ดวงไฟแดงเล็กๆที่วาบทิ้งช่วงห่างสม่ำเสมอดึงดูดสายตาผมมาได้กว่านาทีแล้ว กลิ่นที่แสนโหยหาลอยมาปะทะจมูกอยู่เนืองๆ ผมหลับตาสูดกลิ่นของมันอย่างคิดถึง ขณะที่อิ่มเอมไปกับกลิ่นอันเย้ายวนของมันที่คละเคล้าอยู่ในทุกอณูแห่งรัตติกาลรอบกายผมก็รู้สึกโศกเศร้าไปด้วย....ไม่รู้ว่าคนของผมไปอยู่กันเสียที่ไหน ทำไมพวกเขาทิ้งให้ผมรู้สึกโดดเดี่ยวเช่นนี้
ที่จริงก็อยากให้แกสักปื๊ดล่ะ แต่แบบ...ก็รู้ๆอยู่นะเรื่องแบบนี้ของใครของมันว่ะ เราเองกว่าจะได้มาก็โครตจะนานเลย ต้องแวะไปหาเสียก็ตั้งหลายครั้ง ยิมนั่งมองบุหรี่ที่เหลือแต่ก้นกรองอย่างเสียดาย
ของดีหมดเร็วจังว่ะ เซ็ง เขาดีดมันกระเด็นมาตกตรงปลายเท้าผมพอดี ผมเลียริมฝีปากเมื่อก้มลงมอง
กลับไปหาพ่อแม่มั่งหรือเปล่า ยิมเดินมานั่งข้างผม
ไป แต่ก็เหมือนเดิม ติดต่อไม่ได้ ผมส่ายหน้า
พ่อแม่ใจคอจะตัดหางแกจริงๆเหรอวะเนี่ย จะคิดถึงสักนิดก็ไม่มีเหรอ
เขาคงเกลียดที่เราหนีออกมาขี่มอ ไซด์จนทำให้เขาเดือดร้อนหลายครั้งแล้ว เลยไม่อยากยุ่งด้วยแล้ว ผมถอนใจออกมา
แต่กูว่าพ่อแม่เขาไม่รู้ว่าจะติดต่อแกอย่างไงมากกว่าว่ะ แล้วพี่น้องล่ะ ติดต่อไม่ได้เหมือนกันเหรอยิมถาม
เออว่ะ เมื่อก่อนไม่ค่อยสนิทกันด้วย พวกมันไม่คิดถึงเราหรอก ผมเท้าคางมองออกไปข้างหน้า
เฮ้อ! มีวันนี้ได้ก็เพราะเมื่อก่อนเรามันโง่เป็นกระบือ แทนที่จะอยู่กับบ้านสบายๆ ดันเลือกที่จะหนีออกมาขี่รถแข่งกวนเมืองซะมากกว่า ผมทำตาลอยเมื่อพูดถึง
แหมก็ นะ....ชัยชนะมันหอมหวานหว่า เงินพนันรึก็ดี แถมใครก็มองเราเท่ห์ อยากได้เด็กเทสรถสวยๆคนไหนล่ะ ชนะที่ได้สะบึมสมใจอยาก เราเองยังชอบ ยิมตบบ่าผมเบาๆเพื่อแสดงความเข้าใจ
เรื่องพวกนั้นล่ะที่ทำให้เราฟังคำด่า คำสาปแช่งเป็นเสียงเพลงเชียร์ให้ห้อตะบึงสุดแรง ผมหันมายิ้มกับเพื่อนร่วมชะตากรรม
มีวันนี้ได้เพราะถูกสาปแช่งหรือเปล่าวะ ยิมถามเนิบๆ ผมมองหน้าเขานิ่ง ไม่รู้สิ...ผมตอบไม่ได้หรือไม่อยากตอบก็ไม่รู้ กระนั้นก็ดูเหมือนยิมจะเข้าใจ เขาไม่ได้พูดอะไรอีกนอกจากทอดสายตามองไปที่ถนนพร้อมกับผมโดยไม่ได้นัดหมาย บนถนนนักบิดทุกคนกำลังทดสอบมอร์เตอร์ไซด์คู่ใจ เสียงบิดเร่งสนั่นบ่งบอกว่าเครื่องยนต์แทบทุกคันล้วนผ่านศัลยกรรมจนเป็นเลิศด้านวิศวกรรมจากช่างมีฝีมือผู้มากประสบการณ์มาแล้ว ยิมกดก้นกรองบุหรี่กับพื้นแล้วลุกขึ้นยืนมองพวกกระหายอยากโชว์ความแน่ของตัวเองออกรถทะยานไปบนถนนสายโล่งที่คลุมด้วยอากาศที่อับแสง
ไปว่ะ มันแข่งกันแล้ว ยิมพูดโดยไม่หันกลับมา เสียงของเขาแทบจะกลายเป็นเสียงกระซิบ ผมตื่นเต้นรีบวิ่งไปที่มอเตอร์ไซด์ที่จอดอยู่อย่างร้อนรน
