CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    กลับบ้านเรา

    *************************************

    เลยเที่ยงคืนแล้ว  คุ้งฟ้าเมืองหลวงยังคงกระจ่างเรื่อเรือง     บนถนนสายหลักรถยนต์ยังวิ่งไปมาขวักไขว่   ที่ริมถนนของสวนสาธารณะแห่งหนึ่งกลางกรุง  ร่างหนึ่งนั่งนิ่งอยู่บนม้ายาว    ผินหน้าออกไปทางถนน  สายตาจับจ้องรถยนต์และผู้คนที่สัญจรผ่าน   แสงไฟจากรถยนต์ที่วิ่งผ่านสาดกระทบเสี้ยวหน้าเรียว  ซึ่งโปะเครื่องสำอางราคาถูกซึ่งหาได้ตามตลาด หรือร้านแบกะดินทั่วไป    แสงไฟสลัว  ช่วยพรางรอยย่นของวัยให้หล่อนแลดูสาวและสวยขึ้นพอหลอกตานักท่องราตรีได้บ้าง
     
    ไม่นาน  รถยนต์เก๋งเก่าๆคันหนึ่งตบไฟเลี้ยวแล้วจอดพรืดใกล้ๆ   กระจกถูกเลื่อนลง  ใบหน้าชายวัยกลางคนพร้อมกลิ่นเหล้าคละคลุ้งก็ยื่นยิ้ม  ตาฉ่ำเยิ้ม

    “เท่าไหร่น้อง”

    “ห้าร้อยจ้ะ”

    “แพง...สองร้อยพอ”    เขาต่อรองเสียงแข็ง   สายตาสำรวจเรือนร่างราวกับจะประเมินความคุ้ม

    “ห้าร้อยเถอะพี่” หล่อนออดอ้อนเสียงอ่อนหวาน

    “อีห่....หน้าตายังกะผีตายซาก เรียกตั้งห้าร้อย   กลับไปนอนกับอีแก่ที่บ้านดีกว่า ไม่ต้องเสียสักแดง”     เขาสบถ   ถุยน้ำลายเฉียดปลายเท้าหล่อนไปนิดเดียวแล้วบึ่งรถออกไปทันที

    ‘ผีตายซากหรือ หากเป็นเมื่อก่อนจะไม่มีใครพูดแบบนี้กับดาราคิวทองอย่างหล่อนแน่

    อนาถนัก  นั่นมันกี่ปีแล้วเล่า  สิบปีกว่าแล้วกระมัง  ผู้ชายคนนั้นพูดถูก  บัดนี้ดูยังไงหล่อนก็ใกล้เคียงผีตายซากอยู่ดี  ทั้งเบ้าตาที่ลึกโหล  แก้มตอบซูบ  ริมฝีปากแห้งผากแม้จะเติมสีสันอำพรางมันก็ไร้ชีวิตชีวา  เหมือนผีตายซากจริงๆ

    คิดถึงตอนนั้น....ยี่สิบปีผ่านมาแล้วเห็นจะได้   .....ที่บ้านนอก  

    “คำแก้ว นั่นอีคำแก้วลูกพี่คำหล้าใช่ไหม”

    เสียงเรียกขานของสาวสวยในชุดเสื้อแขนกุดสีบานเย็นกับกางเกงขาสามส่วนลายดอกคับติ้ว  เน้นทรวดทรงองค์เอวแอร่ม  หยุดคำแก้วจากงานตรงหน้า

                           เด็กสาววัยสิบห้า  ผิวขาวเหลืองนวล  พวงแก้มมีเลือดฝาดระเรื่อ ใช้หลังมือปาดเหงื่อที่ไหลย้อย เงยหน้าขึ้นมองผู้มาเยือนด้วยสีหน้างงๆ   ใบหน้าเรียวมีคราบไคลเปรอะอยู่  กระนั้นก็ไม่อาจปิดความสวยที่ฉาดฉายได้มิด  หากยิ่งทำให้คนเรียกดวงตาเปล่งประกายวิบวับประหลาด  รี่เข้าไปหาด้วยสีหน้าปีติยิ่ง  หล่อนกรีดกรายเข้าประชิด  กลิ่นน้ำหอมฟุ้ง

    “ไม่นึกว่าจะเป็นสาวแล้ว   เมื่อก่อนยังเห็นวิ่งแก้ผ้าตากฝนโทงๆอยู่เลย”

