แปลกใจว่า.... พอพระเอก....ติ๊ดๆ... นางเอกล่ะก้อ....รู้สึกมีวิญญาณแฝงโผล่กันมาพรึ่บพรั่บ....
ตอนแรกคิดว่าจะแก้ไขตรงที่นางเอกไม่ค่อยขัดขืนให้เสร็จก่อนแล้วค่อยเอามาลง (เพราะท่าน scottie อ่านแล้วให้ขัดใจนลินเป็นกำลังยิ่งนัก ชะเอิงเงย) แต่ว่าผลปรากฏ งาน เท โครม!!! ตึ่งๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ พอดีช่วงนี้ที่มหาวิทยาลัยมีการจัดการใหญ่ แล้วก็มีประชุมวิชาการต้องเข้าร่วมด้วยจึงกลายเป็นรัด(ตัว)ติ้วๆ
ขออภัย ณ ที่นี้ และขออนุญาตตอบ comment ช้าหน่อยนะ ชะแว้บบบบ
ตอนที่ 8
หญิงสาวรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อฟ้าสางเพราะเสียงเคาะประตูเบาๆ... ป้านิ่ม พี่เลี้ยงของหยาดรุ้งโผล่หน้าเข้ามาพร้อมกับเสื้อผ้าและอาหาร เป็นปาท่องโก๋สามคู่เหมือนเมื่อวาน แต่นลินก็ไม่มีปฏิกิริยาแม้แต่สักนิดที่จะตอบสนอง
คุณลินเป็นอะไรหรือเปล่าคะ? คนสูงวัยกว่าออกปากถาม ทอดสายมองเสี้ยวหน้าซีดเซียวนั้นด้วยความเป็นห่วง
ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ ป้านิ่ม...ลินไม่ได้เป็นอะไร
แน่นะคะ?
เมื่อหล่อนไม่ใส่ใจจะตอบคำถาม อีกฝ่ายจึงเลี่ยงไปจัดวางเสื้อผ้าที่เอามา ดวงตาฝ้าฟางหยุดชะงักลงตรงที่รอยเลือดเป็นด่างเป็นดวงบนผ้านวม ขยับปากจะเอ่ยถาม หากก็เปลี่ยนใจ
คุณลินอาบน้ำพลางๆ นะคะ ... ประเดี๋ยวป้าจะเอาผ้านวมผืนใหม่มาเปลี่ยนให้คุณ
ใบหน้างามร้อนผ่าวด้วยความอับอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี ฝืนทำหน้าราบเรียบเฉยเมยไม่รับไม่รู้ ตรงข้ามกับในใจที่ปวดเหมือนใครเอาเข็มมาทิ่มแทง หยิบเสื้อผ้าสองสามชิ้นของตัวเองขึ้นมากอดไว้ แล้วรีบเดินเข้าห้องน้ำไปโดยเร็ว
ป้านิ่มหอบผ้านวมผืนนั้นกลับมายังบนตัวตึกใหญ่ เอาไปเก็บไว้ในห้องซักอบเสื้อผ้าเพื่อเตรียมให้คนอื่นที่มีหน้าที่รับผิดชอบมาจัดการตรงส่วนนี้ แล้วเดินกลับขึ้นไปยังห้องเก็บของด้านบน หยิบผ้านวมผืนใหม่มาเปลี่ยนให้หญิงสาวตามคำที่บอก
ป้าจะไปไหนน่ะ? เสียงห้าวดังถามมาจากเบื้องหลัง ร่างสูงยืนตระหง่านอยู่หน้าห้องนอนใหญ่ของตัวเอง ดวงตาคมกริบจับจ้องผ้านวมผืนใหญ่ที่พี่เลี้ยงของหยาดรุ้งถือไว้เต็มอ้อมแขน
เอาผ้านวมไปเปลี่ยนให้คุณลินค่ะ
ทำไม? ผืนเก่าเป็นอะไร?
มันเปื้อน... เลือด... ป้านิ่มตอบออมเสียง แล้วรีบเดินออกห่าง ทิ้งให้เจ้านายใหญ่ของตัวเองยืนตัวชาอยู่ที่เดิมเพียงลำพัง
...มันเปื้อน...เลือด...
เลือดบริสุทธิ์ของหล่อนที่เขาพรากไปเมื่อคืนก่อนนี้น่ะหรือ?...
