-2
ตูม...
อีกครั้งที่ฉันหมดเรี่ยงแรงไปกับความพยายามทำสิ่งนี้ อีกครั้งได้ยินเสียงน้ำกระทบน้ำดังเลือนลั่น อีกครั้งได้กลิ่นเน่าเสียโชยมาติดจมูก อีกครั้งที่หัวใจของฉันเต้นไม่เป็นส่ำ เหงื่อกาฬไหลออกมาอย่างพรั่งพรู อีกครั้งที่ฉันแทบจะจมอยู่ในห้วงของความกระเสือกกระสนร้อนรน
หอบหายใจ สติสัมปชัญญะกระตุกวูบ ร่างกายทรุดลงกับพื้น ราวกับ... ไร้เรี่ยวแรง
-1
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมได้เผชิญอยู่กับความรู้สึกแบบนี้ ความรู้สึกเดือดพล่านราวกับว่าของเหลวในร่างกายไหลเวียนขึ้นลงเป็นจังหวะดนตรีที่เต็มไปด้วยความคึกคะนองซึ่งบรรจบรวมกันแล้วถูกบรรเลงเป็นจังหวะซ้ำ ๆ ซาก ๆ หากรสนิยมดิบในมันสมองของบางคนจัดว่าเป็นศิลปะ
ผมเองก็คิดว่ามันเป็นศิลปะ
น่าเสียดายที่ตอนนี้ผมชักจะรู้สึกว่ามันแปลกไปจากครั้งก่อน ไม่มีครั้งไหนเลยที่ผมรู้สึกถึงความพ่ายแพ้และเหนื่อยอ่อนถึงขนาดนี้ มันเป็นเพราะผมเบื่อศิลปะบ้าบอนี้แล้ว หรือเป็นเพราะผมเกิดตระหนักขึ้นมาได้ว่าเพราะศิลปะดิบ ๆ ที่ว่านั่น ทำให้ผมต้องมาทุกข์ทรมาณอยู่ในสภาพแบบนี้
ไม่รู้สิ
แต่มันก็ทำให้ผมได้เรียนรู้ศิลปะอีกแง่มุมหนึ่ง
เลือดในร่างกายค่อยไหลเวียนช้าลง จากเดือดพล่านเป็นจังหวะเพลงบ้าระห่ำ ค่อย ๆ คลายเป็นสายธารดนตรีที่คลอหน่วง บรรเลงเป็นสายเสียงที่อ่อนละมุน
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมได้รับความสุขพิสดารแบบนั้น แต่ผมไม่แน่ใจเหมือนกัน... ว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายหรือไม่
ผูกพัน
0
จะเป็นไปได้ไหม ว่าชีวิตของทุก ๆ คนต่างถูกผูกติดไว้กับเชือกบาง ๆ หลายล้านเส้นที่ไม่มีใครมองเห็น แล้วจะจริงหรือไม่ที่ว่าหมู่มวลเชือกเหล่านั้นถูกมัดรวมไว้ที่จุดเริ่ม ณ อนันต์ จุดเริ่มที่ทำหน้าที่แกว่งไกวเส้นเชือกเหล่านั้นให้ล่องลอยไปมาตามใจนึก แล้วสนุกกับการเฝ้ามองเหล่ามนุษย์ที่ถูกผูกติด เคลื่อนที่ปฏิสัมพันธ์กันตามแรงเชิดของเส้นเชือก
จินตนาการเช่นนี้พอจะเป็นจริงได้ไหม ถ้าจะนำโชคชะตาตลก ๆ ทั้งหลายซึ่งเกิดขึ้นจริงในชีวิตของเราท่านมาอ้างอิง
1
วันนี้ฉันสาย
แน่นอนว่าในเวลาแบบนี้ใครบางคนก็ยังมีความสุขกับนิทราลม ๆ แล้ง ๆ ที่จวนเจียนจะขาดสะบั้นเต็มทีบนเตียงนอนหนานุ่ม ใต้ผ้านวมผืนหนาที่ช่วยกีดกั้นความหนาวเหน็บ หรือใครบางคนอาจจะกำลังทนทุกข์อยู่บนพื้นคอนกรีตแข็ง ๆ รับลมหนาวที่ชอนไชร่างกายจนเกิดเป็นนิมิตอันโหดร้าย