วันนี้เราต้องทำได้ ผมสตาร์ทรถอย่างคึกคะนอง
คืนนี้อาจมีเฮยิมโดดขึ้นรถ สตาร์ทแล้วเร่งเครื่องออกตัวนำไปก่อน ผมบิดเครื่องตามเขาไปติดๆ
เราสองคนใช้เวลาไม่นานก็สามารถเกาะกลุ่มไปกับคนเหล่านั้นได้ ผมกับยิมเร่งเครื่องขึ้นอีก เราสองคนหันมามองหน้ากันในลักษณะที่ว่า ....อย่าปล่อยให้โอกาสหลุดลอย สนามนี้เราครองมานานแล้ว
เราสองคนปลิวทะยานไปกับมอร์เตอไซด์คู่ใจด้วยความเร็วสูงสุด สายลมแรงที่กระพืออยู่รอบกายและกลิ่นหอมจางแห่งรัตติกาลเข้าแตะต้องวิญญาณผม ที่จริงมันเคยสร้างความรู้สึกที่ดี สร้างความฮึกเหิมบ้าคลั่ง ปลดปล่อยและมอบความเป็นอิสระจากโลกแห่งความจริงทั้งปวงให้ผมในวันเก่าทว่าตอนนี้....ไม่เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว สิ่งที่ทำให้ผมลิงโลดในตอนนี้มันต่างจากวันนั้นอย่างสิ้นเชิง ด้วยความเร็วที่ไต่ระดับความแรงขึ้นเรื่อยๆทำให้ผมหันไปยิ้มกับยิม....ถึงจะตามหลังนักบิดกลุ่มนั้นอยู่แต่เราก็รู้ว่าไม่นานเราจะตามทัน
ผมกับยิมพยักหน้าส่งสัญญาณให้กันเมื่อเราสองคนแทรกเข้ามาในกลุ่มรถแข่งได้ คืนนี้เราจะแยกกัน เราจะไม่ตีคู่กันไปเหมือนที่แล้วมาเราไม่อยากพลาดอีก อย่าพลาดอีก...ไม่อย่างเด็ดขาด ผมภาวนะพร้อมสอดส่ายสายตามองหาเป้าหมายอย่างอดทน เหตุเพราะไม่มีใครใส่หมวกกันน็อคผมจึงเห็นสีหน้าของแต่ละคนได้อย่างถนัดชัดเจน เด็กหนุ่มเด็กสาวกลุ่มนี้ไม่มีความหวาดกลัวซ่อนในสีหน้าและแววตาเลยสักคน สีหน้าและแววตาของทุกคนมีแต่ความสนุกสนาน คึกคะนอง สะใจไปกับความแรงเร็วที่ปั้นสร้างได้เพียงข้อมือบังคับ ผมเร่งเครื่องขึ้นแซงคันแล้วคันเล่าแต่ก็ยังไม่พบเป้าหมาย ยิมที่อยู่อีกด้านก็กำลังปาดซ้ายขวาเพื่อเล็งหาเป้าหมายอยู่เช่นกัน หลังจากใช้ความพยายามอยู่นานในที่สุดผมก็เจอ และ...ยิมก็พบเป้าหมายของเขาเหมือนกัน ...เด็กหนุ่มสองที่อยู่หน้าสุดของกลุ่ม พวกเขาสบตากันและกันด้วยว่ากำลังแข่งกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ผมกับยิมเร่งเครื่องตีขนาบเขาทั้งคู่ทันที ผมรวบรวมสมาธิให้นิ่งและแกร่งพอที่จะยื่นเท้าไปยันรถของเขาอย่างแรง ......ครับยิมก็ทำเช่นเดียวกับผม โปรดรู้ไว้นะครับว่าเราสองคนไม่ได้เป็นนักแข่งที่มีจริยธรรมนักหรอก เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการเราไม่อายที่จะทำทุกอย่าง นั่นมันอาจไม่หอมหวานน่าชื่นใจสำหรับคู่ต่อกรของเรา แต่...ใครสนล่ะ! สนามนี้มันสนามเถื่อน ทุกการกระทำไร้กติกา มารยาทน่ะเหรอ ลืมไปได้เลย ตอนนี้วินาทีนี้ไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่าใจที่กระหายของเราอีกแล้ว
