CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    โจรช่างเจาะ (บันทึกของคนเดินเท้า)

    บันทึกของคนเดินเท้า

    โจรช่างเจาะ


    การโจรกรรมนั้น มีมากมายหลายประเภท แต่บรรดาเหล่าร้ายที่หากินในทางปล้นทรัพย์ชอบมากที่สุด ก็น่าจะเป็นการปล้นร้านทอง ปล้นธนาคาร หรือปล้นรถขนเงินเดือน เพราะเป็นเงินจำนวนมากน่าจะเสี่ยง ถ้าทำได้สำเร็จแล้วเอาไปซุกซ่อนไว้ให้พ้นมือเจ้าหน้าที่ ถึงจะถูกจับติดคุก เมื่อพ้นโทษออกมาแล้วก็มีหวังรวยคุ้มกับการเสี่ยง ดังที่เราจะได้เห็นอยู่เสมอในภาพยนตร์ของฝรั่งและจีน แต่สำหรับเรื่องจริงในประเทศไทยนั้น ไม่เห็นรอดมือเจ้าหน้าที่ตำรวจไปสักรายเดียว

    เมื่อวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๒๗ ได้มีกลุ่มโจร ๖ คน ร่วมมือกันปล้นเงินของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่จะนำมาจ่ายเงินเดือนของข้าราชการไปเป็นจำนวนถึง ๒,๖๐๐,๐๐๐ บาท ทำให้        ข้าราชการต้องรับเงินเดือนล่าช้าไปถึงสามสี่วัน แต่ในที่สุดก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับได้หมดทั้งแก๊ง และได้เงินคืนมาเกือบหมด

    ต่อมาอีกหกเดือนก็เกิดการปล้นขึ้นอีก เมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๒๗ เวลา               ๑๑.๐๐ น. นายร้อยเวรสถานีตำรวจนครบาลสำราญราษฎร์ ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ธนาคารทหารไทย สาขาราชดำเนิน ว่าตู้เซฟของธนาคารถูกคนร้ายตัดเจาะเอาเงินไป ๙,๑๘๒,๑๘๐ บาท เป็นธนบัตรใบละ ๕๐๐ บาท ๑๐๐ บาท ๒๐ บาท และ ๑๐ บาท กับเงินเหรียญอีกจำนวนหนึ่ง

    เมื่อได้รับแจ้งแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ และนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ก็ได้เดินทางไปยังที่เกิดเหตุ ปรากฏว่าคนร้ายได้ใช้เครื่องมือ ตัดเจาะผนังตึกเป็นช่องขนาดกว้างยาวด้านละฟุตครึ่ง สำหรับคนตัวเล็ก ๆ ลอดเข้าไปได้ และตัดเหล็กลูกกรงที่ล้อมตู้เซฟอีกชั้นหนึ่ง แล้วจึงตัดเจาะตัวตู้เซฟล้วงเอาเงินออกไป

    จากการสอบสวนได้ความว่า ทางธนาคารได้ว่าจ้างบริษัทซึ่งตั้งอยู่ที่เขตยานนาวา มาทำการตกแต่งภายใน ตั้งแต่เมื่อสี่เดือนที่แล้วยังไม่เสร็จ และเมื่อวันที่ ๑๙ เดือนนี้คนงานของบริษัททั้งสิ้น ๑๒ คน ได้ขนเครื่องมือตัดเจาะและเชื่อมเหล็กเข้าไปในธนาคาร เพื่อเตรียมการก่อสร้างแต่งเติมอาคารภายใน

    จนถึงวันจันทร์ที่ ๒๓ เดือนนี้ เมื่อเจ้าหน้าที่ของธนาคารเข้าไปทำงาน ปรากฏว่าไฟฟ้าในสำนักงานขาดเปิดไม่ติด จึงติดต่อให้เจ้าหน้าที่การไฟฟ้ามาต่อไฟให้ เมื่อเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าตรวจไปจนถึงแหล่งจ่ายไฟฟ้ารวม จึงพบว่ามีช่องโหว่จากผนังตึกจนถึงตัวตู้เซฟ เจ้าหน้าที่จึงรู้ว่าเงินในเซฟหกล้านกว่าบาทได้ถูกคนร้ายกวาดไปหมดเกลี้ยง

    จากการพิสูจน์ของเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ได้พบเพียงรอยนิ้วมือของคนร้ายเต็ม ๆ ฝ่ามือติดอยู่ที่ผนัง และพบหินเจียรนัย ๕-๖ อัน พร้อมมอร์เตอร์สำหรับใช้กับหินเจียรนัยและคีมตัดเหล็ก ที่คนร้ายทิ้งไว้  

    เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวคนงานของบริษัทที่ รับเหมาตกแต่งสำนักงานทั้งหมดไปค้นบ้านแต่ก็ไม่มีบ้านไหนมีหลักฐานที่น่าสงสัยเลย

    เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าคนร้ายรายนี้ ต้องมีไม่ต่ำกว่าสามคน เพราะเครื่องมือตัดเจาะนั้นมีความแรงถึง ๔ แรงม้า และใช้ใบหินถึง ๕-๖ ใบ คนร้ายต้องทำงานอย่างหนัก เพราะมีการใช้ค้อนและเหล็กสกัดด้วย คนร้ายได้ใช้เวลาทำการ ในช่วงวันเสาร์หรืออาทิตย์  โดยใช้เวลาประมาณสองชั่วโมง

    ต่อมาหลังจากที่มีการประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ เพื่อวางแผนจับกุมคนร้ายแล้ว ได้แถลงว่า ภายในธนาคารทหารไทยมีการตกแต่งสถานที่เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน โดยคนงานของบริษัทรับเหมา มีทั้งช่างไม้ ช่างไฟฟ้า ช่างทาสี ผลัดเปลี่ยนกันมาหลายรุ่น ได้ทำการสอบสวนไปแล้ว ๑๒ คน จะต้องสอบต่อไปอีก ๒๐ คน

    ช่วงเกิดเหตุหลังวันศุกร์ที่ ๒๐ กรกฎาคม เวลา ๑๗.๓๐ น. พนักงานเก็บเงินของธนาคารได้นำเงินมาเก็บที่ตู้เซฟเป็นเงิน ๑๑ ล้านบาท หลังจากนั้นก็เดินทางกลับบ้าน ในเวลา ๑๘.๓๐ น. คงมีแต่ยามเป็นแขกอินเดียซึ่งถือลูกกุญแจเปิดสำนักงาน เฝ้าอยู่ภายนอก ส่วนนักการภารโรงก็มีกุญแจเปิดประตูเหมือนกัน  เมื่อมีพนักงานเข้ามาทำงาน ก็จะขอกุญแจไขประตูเข้าไปได้

    อาคารที่เกิดเหตุมีสี่ชั้น ชั้น ๑-๒ เป็นของธนาคาร ชั้นที่ ๓-๔ เป็นของบริษัทห้างร้านต่าง ๆ ทางธนาคารได้มีประกันการโจรกรรมไว้ วันธรรมดา ๑๒ ล้านบาท วันสิ้นเดือน ๓๒ ล้านบาท

    ส่วนขั้นตอนของการปฏิบัติของคนร้ายนั้น หลังจากคนร้ายเห็นว่าปลอดคนที่อยู่ภายในแล้ว ก็ได้เข้าไปอยู่ในห้องสวิทช์บอร์ด แล้วลงมือเจาะกำแพงหนาหนึ่งฟุตครึ่ง บรรจุทรายไว้ข้างในเพื่อป้องกันความร้อนจากไฟไหม้

    เมื่อเจาะผ่านแล้วเข้าไปอีกชั้นหนึ่งจะพบลูกกรงเหล็กก็ตัดเหล็กเข้าไปถึงตัวตู้เซฟ  คนร้ายจึงใช้ไฟเจาะผนังเซฟจนเป็นรูกว้าง แล้วใช้มือเอื้อมเข้าไปล้วงเงินออกมา เท่าที่มือจะเอื้อมถึง ตัวตู้เซฟสูง ๑ เมตร ๕๐ ซ.ม. กว้าง ๑๐ นิ้ว ยาว ๑๒ นิ้ว ใช้งานมาแล้ว ๒๗ ปี

    เมื่อเสร็จงานแล้วคนร้ายได้นำเครื่องมือไปโยนทิ้งไว้ในแอ่งน้ำชั้นใต้ดิน เจ้าหน้าที่ได้งมเอาขึ้นมาเป็นหลักฐาน ขณะนี้ยังบ่งบอกชัดไม่ได้ว่าคนร้ายลงมือเวลาใด

    เจ้าหน้าที่ได้แบ่งการสืบสวนออกเป็นสองสาย เพื่อติดตามหาตัวคนร้ายสายหนึ่ง  อีกสายหนึ่งรวบรวมพยานหลักฐาน