จิรภัทรเดินกลับเข้ามาในห้องนอน ตรงไปยังหน้าต่างบานที่อยู่ด้านเดียวกับบ้านเก่าของคนสวน เลิกผ้าม่านขึ้นแล้วแนบดวงหน้าเข้าไปใกล้ มองคนรับใช้ในบ้านของตัวเองหิ้วผ้านวมไปปูให้หล่อนใหม่อย่างเงียบๆ ตามลำพัง
ยังไม่ออกมาจากบ้าน... ยังไม่โผล่หน้ามาให้เห็น...
จะเป็นอย่างไรบ้างหนอ...เมื่อคืน...เจ็บ...หรือเปล่า? ออกมานอนด้านนอกทั้งหนาวทั้งปวดตัวเพราะแคร่ไม้ ทำไมไม่นอนให้อุ่นสบายอย่างด้านใน
บ้านหลังเล็กเท่านั้นทนอยู่ไปได้อย่างไรไหว... มีแต่เสื่อกับผ้านวม ที่เหลือก็เป็นแค่พื้นเปล่าๆ กับผนังที่กระดำกระด่าง ห้องน้ำก็เหม็นอับสกปรก คงมีแต่คนดื้อด้านสมองเป็นลาเหมือนอย่างแม่คนรักในศักดิ์ศรีของตัวเองคนนั้น ที่นอนเข้าไปได้ทุกวันโดยไม่ปริปากบ่น
ผู้หญิงคนนี้ทนทานจนเกินคาด นึกว่าจะร้องไห้เสียตั้งแต่วันแรกที่ถูกเปลี่ยนที่นอนจากคอนโดมิเนียมที่แสนสุขสบายมาอยู่ในบ้านรังหนูเสียแล้วเชียว
หล่อนก็มีความอดทนอยู่ในระดับสูงพอตัว...จิรภัทรยอมรับกับตัวเอง...มิหนำซ้ำยังแกร่ง และเก่ง เพราะโดยพื้นชีวิตของนลินก็ไม่มีอะไรต่างไปจากเขา ต้องดูแลเลี้ยงน้องด้วยตัวเองตั้งแต่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่ ต่างกันเสียนิดเดียวว่าครอบครัวของหล่อนต้องฟันฝ่ามรสุมของความยากจน ในขณะที่เขาเลี้ยงหยาดรุ้งมาบนกองเงินกองทอง บนความสะดวกสบาย นั่นหมายถึงว่าต้องลำบากกว่าเป็นเท่าตัวเสียด้วยซ้ำ ในการที่จะหาเงินทองมาจุนเจือสนับสนุน โดยไม่มีมรดกเก่าจากบิดามารดามาคอยช่วยเหลือ
แต่ก็โชคดีกว่าของนลินล่ะ... น้องชายสารเลวคนนั้นถึงแม้มันจะอวดดียังไง แต่มันก็รักใคร่ปรองดองกันดีกับพี่สาว... ไม่ทำให้พี่ต้องเจ็บปวด เหมือนกับที่หยาดรุ้งทำ...
นึกถึงเรื่องน้องสาวแล้วจิรภัทรก็หลับตาแน่น.... ป่านนี้หยาดรุ้งจะอยู่ที่ไหน ทำไมหายเงียบไป ไม่ยอมติดต่อกลับมาสักที จะรู้หรือเปล่าว่าใครทางนี้ก็เป็นห่วงอยู่ไม่แพ้กัน
นลินมองผ้าปูที่นอนใหม่ของตัวเองแล้วเจ็บแปลบอยู่ในอก...ผ้าปูมีรอยหมองก็สามารถนำไปเปลี่ยนเอาผืนใหม่ที่สะอาดเอี่ยมมาเปลี่ยนได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่กับในร่างกายหล่อนขณะนี้จะทำอย่างไรเพื่อเปลี่ยนให้กลับไปบริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนเช่นเคย