รถของเด็กหนุ่มคู่นั้นถลำคว่ำและถากไปกับพื้นด้วยความแรงของรถส่งผลให้มันกลายเป็นเศษเหล็กไปในพริบตา ร่างของพวกเขาร่อนละล่องราวกับไร้น้ำหนักก่อนที่จะหล่นลงกระแทกพื้นถนนจังๆ หัวของเด็กหนุ่มฟาดอย่างแรงผมได้ยินเสียงโบ๊ะสั้นๆถนัดถนี่ ใจผมเต้นผมรีบจอดรถแล้ววิ่งไปดู ยิมตามมาติดๆ เด็กหนุ่มคนแรกกระโหลกแตกและมันสมองก็กระจายกระจัดอยู่รอบๆศีรษะที่ผิดรูปร่างของเขา ยิมตะกายสี่เท้าแทบจะทันทีเห็น เขาตะเกียกตะกายไปอาเจียนอีกฟากของถนน อีกคนได้กลายสภาพเหมือนกองผ้าสกปกกองหนึ่ง ที่ท้องของเขาเกิดแผลลึกฉกรรจ์จนอวัยวะที่ควรจะอยู่ข้างในไหลออกมากองอยู่ข้างนอก เขาแน่นิ่งไปนานมากจนผมนึกว่าเขาตายไปแล้ว แต่จู่ๆเขาก็ลืมตาขึ้นอย่างอ่อนล้า
ช่วยด้วย เขาว่า ผมต้องเบือนหน้าไปทางอื่น มันสุดจะทนกับภาพสยองสยดแบบนี้ เคยได้ยินมาเหมือนกันว่าไก่ที่ถูกตัดหัวด้วยความตกใจมันยังคงวิ่งไปอีกสักครู่ก่อนตาย เชื้อพระวงศ์ของอังกฤษพระนางหนึ่งยังคงพึมพัมตอนที่ถูกตัดศีรษะแล้ว แต่ก็ไม่เคยเห็นของจริงเหมือนอะไรตรงหน้านี้ มันสด...มันเห็นๆเลย ถ้าเพียงแต่เขาตายแล้วผมคงไม่รู้สึกแย่แบบนี้
อย่าพูดอะไรอีกนะ เสียงของยิมทำให้ผมหันไปมอง เขาก้มต่ำลงมองเด็กหนุ่มตรงหน้า
ทำไม?เสียงเขาแผ่วหาย
ได้โปรด...อย่าแม้แต่กระพริบตา ยิมตะคอกกลับไปไม่ใช่เพราะเขาโมโหนะครับ แต่เพราะเขารู้สึกแย่สุดๆต่างหาก
อีกคนล่ะ? ผมหมายถึงคนที่กระโหลกแตก ยิมทำท่าผะอืดผะอมแล้วส่ายหน้า
ลมหายใจมันอ่อนมากว่ะแต่ยังไม่ตาย คิดว่าอีกไม่นาน
แล้วแกจะอ้วกเอาอะไรออกมาอีกวะ ทำเป็นไม่เคย ผมใช้มือผลักหน้าเขาหงาย ยิมหัวเราะคิกเบาๆแล้วหันไปมอง กลุ่มนักบิดที่กำลังกระจายตัวหนี บางคนใจดีหน่อยกำลังโทรเรียกรถพยาบาลให้
ช่...ว...ย....ด้...ว......ย จ
. จ...... เจ็บ เด็กหนุ่มเคราะห์ร้ายนั้นน้ำตาไหลพราก เขาพยายามขยับ มือของเขายกขึ้นไขว่ขว้าหามือของผมไว้แต่ดูมันจะไร้ผลทั้งที่ผมก็ยื่นมือออกไปสัมผัสกับเขาแล้ว
เหรอ เจ็บมากเลยเหรอ ?ผมถาม เขาพยักหน้ารับช้าๆตามด้วยเสียงครืดคราดดังอยู่ในคอ
เราน่ะ ตอนที่ติดลมไปกับความแรง ได้โชว์ความเจ๋ง ไม่ค่อยมีคำว่าตาย อยู่ในหัว แต่พอวินาทีที่ได้รู้ว่าความตายมารอตรงหน้าแน่ๆกึ๋นถึงได้แล่นมาติดคอหอยจนแทบสำลักเลยล่ะ พอถูกความตายยื่นมือมาแตะที่หลัง ก็เสียดายวินาทีก่อนหน้านี้สักสองสามวินาที คิดว่าหากลดความเร็วลง หากยอมถอดใจแล้วลงจากไปจากถนนไปเสียคงจะดีไม่น้อย แต่เกลอเอ๋ย มันสายไปว่ะ คราวของเราน่ะสุดเจ็บสาหัสกว่าแยะเลยกว่าจะตาย มโนสำนึกทำให้เห็นสภาพตัวเอง เราทั้งโศรกสลดทั้งกลัวจนฉี่ราดเลย ความตายมันน่ากลัวนะ..