้าเขาไปจนได้กลิ่นน้ำหอม จมูกยังรับกลิ่นได้ชัดเจน จะเป็นอุปปาทานไปได้ยังไรกัน และมั่นใจว่ายังมีสติดีทุกอย่าง เขาไม่ใช่คนบ้า

    หนุ่มสาวสองคนเดินคุยกันผ่านประตูเหล็กนั้นขึ้นมาโดยไม่รู้สึกยากลำบาก
    ทำไมพวกเขาผ่านประตูเหล็กเข้ามาได้ หรือว่าสองคนนั่นสำเร็จอภิญญาไปกันแล้ว บ้าสิ... ไม่ใช่อย่างแน่นอน ดูท่าทางพวกเขาน่าจะเป็นนักเที่ยวราตรีเสียมากกว่าจะเป็นผู้หลงไหลในญาณ

    เขาหันมองตามเด็กหนุ่มอีกคนกำลังเดินคุยโทรศัพท์ และเดินลงมาและผ่านหน้าเขาไป และผ่านประตูเหล็กนั่นไปได้อีกคน
    ....ไอ้สะพานบ้าตัวนี้มันเป็นอะไรกันแน่ แม้วันนี้เขากลับมาพิสูจน์อีกครั้งก็ยังเหมือนเดิม

    ตัดสินใจก้าวเดินขึ้นไปไม่อยากหันกลับ จนกระทั่งถึงขั้นบนสุด ตายละหวาทำไมถึงสร้างได้น่าหวาดเสียว อยากรู้นักว่าใครเป็นผู้ออกแบบ จู่ๆราวบันไดหายไปจนตัวเขาผวาเกือบตกลงไป ด้านล่าง รถยังแล่นสวนกันด้วยความเร็วชวนให้ใจหวิวเสียวถึงท้องน้อย เมื่อไม่มีราวสะพานให้จับยึดจึงต้องขยับตัวมายืนอยู่ตรงกลางเพื่อลดความหวาดเสียว แต่เขาต้องเกือบร่วงลงไปอีกครั้งเมื่อมีหญิงสาวซึ่งเดินตามหลังขึ้นมากระแทกใส่จนหน้าคมำ และยังถูกเธอหันมาตำหนิด้วยสายตา

    “คุณ...ระวัง” เขารีบร้องตะโกนเตือนหญิงสาวคนนั้นด้วยความหวังดี เมื่อเธอจะก้าวผ่านไป แต่ยิ่งทำให้เธอหันมาใช้สายตาที่ดุกว่าเดิม

    พื้นของสะพานลอยที่เขาเห็นเวลานี้มีร่องรอยผุพัง แผ่นเหล็กรองรับถูกวางเป็นช่วงเว้นระยะแต่ละย่างก้าว มันกว้างแค่เต็มฝ่าเท้าเท่านั้นเอง มองทะลุช่องว่างลงไปเห็นเบื้องล่างชัดเจน นี่มันเลวร้ายกว่าครั้งที่แล้วเสียอีก

    หญิงสาวคนนั้นเดินก้าวผ่านไปอย่างคล่องแคล่ว ไม่มีท่าทีหวาดกลัวแม้แต่น้อย แต่หัวใจของเขากลับเต้นสั่นอย่างรุนแรง ไม่กล้าพอที่จะก้าวออกไป เขาจะไม่ข้ามสะพานตัวนี้ต่อไปอีกแล้ว หันหลังกลับก้าวลงบันไดทางเดิม สองข้างของบันไดกลับเป็นผนังกั้นทึบ เขาจับประตูเหล็กเขย่าจนสุดแรงแต่ไม่สามารถเปิดออกได้ แสงแดดที่แผดลงมาทำให้เหงื่อท่วมตัว หรือว่าเขาจะถูกกักขังอยู่ในนี้

    เมื่อไม่มีทางเลือก เขาจำต้องย้อนเดินขึ้นไปข้างบนอีกครั้งเพื่อหาทางออกจากที่นี่ ยืนเกร็งลมหายใจ รอจนแน่ใจว่าปลอดผู้คนที่ขึ้นมา

    ตัดสินใจยกเท้าเหยียบแผ่นพื้นของสะพานลอย สองขาสั่นด้วยความกลัว ก้มตัวลงเดินย่องจนแทบเหมือนคลาน ก้าวไปทีละแผ่น จนสุดท้ายเขาข้ามผ่านถึงบันไดลงอีกฝั่งจนได้ แต่ยิ่งแปลกใจเมื่อเห็นชานพักของสะพาน มีเชือกขึงกั้นห้ามผ่านและตัวบันไดหักมุมยื่นออกไปบนผิวถนน ส่วนด้านข้างแทนที่จะเป็นราวบันไดกลับเป็นผนังมิดชิดและมีช่องหน้าต่าง ที่มีผ้าม่านสกปรกปิดบังอยู่

    เขาเดินลงไปหยุดที่ชานพัก ชะโงกหน้าผ่านหน้าต่างเห็นแม่ค้าแผงลอยสองคนอยู่ด้านล่าง แล้วนี่เขาจะลงไปได้อย่างไร เชือกกั้นเพียงเส้นเดียวไม่ใช่อุปสรรคแต่บันไดที่วกไปลงตรงกลางถนนนี่สิ หากเขาก้าวเท้าลงไปต้องโดนรถชนแน่นอน หรือว่าต้องกระโดดลงไปทางหน้าต่างนี้ ความสูงเพียงสามเมตรกระโดดลงไปคงไม่เป็นไรมาก เพราะหากให้ต้องย้อนกลับไปทางเดิม มองดูแผ่นพื้นสะพานแล้วทำให้ใจฝ่อ อีกทั้งประตูด้านนั้นยังเปิดไม่ได้อีกด้วย ในใจได้แต่นึกด่าตัวเองที่ไม่น่าจะต้องมาพิสูจน์สะพานตัวนี้อีกเลย