ร่างบางทรุดลงด้านหนึ่งของขอบผ้านวม ดวงตาคู่งามไพล่ไปมองเห็นซองสีแสดเล็กๆ วางตั้งทิ้งไว้ข้างนาฬิกาที่ตายนับตั้งแต่วันที่หล่อนมาถึง มือเรียวบางเอื้อมไปหยิบดูเพราะความเบื่อไม่มีสิ่งใดจะให้ทำ ซ้ำจะนั่งจมอยู่กับความคิดของตนก็มีแต่จะฟุ้งซ่านและโศกเสร้าเสียใจ สู้ทิ้งหรือฝังกลบมันไว้ให้ลืมเลือน จะได้ไม่ต้องมานั่งทนเจ็บอีกคงดีกว่า
ต้นคุณนายตื่นสาย... ข้างซองอธิบายลักษณะและวิธีปลูกไว้อย่างครบถ้วน คงจะเป็นของคนสวน ที่เหลือตั้งทิ้งไว้จากการปลูกในแปลง
วางซองนั้นไว้เช่นเดิมแล้วหันไปหยิบปาท่องโก๋ที่อยู่ในถุงขึ้นมารับประทาน ความเอร็ดอร่อยทำให้รู้สึกค่อยหายจากความอ่อนเพลีย แต่ไม่ทันไรมันก็หมดลงทั้งสามชิ้น ยังไม่ทันจะรู้สึกอิ่มเสียด้วยซ้ำไป
เอาเถอะ...อย่างน้อยก็เริ่มมีแรง ดีกว่านั่งแสบท้องแทบตายไปวันๆ
หล่อนนึกพลางหยิบซองคุณนายตื่นสายขึ้นมา เดินออกไปด้านหลังบ้านเพื่อหาส้อมพรวนหรือช้อนปลูกเล็กๆ สักอันที่คนสวนเก่าน่าจะตั้งทิ้งไว้ ไม่นานนลินก็ได้อย่างที่ต้องการ เป็นช้อนปลูกขนาดเล็กที่บิ่นเบี้ยว แต่พิจารณาด้วยด้วยตาแล้วก็น่าจะยังสามารถใช้การได้ จึงนำติดตัวมา หาบริเวณทำเลเหมาะตรงที่เล็กๆ ข้างตัวบ้าน มีหญ้าขึ้นอยู่ประปราย หญิงสาวก็เอื้อมมือออกไปถอนทีละต้นอย่างใจเย็น
ต้นไม้น่ะ ถ้าเราใส่ใจก็ทำให้มีความสุขได้ คำพูดของบิดาเคยพร่ำสอนอยู่ในวัยเด็ก ในความทรงจำมือหนาแข็งแรงนั้นคอยทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ต้องใจเย็นกับมันก่อนนะลิน ไม่อย่างนั้นมันจะโตขึ้นมาไม่สวย อย่าปลูกให้เบียดกันมากเกินไป เดี๋ยวต้นแกร็น
ที่เตือนเพราะเห็นลูกสาวคนเดียวชอบนักกับการปลูกให้ได้ปริมาณมากในที่จำกัด มือของหล่อนไม่อ่อนโยนเหมือนกับมือของธีรวัช ที่อยากจะปลูกต้นอะไร ก็ขึ้นและงอกงามหมดจนคุณยายทวดชื่นชม
ตาวัชมันมือเย็น...ปลูกต้นอะไรก็ขึ้น ไม่เหมือนยายลิน แค่เดินผ่านต้นไม้ก็ตายเป็นแถบๆ
แต่คุณนายตื่นสายคงไม่ปลูกยากเหมือนกับต้นไม้อื่น ป้าชไมพรเคยเอาต้นมาจากบ้านของเพื่อนที่อยู่ใกล้เคียงมาเพียงแค่ต้นสองต้น ปักใส่ในดินไว้ไม่นานก็ออกดอกบานสะพรั่งไปทั้งสวน ดูสวยงามแม้จะไม่ค่อยเข้ากันนักกับต้นมะม่วงที่อยู่รอบข้างก็ตาม...
มันคงจะเป็นอะไรที่ทำให้ลืมความเสียใจเสียได้... นลินคิดพลางพรวนดินให้ร่วนซุยด้วยแรงหนัก ตัดเป็นส่วนๆ ยาวราวหนึ่งวาคูณครึ่งวาเพื่อเตรียมไว้เป็นแปลงขนาดเล็กจิ๋ว
สมุดใหม่ก็ไม่มีให้เขียน...หากยังทำตัวให้อยู่ว่างต่อไปก็คงจะกลายเป็นบ้าตาย...สมใจคนที่บงการอยู่เบื้องบน
ปลูกต้นไม้...ปลูกต้นไม้นี่แหละคงจะช่วยบรรเทาได้
(มีต่อ)
จากคุณ :
พิณณ์อวี
- [
17 ส.ค. 49 22:40:32
]