    หล่อนชื่อคำแก้ว เป็นชื่อที่มีความหมายดีนัก คำ หมายถึงทองเทียบได้กับสิ่งมีค่า   แก้ว หมายถึง แก้วอันสุกใส แฝงความดีงามในชื่อนั้น     หากใครจะรู้ว่าวันหนึ่ง  อีคำแก้วคนนี้จะกลายเป็นดาวเจิดจรัส  ในอีกฟากฟ้าของแดนใต้

    หล่อนยังเยาว์นัก  เรียนจบแค่ชั้นประถมศึกษา  ฐานะทางบ้านยากจนข้นแค้น  หากไม่เป็นเพราะพี่เกี๋ยงคำ หรือ พี่เกลียวใจ  สาวสวยรวยเสน่ห์ผู้มาเยือนในวันนั้น  ครอบครัวของหล่อนคงไม่มีโอกาสสัมผัสได้ถึงความสบายแม้แต่กระผีกนิ้ว
     
    หลังจากพบกัน พี่เกี๋ยงคำก็แวะเวียนมาบ้านบ่อยๆ  ซื้อส้มสูกลูกไม้มาฝาก  แถมยังใจดีให้พ่อกับแม่หยิบยืมเงินอีกต่างหาก

    หล่อนแอบได้ยินพี่เกี๋ยงคำพูดกับแม่   เห็นพ่อทำตาโต  ส่วนแม่นั้นนิ่งเงียบท่าเดียว
     
    “เห็นอีบัวเรียวลูกหนานปันไหม   มันไปทำงานกับฉันได้แค่ปีเดียว ส่งเงินมาให้พ่อมันซื้อรถเครื่องขี่  มีทีวี  ตู้เย็น พัดลมใช้  อีกหน่อยก็จะสร้างบ้านใหม่เหมือนพ่อแม่ฉัน”

    “อย่างอีแก้ว ได้เดือนละเป็นหมื่นๆเชียวหละ”

    แล้วหล่อนก็ต้องจากบ้านเกิด   ตามพี่เกี๋ยงคำ หรือพี่เกลียวใจ มุ่งหน้าลงใต้   ‘ปาดังเบซา’ คือจุดหมายปลายทาง  

    หล่อนคือความหวังของพ่อแม่และน้องๆ  หล่อนจะเป็นผู้นำพาทุกคนให้หลุดพ้นจากความทุกข์ยาก ด้วยงานที่พี่เกี๋ยงคำบอกว่า สุดแสนจะสบาย ได้แต่งตัวงาม ไม่ต้องทนตากแดดหน้าดำในนาไร่อย่างทุกวัน

    เพิ่งรู้ว่างานสบายมันต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส   แรกๆหล่อนสะอิดสะเอียนนักหนา  น้ำตาท่วมหน้าอยู่เป็นอาทิตย์  นึกน้อยใจพ่อแม่ที่ส่งหล่อนมาเจอนรกแท้ๆ   ครั้นแข็งขืนดื้อดึงก็ถูกซ้อม  ส่วนพี่เกี๋ยงคำนั้นเล่าก็ได้แต่ปลอบใจ  เพราะตัวพี่เกี๋ยงคำเองก็ไม่ต่างอะไรกับหล่อนนัก   อาจจะต่างตรงที่พี่เกี๋ยงคำไม่ขัดขืนและทำงานมานานหลายปี จนได้รับความไว้วางใจ  แต่สำหรับเด็กใหม่อย่างหล่อน  ตะวันและเดือนแทบจะไม่ได้เห็น  มีเพียงห้องสี่เหลี่ยมและฝ้าเพดานเท่านั้นที่พอจะคุ้นตา

    หล่อนต้องแสร้งปั้นหน้ารื่นระริกระรี้  เพียงเพื่อทำให้ผู้ชายที่หล่อนไม่เคยรู้จักได้รับความสุขสม และตอบแทนด้วยเงินหนาบ้าง น้อยบ้างตามแต่หล่อนจะมีปัญญาอ้อนออเซาะเอา  แรกๆหล่อนก็ไม่กล้า  ครั้นพอเวลาผ่านจนเริ่มเจนงาน เจนชีวิต  หล่อนก็ลืมอาย  ไม่นานนัก  ความสวยความสาวของหล่อนก็เป็นที่เลื่องลือ  หล่อนกลายเป็นดาวของที่นั่น  มีคิวรับงานยาวเหยียดตลอดทั้งเดือน
     
    ทนทำงานหนักมาแรมปี  หล่อนจึงเอ่ยปากขอกลับไปเยี่ยมบ้าน  แต่คำตอบที่ได้คือคำปฏิเสธ

    “ไม่ได้  เกิดเธอแอบหนี   ฉันก็ขาดทุนยับสิยะ   รู้ไหม   ฉันซื้อตัวเธอมาตั้งสองหมื่นเชียวนะ  แค่ต้นทุนยังไม่ได้คืนเลย”