    ขณะที่ยังลังเล ชะโงกหน้านอกหน้าต่าง ยายที่ขายอาหารอยู่ด้านล่างมองขึ้นมาดูเขาด้วยท่าทีเฉยเมย

    นักเรียนคนหนึ่งเดินขึ้นมาถึงชานพักด้านหลังเขาโดยที่ไม่รู้สึกตัว เขาต้องคลายปริศนานี้ให้ได้
    “น้อง ขึ้นมาได้ยังไง”
    เด็กคนนั้นทำหน้างุนงง เหมือนไม่เข้าใจคำถาม หรืออาจประหลาดใจกับคำถาม
    “เดินขึ้นมาสิพี่” มิหนำซ้ำยังพยายามถอยออกห่าง
    “ขึ้นมาทางไหน”
    “อ้าว......บันไดนั่นไง” เด็กคนนั้นหันไปมองทางด้านล่าง แล้วรีบเดินขึ้นไปอย่างรวดเร็ว

    ทันไดนั้น มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
    “อยู่ไหนแล้ววะ”
    “ใกล้จะถึงแล้ว รออีกแป๊บเดียว” เขาตอบเพื่อนไปแบบนั้น
    นี่ไง เขายังคุยกับเพื่อนรู้เรื่อง เขาไม่ได้เป็นบ้า หรือว่าประสาทหลอนเป็นแน่

    เขาตั้งท่าที่จะปีนหน้าต่างออกไป แม่ค้าทั้งสองคนเงยหน้าและชึ้นิ้วให้มองตาม ตำรวจยืนมองจ้องมาที่เขาอยู่เช่นกัน คราวนี้หมดสิทธิ์ที่จะกระโดดลงไปแน่ ไม่เช่นนั้นคงต้องถูกจับอย่างน้อยต้องเสียค่าปรับ หรืออาจเป็นข่าวให้ต้องอับอาย

    ....................................
    สะพานบ้านี่เป็นอะไรกันแน่ ต้องเสี่ยงเป็นไรเป็นกัน ตัดสินใจเดินลงไป เบื้องหน้าเขากลับกลายเป็นเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน นี่มันคือโรงงานขนาดใหญ่ที่ไหนสักแห่ง ทึบอึมครึมด้วยแสงของธรรมชาติ ผู้คนจำนวนมากมาอยู่ในที่นี้ได้อย่างไร

    พวกนั้นเป็นทหารญี่ปุ่น จิตใต้สำนึกโผล่แวบขึ้นมาบอกเขาอย่างนั้น
    เส้นทางระบุชัดห้ามเข้า นี่เป็นเขตหวงห้าม สายตาหลายคู่จ้องมองมาที่เขา จนเกิดความกลัว กลุ่มคนที่เดินด้านนอก เริ่มส่งเสียงโหวกเหวกที่ฟังไม่รู้เรื่อง ทหารสามสี่คนรีบกรูกันเข้ามา ไม่มีอย่างอื่นแน่ พวกนั้นจะเข้ามาจับตัวเขา

    เขาออกแรงวิ่งผ่านลานกว้างที่มีลังไม้ระเกะระกะ วิ่งๆๆ ไปตามที่เห็น ทหารพวกนั้นยังวิ่งไล่ตามและมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ความรู้สึกคุ้นเคยกับสถานที่นี้โผล่วูบเข้ามา

    ต้องวกไปด้านซ้ายมือจะมีช่องประตูบานใหญ่ของโกดังสองบาน และใช่แล้วเป็นไปตามลางสังหรณ์ เขาวิ่งตรงออกไปทันที ทหารที่อยู่ด้านหน้าประตูนั่นหันมามองและยกปืนขึ้นส่อง

    ต้องหลบไปด้านขวา เหลือบเห็นอีกประตู นี่เป็นทางหนีทางออกที่ปลอดภัยแน่นอน เขาเคยจำสภาพของลังไม้บริเวณนี้ได้อย่างดี กล่องไม้นั่นเขาเป็นผู้นำมาวางไว้เอง ประตูโล่งมีเพียงเจ้าหน้าที่ยามและพนักงานยืนนับสิ่งของอยู่ ที่รู้สึกคุ้นหน้าอย่างยิ่ง

    เขาวิ่งๆๆหลบหลีกสิ่งของที่ตั้งวางเรียงราย เจ้าหน้าที่ยามคนนั้นจะออกมาขวาง แต่เขารีบยกมือโบกห้าม ไม่มีเวลาทักทาย เวลานี้ต้องหนีเอาตัวรอดเท่านั้น เขาวิ่งผ่านประตูออกมาจนได้

    เมื่อหันกลับไปมองด้านหลัง
    “รีบหนีไป” เสียงผู้หญิงตะโกนตามหลัง เร่งกระตุ้นให้เขาหันหลังกลับ วิ่งหนีหลุดพ้นจากบ่วงความตาย

    ทำไมเสียงผู้หญิงคนนั้นคุ้นหูเขานัก เพียงแค่ได้ยินหัวใจเขาพองโตจนรับรู้ได้ถึงความผูกพันความใกล้ชิด มีความรู้สึกอบอุ่นใจ เสียงใครกันหนอที่มีอานุภาพร้ายแรงเช่นนี้
    .....................................

    จากคุณ : กลา วัตตโต - [ 11 ส.ค. 49 21:09:40 A:203.118.85.72 X: TicketID:125236 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com