ชะตาชีวิตของคนเราแต่ละคนแตกต่างกัน ข้อนั้นฉันรู้ แต่ถึงอย่างไร โชคชะตาเหล่านั้นมันก็ไม่ใช่ของฉัน เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่ฉันจะต้องไปฝันดีหรือฝันร้าย หากแต่ต้องเป็นเวลาแห่งความจริง
ใช่... มันควรจะเป็นเวลาแห่งความจริงเสียที
ฉันรู้สึกดีขึ้นมากหลังจากที่ปล่อยให้ร่างกายผ่านสายน้ำเย็นยะเยียบ มันชำระล้างความสกปรกทั้งมวลออกไป ก่อนที่จะแทนที่ด้วยความสดชื่น ฉันรู้สึกได้ถึงความสบายอกและสบายใจ เหมาะสมแล้ว สำหรับความรู้สึกที่จะก้าวมาสู่ความเป็นจริง หลายคนว่าความจริงเลวร้าย แต่สำหรับฉัน ความฝันมันร้ายยิ่งกว่า ความจริงของฉันมีแต่เรื่องดี ๆ
ต้องมีแต่เรื่องดี ๆ
ป่านนี้ดอกไม้คงมาส่งอยู่ที่หน้าบ้านแล้ว ฉันอาจจะมีเวลาสักสองชั่วโมงเป็นอย่างมากในการจัดการร้านของฉันให้เรียบร้อย ก่อนที่จะมีลูกค้ากลุ่มแรก ๆ ที่มาซื้อดอกไม้ของฉันไปใส่บาตร
ร้านของฉันเป็นแค่ห้องแถวเล็ก ๆ เก่าคร่ำคร่า ที่อยู่เบื้องหน้าตลาดสดที่มีผู้คนมาจับจ่ายคับคั่งในเวลาเช้าจนถึงสาย แต่ในขณะเดียวกันเวลาดึกสงัด ที่นี่กลับเงียบกริบ ถนนเบื้องหน้าแออัดไปด้วยรถยนต์ไปยามเช้า แต่เปล่าโล่งในยามค่ำ สภาพในยามดึกดื่นของบริเวณนี้จึงดูวิเวกวังเวง ถัดไปจากถนนเป็นคลองเก่า ๆ ที่มีแต่น้ำเน่าเสีย ส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ตลอดเวลา
ดอกไม้ที่ขายก็ราคาถูก ดูไร้ค่านักถ้าจะเปรียบเทียบมันกับดอกไม้ในร้านหรู ๆ ด้วยความคิดแบบวัตถุนิยม แต่ฉันก็ไม่หลอกตัวเองหรอก ฉันพอใจกับมัน พอใจที่ดอกไม้ของฉันไม่ได้ไปช่วยสร้างค่านิยมบูด ๆ เบี้ยว ๆ เช่นเดียวกับดอกไม้ราคาแพง ๆ ที่ดูไร้ความจริงใจ
ประตูร้านถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว ถนนคอนกรีตตรงหน้ามีผู้คนเริ่มเดิมขวักไขว่ ฉันเดินไปทางหลังร้านเพื่อหยิบอุปกรณ์ทำความสะอาด และทันใดนั้นเอง ฉันก็เจออะไรบางอย่าง
ตกใจและทำอะไรไม่ถูก
2
ผมรู้สึกราวกับเกิดใหม่
ใบหน้าที่ผมเห็นวูบแรกเป็นใบหน้าของหญิงสาวที่สวยที่สุดเท่าที่ผมพบมา แน่นอนว่าการเปรียบเทียบของผมในครั้งนี้ไม่น่าจะเกินจริง ถ้าผมรู้สึกว่าเธอไม่ใช่คนที่สวยที่สุด ผมก็คงจะต้องนึกถึงใบหน้าของคนที่สวยกว่าเธอได้ ผมเชื่อว่าความทรงจำผมไม่แย่ แล้วชีวิตนี้ผมก็เจอผู้หญิงมามากมาย....