    ต่อมาในวันที่ ๒๖ กรกฎาคม เวลา ๑๗.๓๐ น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แถลงผลงานเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานก้าวหน้าไปมาก เป็นที่น่าพอใจ และเมื่อเจ้าหน้าที่ไปตรวจที่เกิดเหตุซ้ำก็พบหลักฐานอื่น ๆ เพิ่มเติมอีกมาก  ผู้ร่วมมือในการโจรกรรมครั้งนี้ จะต้องเป็นผู้ที่รู้เรื่องภายในธนาคารสาขาราชดำเนินแห่งนี้เป็นอย่างดีชนิดละเอียดทุกขั้นตอน เจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำผู้เกี่ยวข้องไปแล้ว ๒๑ ปาก และการตรวจสอบลายพิมพ์นิ้วมือ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จะต้องพิมพ์ใหม่เพื่อความรอบคอบ โดยเฉพาะแขกยามนักการและภารโรง รวมทั้งผู้ที่มาทำงานล่วงเวลาในวันเสาร์อาทิตย์ด้วยและมีรายงานข่าวว่าเจ้าหน้าที่ได้มุ่งประเด็น ไปยังพนักงานธนาคารทหารไทยเอง เพราะเชื่อแน่ว่าเกลือต้องเป็นหนอน

    ถึงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม เวลา ๑๑.๐๐ น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แถลงข่าวการจับกุมคนร้ายโจรกรรมเงินในตู้เซฟของธนาคารทหารไทยว่า เมื่อเวลา ๐๑.๐๐-๐๓.๐๐ น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรอำเภอท่าม่วง จังหวัดกาฐจนบุรี ได้เข้าค้นร้านตัดผม ในตำบลท่าม่วง พบกระสอบข้าวสารซุกซ่อนอยู่ใต้เตียงนอน เป็นที่ผิดสังเกตจึงนำออกมาแก้เชือกผูกปากถุง ก็พบว่ามีธนบัตรใบละ ๕๐๐ บาทอยู่ก้นกระสอบ เทออกนับจำนวนได้ ๙๖๐,๐๐๐ บาท

    สองสามีภรรยาเจ้าของร้านช่วยกันให้การว่า เมื่อ วันที่ ๒๘ เดือนนี้หลานชายของภรรยาได้นำกระสอบนี้มาฝากบอกว่าอีกสองวันจะมารับคืน โดยทั้งสองไม่ทราบว่าเป็นเงิน จากนั้นหลานชายก็ไปซื้อรถจักรยานยนต์ที่อำเภอท่ามะกา เอามาขับขี่ฉุยฉายอยู่ตามตลาด  

    แต่ไม่นานก็เอารถไปคืนบริษัท ได้เงินกลับมา ๒๙,๕๐๐ บาท แล้วก็หายตัวไปไม่ได้กลับมาอีกเลย ทั้งสองยืนยันปากคอสั่นว่า ไม่รู้จริง ๆ ว่าเป็นเงินร้อน และไม่เคยเปิดกระสอบออกมาดู เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวมาสอบที่กรุงเทพ

    ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับตัวคนร้ายสองคน ชื่อนายจันทร์ (นามสมมุติ) อายุ ๓๐ ปี จากบ้านแขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ เป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย ธนาคารทหารไทย สาขาราชดำเนิน และนายชื่น (นามสมมุติเหมือนกัน) อายุ๒๖ ปี จากบ้านแขวงมักกะสัน เขตพญาไท ซึ่งเป็นอดีตพนักงานรักษาความปลอดภัยของธนาคารทหารไทย สำนักงานใหญ่ ที่ถูกไล่ออกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์  ปีเดียวกันนี้ พร้อมยึดของกลางเป็นเงินสด ๕,๖๘๑,๒๙๐ บาท และทองรูปพรรณหนักประมาณ        ๕๐ บาท คิดเป็นเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท
    ผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพ

    นายจันทร์ผู้ต้องหาได้เปิดเผยการทำงานครั้งนี้ว่า ตนได้เข้าไปในธนาคารช่วงตอนเย็นของวันที่ ๒๐ กรกฎาคม และแอบซ่อนอยู่ในห้องสวิทช์บอร์ดไฟฟ้ากับนายชื่น เมื่อพนักงานธนาคารเลิกงานกลับบ้านไปหมด เห็นพนักงานรักษาความปลอดภัยล็อคประตูทางเข้าออกเรียบร้อย

    จึงรออยู่จนกระทั่งเวลา ๒๑.๐๐ น. เป็นช่วงที่ให้แขกยามมาเปลี่ยนเวรรักษาความปลอดภัย จึงลงมือเจาะผนังปูนจนถึงลูกกรงเหล็ก  ตนรู้ว่าไฟฟ้าเสีย แต่ได้โยนชะแลงเหล็กเข้าไปเพื่อทดสอบสัญญาณไฟ ก็ไม่มีเสียงสัญญาณดังขึ้น เมื่อเห็นว่าปลอดภัยทุกประการแล้ว จึงใช้คีมเหล็กตัดสายยูกุญแจจนขาด จากนั้นก็ใช้เครื่องตัดเป็นแผ่นจานเจียรนัย ตัดผนังตู้เซฟระหว่างชั้นที่ ๒ กับชั้นที่ ๓ กว้างด้านละฟุตกว่า