     เงินสองหมื่นเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน  มันน้อยเมื่อไหร่  ขนาดเงินสองร้อยตอนนั้นหล่อนยังไม่เคยได้จับ เมื่อไม่เห็นหนทางได้กลับบ้าน  หล่อนจึงต้องทนก้มหน้าทำงานชดเชยเงินส่วนนั้น  ซึ่งคิดว่ามันคงพอทำให้พ่อแม่และน้องๆสบายได้บ้าง  

    “เอาเถอะ ทำตัวดีๆ หมดหนี้เมื่อไหร่ เธอก็จะสบาย แล้วฉันจะให้เธอกลับบ้านได้เป็นครั้งคราว”
    .........
    แสงไฟรถยนต์สาดเข้ามากระทบ  ปลุกหล่อนตื่นจากห้วงคำนึง  จนต้องใช้มือบังหน้า  หรี่ตามองเจ้าของรถที่เลื่อนกระจกลง  ชายร่างอ้วนวัยดึก  กลิ่นเหล้าคละคลุ้ง  ชะโงกหน้าออกมามองสำรวจหล่อนตั้งแต่หัวจรดเท้า

    “สามร้อยไปไหมน้อง” น้ำเสียงอ้อแอ้

    “ห้าร้อยบาท ขาดตัวจ้ะพี่”        

    หล่อนพูดเสียงหวาน ทิ้งสายตาเชิญชวน   แทนคำตอบ  เขากระชากรถยนต์  บึ่งออกไปจากที่ตรงนั้นอย่างไม่ใยดี

    “สามร้อยก็ไปเถอะวะแก้ว   ดีกว่าเอ็งมายืนตากยุงอยู่แบบนี้   สมัยนี้แก่ๆอย่างเราได้แค่นี้ก็ดีถมถืดแล้ว  ดูอย่างข้าสิ   แขกเรียกแค่ร้อยห้าสิบเองยังไปเลย   นึกเสียว่าหากบริการดีๆเราอาจได้ทิปมากกว่านะ....”  

    เสียงเพื่อนร่วมชะตากรรมเอ่ยขึ้น  หล่อนเพิ่งกลับเข้ามายืนประจำที่  หลังจากหายออกไปราวชั่วโมงเศษ

    “อย่างว่าแหละนะ   โชคใครโชคมัน   ไม่ได้ถีบแทนทิปก็ถือเป็นบุญแล้วหละวะ”

    หล่อนแค่นหัวเราะกับมุขตลกที่ไม่ตลกสักนิดของเพื่อนร่วมอาชีพ  ไม่นึกว่าชะตาชีวิตจะเล่นกับหล่อนได้ถึงเพียงนี้

                     ภาพอดีต ตอกย้ำให้เสียดแน่นในอกยิ่ง  

                    หลังจากทนทำงานหนักอยู่นานเกือบห้าปี  หล่อนก็ได้รับความไว้วางใจ    กระทั่งพวกเขายอมให้หล่อนกลับไปเยี่ยมบ้านได้   แต่ใช่หล่อนจะได้กลับตามลำพัง   ‘เจ๊ดา’ เจ้าของบ้านที่หล่อนไปทำงาน  หรือที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่าแม่เล้า  ยังได้ติดตามหล่อนไปด้วย

    หล่อนดีใจนักหนา  แต่งตัวเฉิดฉายเต็มที่  ผิวที่ขาว ยิ่งขาวกว่าเก่า     เพราะไม่ได้ตากแสงตะวันมานานนม  หล่อนกลายเป็นจุดสนใจของหลายคนในหมู่บ้าน  ข้าวของและเงินทองที่เจ๊ดานำไปให้พ่อแม่  ทำให้หล่อนกลายเป็นยิ่งกว่าลูกกตัญญูแห่งปี  

              หลายคนมาร่วมชื่นชม  เพื่อนๆมาเยือนถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ  เด็กสาวรุ่นน้องมาเมียงมองอย่างสนใจ   แน่นอนว่า หล่อนไม่ลืมสัญญากับเจ๊ดาซึ่งแลกกับการกลับมาเยี่ยงดาราในครั้งนี้

      ‘...เด็กสาวหนึ่งคนเป็นอย่างน้อยสำหรับการกลับบ้านหนึ่งครั้ง....’