น่าจะใช่อย่างนั้น
ผมปวดหัวเหลือเกิน
สติหายไปอีกครา
3
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของฉัน
เขามีเลือด เนื้อตัวเปียกโชก มีบาดแผลโดยเฉพาะที่แขนและศีรษะ เขายังไม่ตาย แต่ฉันกลับทำอะไรไม่ถูก ฉันไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร บางทีถ้าชีวิตของฉันมันไร้ข้อจำกัด ฉันคงจะพาเขาไปโรงพยาบาล แต่มันก็เป็นได้เพียงแค่เงื่อนไขที่เอาไว้สำหรับจินตนาการ เพราะความเป็นจริงมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น
แผลที่แขนของเขาไม่ใหญ่โตอะไรนัก เทียบไม่ได้กับรอยแตกบนศีรษะ
ฉันพาเขาเข้ามาในบ้าน ไม่รู้ว่าอะไรที่ดลใจให้ฉันทำอย่างนั้น ฉันพอจะรู้วิธีจัดการกับตัวเขาอยู่หรอก ดูแล้วเขาไม่ถึงกับจะสลบไสลไร้สติไปเสียทีเดียว ฉันเห็นเขาลืมตาในขณะที่ฉันกำลังพยายามทำแผล ก่อนที่จะหลับใหลไปอีกครั้ง
อดไม่ได้ที่ฉันจะต้องเหลือบมองข้อมือขวาของเขาที่บัดนี้ถูกพันไว้ด้วยผ้าดิบ
4
ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
ตื่นมาพบกับหญิงสาวที่ผมคิดว่าสวยที่สุด มาพบกับสภาพของตัวเองที่ดูทุเรศที่สุด ภายในร้านดอกไม้เล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยกลีบดอกไม้ที่แลดูสวยที่สุด ส่งกลิ่นหอมตรลบอบอวลอย่างที่ผมไม่เคยได้กลิ่นมาก่อน
ทำไมทุกอย่างที่นี่ถึงดูเป็นที่สุด
เป็นไปได้หรือที่ผมจะไม่เคยเจอผู้หญิงที่สวยกว่านี้ เป็นไปได้หรือที่ดอกไม้ราคาถูกแบบนี้จะสวยที่สุดในความทรงจำของผม
ผมพยายามนึก... น่าตกใจที่ผมกลับนึกอะไรไม่ออก
ความทรงจำของผมว่างเปล่า มีอะไรหลาย ๆ อย่างอึงอลอยู่ในห้วงความทรงจำ แต่กลับนำมันออกใช้ไม่ได้สักอย่าง
นัยน์ตาดำขลับถูกส่งมาให้อย่างเรียบเฉย บางทีเธอผู้นี้อาจจะรู้
คุณเป็นใคร
ไร้คำตอบ
ที่นี่ที่ไหน
ไร้คำตอบ สมองของผมราวกับถูกบีบรัด
แล้ว.... อธิบายอะไร.. เอ่อ.. ผม.. ผมคือใคร
ผมปวดหัวเหลือเกิน รู้สึกเดือดดาลกับความนิ่งที่ถูกส่งมาจากเธอ เธอเป็นบ้าอะไร ทำไมถึงได้มีทีท่างี่เง่าเช่นนี้ ห้วงความคิดของผมไหลเวียนไปมาจนสับสน ความหงุดหงิดใจเพิ่มขึ้นเป็นทวีคุณ ผมเกลียดบรรยากาศแบบนี้
เป็นบ้าอะไรทำไมไม่พูด พูดไม่ได้หรือไงวะ
ผมรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง ผมสงสัยเหมือนกันว่าทำไมเพียงแค่การพูดประโยคน่ารังเกียจแบบนั้นกับผู้หญิงที่ดูไร้พิษสงถึงทำให้ผมรู้สึกดี แต่มันก็คงจะไม่สำคัญอะไรนักหรอก
นัยน์ตาเรียบเฉยคู่นั้นสั่นระริกเล็กน้อย....
ยังคงไร้คำตอบ
จากคุณ :
Waasuthep
- [
17 ส.ค. 49 15:04:24
]