    เมื่อแผ่นเหล็กหลุดออกมาเป็นช่องแล้ว จึงได้ใช้มือล้วงเข้าไปโกยเอาเงินออกมาใส่ถุงผ้าใบซึ่งเป็นถุงของธนาคารทหารไทย จนกระทั่งมือล้วงเข้าไปไม่ถึงจึงเอาเหล็กเส้นปลายงอเป็นตะขอ เข้าไปกวาดเงินออกมาจนแน่นเต็มถุง แล้วเดินลงมาใต้ฐานตึกชั้นล่าง เปิดก๊อกน้ำล้างขี้ฝุ่นที่ติดตามตัวออก แล้วทิ้งเครื่องมือไว้ในบ่อ

    เมื่อล้างเนื้อล้างตัวเสร็จแล้ว ก็รีบขึ้นมาออกทางประตูหน้า โดยตนเองได้ทำกุญแจผีไว้แล้ว ที่ไม่ออกทางประตูหลังก็เพราะมีแขกยามนอนหลับอยู่ เมื่อไขประตูออกมาได้ก็รีบขึ้นรถที่จอดทิ้งไว้หน้าธนาคาร กลับไปบ้านของตนเองที่ถนนลาดพร้าว  เอาเงินออกมาแบ่งคนละ ๔,๕๕๐.๐๐๐ บาทเท่า ๆ กัน

    เมื่อแบ่งเรียบร้อยแล้ว นายชื่นก็ได้เดินทางกลับบ้าน ส่วนตนเองได้เข้าไปทำงานตามปกติ ไม่มีพิรุธให้เห็น งานครั้งนี้ตนได้วางแผนอยู่ประมาณสองเดือน

    นายชื่นนั้นได้ใช้เงินส่วนแบ่งอย่างฟุ่มเฟือย เป็นที่ผิดสังเกตของชาวบ้าน  ได้ซื้อทองให้เมียใส่ ทั้งของตนเองด้วยหนัก ๕๐ บาท และได้เดินทางหลบหนีไปหลายจังหวัด คอยติดตามความเคลื่อนไหวของตำรวจจากหนังสือพิมพ์ และสุดท้ายได้มาเสียม้าแข่งที่จังหวัดนครราชสีมาเป็นเงินหนึ่งล้านบาท

    นายจันทร์ได้เปิดเผยต่อไปว่า ได้ตกลงใจทำกันสองคนไม่ยอมให้ใครมาร่วมมือด้วย ตั้งแต่เริ่มลงมือจนกระทั่งสิ้นสุดนั้น เหงื่อเปียกโชกทั้งตัว ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่คิดชั่ว ส่วนสาเหตุก็เพราะอยากได้เงินเพื่อขยับฐานะให้ดีขึ้น

    และประการสำคัญที่ช่วยให้ตัดสินใจเด็ดขาด เนื่องมาจากความไม่พอใจ ที่ผู้บริหารงานชั้นผู้ใหญ่ไม่เห็นความสำคัญของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย  ที่จะจ้างให้ดูแลไปตลอดทั้งวันทั้งคืน

    แต่กลับไปจ้างบาบูแขกยามมาเฝ้ากลางคืน ซึ่งไม่มีประสิทธิภาพในการทำงาน เอาแต่หลับยามตลอด ไม่คอยตรวจตราดูแล ตนเองทำการโจรกรรมครั้งนี้เพื่อให้เห็นความสำคัญของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ส่วนเงินนั้นตนยังไม่ได้ใช้เลย

    เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่าจะสรุปสำนวนส่งฟ้องศาลได้ไม่เกิน ๗ วัน และได้นัดหมายให้เจ้าหน้าที่ธนาคารทหารไทยมาตรวจสอบนับเงิน และรับคืนต่อไป ซึ่งผู้จัดการธนาคารสาขาราชดำเนิน ได้ออกปากชมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าทำงานเก่งสามารถจับคนร้ายได้รวดเร็ว และได้เงินคืนเป็นจำนวนมาก จึงจะต้องมีรางวัลสมนาคุณแก่เจ้าหน้าที่ทุกคนที่ออกปฏิบัติงานตามสมควร

    ส่วนคนร้ายทั้งสอง ที่ไม่ว่าจะก่อกรรมครั้งนี้ด้วยเหตุผลใดก็ตาม สุดท้ายก็ต้องได้รับผลของกรรมนั้นอย่างแน่นอน

    หลังจากที่นึกว่าประสบความสำเร็จ และได้ลูบคลำเงินหลายล้านอยู่ เป็นเวลาเพียงสิบวันเท่านั้น.

    ###########

    จากคุณ : เจียวต้าย - [ วันแม่แห่งชาติ 06:33:50 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com