    “ฉันจะไปกับพี่แก้ว”  
    หล่อนแทบช็อค เมื่อคำน้อย  น้องสาวคนรอง ซึ่งบัดนี้กำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น เอ่ยปากขึ้นในการกลับบ้านครั้งที่สามของหล่อน

    “ไม่ได้ เอ็งจะต้องอยู่บ้าน   เรียนให้จบ เรียนให้เก่งๆ โตขึ้นเอ็งจะได้เป็นเจ้าเป็นนายมีเงินเดือนกินอย่างครูนวลจันทร์คนบ้านเหนือ”  

    หล่อนยืนกรานเสียงแข็ง  แต่คำน้อยหาได้ฟังไม่  หล่อนยังดื้อดึงและไปเสนอตัวกับเจ๊ดาซึ่งตามมาด้วยทุกครั้ง  และอาศัยพักบ้านของหล่อนแล้วเที่ยวตีสนิทเด็กสาวๆไปทั่วหมู่บ้าน
     
    ถึงเวลากลับ  เจ๊ดาก็จะได้เด็กสาวติดมือลงใต้ไม่น้อยกว่าห้าคน  ปีนั้นรวมคำน้อยน้องสาวของหล่อนอีกหนึ่ง  ซึ่ง แม้หล่อนจะพยายามบอกเล่าหรืออธิบายอย่างไรแต่คำน้อยหาฟังไม่

    “ถ้ามันไม่ดีจริง ทำไมใครๆที่เขาไปถึงกลับมามีหน้ามีตา ได้แต่งตัวสวย รวยๆกันทุกคนละพี่”

    แต่เด็กสาวที่พอจะมีความรู้อย่างคำน้อย  มีหรือจะยอมทำงานแบบนั้นโดยง่าย   คำน้อยถูกซ้อมจนสะบักสบอม  กว่าจะยอมทำงานก็ต้องปลอบกันนาน  ครั้นพอยอมหล่อนก็เล่นตุกติกกับแขกอยู่บ่อยๆ  

    กระทั่งไม่ยอมกินแม้ยาคุมกำเนิดประชดหวังตั้งท้องจะได้ไม่ต้องรับแขก  จนเธอท้องสมใจ แต่เธอคิดผิด  คำน้อยถูกจับทำแท้ง  โดยหมอเถื่อน เธอตกเลือดตาย  ภาพของเธอติดตาหลอนหลอกหลอนพี่สาวอย่างหล่อนอยู่ทุกค่ำคืน

                          หล่อนไม่อาจทนอยู่ได้  เสียใจและเจ็บปวดกับความโหดร้ายของที่นั่น  หล่อนแอบหนีออกมาได้ในวันหนึ่ง  จากนั้นก็ขึ้นรถไฟมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพ  ไม่คิดหวนกลับบ้าน  หวังไปตายเอาดาบหน้า   หล่อนคิดว่า  เวลาหลายปีที่หล่อนทำงานที่นั่น  กำไรคงเกินคุ้มที่พวกมันจะติดตามหล่อนคืน

                ซึ่งก็จริงดังคาดพวกนั้นไม่ตามหล่อน  หล่อนจึงได้พบกับคำว่าอิสรภาพอีกครั้ง

               แต่...  หล่อนทำงานอื่นไม่เป็น  การศึกษาที่น้อยนิด ไม่อาจทำให้หล่อนหางานดีๆทำได้  หล่อนจึงไม่อาจหนีวังวนอาชีพเดิมได้พ้น  ด้วยความสวยและวัยยังสาวอยู่  หล่อนจึงพอเรียกแขกได้  

                     วันเวลามันช่างผ่านราวติดปีก  วัยที่เริ่มมากขึ้น  เป็นอุปสรรคกับงานของหล่อนยิ่งนัก  โดยเฉพาะสมัยนี้  มีสาวๆสวยๆทั้งนักเรียนนักศึกษาหรือแม้แต่สาวออฟฟิศ  ต่างนิยมหันมาหารายได้พิเศษ กับงานไซด์ไลน์กันมากขึ้น    หมดยุคขู่เข็ญหลอกลวงกันแล้ว  สาวๆพวกนี้ต่างยินดีที่จะก้าวเดินเข้ามาในเส้นทางอันเปื้อนเปรอะอย่างเต็มใจ    หล่อนจึงเหมือนดอกไม้ใกล้โรยเต็มที  เมื่อในอ่างไม่มีแขกพิศวาสจะเลือกหล่อน   หล่อนจึงต้องอาศัยความสลัวในยามราตรีตามสวนสาธารณะบ้าง  ข้างถนนบ้างเป็นแหล่งทำกินแห่งใหม่  

                        (มีต่อ.......)

    จากคุณ : กีรติมา - [ วันแม่แห่งชาติ 14:30:35 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com