แต่หลังความตายนี่ซิ สยองยิ่งกว่าเสียอีก เข้าใจป่ะ ไม่ได้ตายแบบสงบๆเหมือนคนมีบุญเขา นี่มันตายโหง ตายแบบอนาถน่ะมันนรกที่สุดเลย ไม่รู้จะไปไหน ทั้งหิวทั้งหนาว ทุกเมื่อเชื่อวันมีแต่ความมืดดำไร้ทางออก มันทรมาน ความแล้งแห้งรัดบีบแน่นจนวิญญาณแทบขาดกลาง รันทดว่ะ รันทดมากๆ นี่ล่ะวันวารของสัมพเวสีที่แกจะได้รู้ในบัดดลนี้แล้ว ผมยิ้มให้สายลมก่อนจะก้มลงกระซิบอีกครั้ง
แต่ก็เหอะยังมีพวกเงาหัวขาดอีกหลายรายที่ยังไม่รู้เรื่องนี้ นั่นไว้ให้แกถ่ายทอดประสบการณ์นี้ต่อไปก็แล้วกันนะ อย่าว่ากันเลย พวกเราจำเป็นต้องทำเพราะมีเพียงพวกโง่อย่างพวกแกเท่านั้นที่ช่วยได้ ยิมหันมายิ้ม
ขณะจิตเล็กๆที่คอของเราพาดไปกับราวเหล็กตรงข้างทางโค้งนั่นน่ะ มันน่าหวาดกลัวที่สุดเลย ความตะหนก ความตกใจต่อความตายนั้นมันแปรสภาพกลายเป็นหอกคมที่ทิ่มทะลวงตั้งแต่หัวใจจนทะลุปอดเลย ความรู้สึกแบบนั้นมันสุดขีดจริงๆ ความแรงของรถทำให้ขอบทื่อๆของโลหะกันถนนนั้นกลายสภาพเป็นใบมีดยักษ์ทันทีที่กดเข้ากับคอ ตอนนั้นกูได้แต่บอกตัวเองอย่างหวาดกลัวและสิ้นหวังว่า...ไม่น่าเลย ไม่น่าเลย จนหมดลมเลย น่าเศร้าใช่ไหมล่ะผมเลื่อนหัวออกจากคอ เด็กหนุ่มมองผมด้วยนัยตาที่เหลือกโพลง
เคยได้ยินตำนานตัวตายตัวแทนไหม? ถนนสายนี้มีการแข่งขันกันมากตัวตายตัวแทนก็มากตามไปด้วย นั่นเป็นเหตผลที่พวกกูต้องอยู่แทนวิญญาณเก่าๆที่ต้องการไปจากที่นี่ แล้วถ้ากูไม่มาเอานักบิดอย่างพวกนาย จะให้ไปเอานักอ่านหรือไง? ไอ้นรก ชู่ว์...แต่ไม่ต้องกลัวนะ สักวันถ้านายขยันหาหน่อย นายจะได้เจอคนที่อยู่ตรงนี้แทนแน่ เชื่อดิ ไม่นานหรอก ไม่นานจริงๆ พวกโง่ที่ชอบมาบั่นอายุให้สั้นด้วยวิธีนี้มีทุกคืน ยิมเหลือบมองเด็กหนุ่มที่กระโหลกแตก ร่างกายของเขาเริ่มกระตุก ยิมหลับตาลง...เขาก็เคยเป็นเช่นนั้น ในวันที่แข่งรถกับผม
ได้ไปจากที่นี่เสียทีนะเพื่อน ต่อไปเราจะไม่ได้ไม่ต้องอิจฉาของไหว้ผีของนายอีกแล้ว ผมหันไปกอดคอยิม
จะไปเข้าฝันแม่บอกลาเสียที ยิมหัวเราะใส
เหมือนกัน ผมว่าก่อนหันไปหาเด็กหนุ่มที่ลมหายใจกำลังจะปลิวไปกับสายลม
"ไปล่ะ บาย พูดจบผมก็ดีดนิ้วเรียกยิม เขาวิ่งเหยาะๆมาหา เราสองคนโบกมือลาสองหนุ่มเคราะห์ร้ายอย่างปรีดิ์เปรม และก่อนที่เราจะหายไปในรัตติกาลคืนนั้น ปลายสายตาของผมเห็นเด็กหนุ่มสองคนนั้นก็ล่องลอยมานั่งเฝ้าข้างถนน รอคอยนักบิดใจกล้าชะตาขาดรายใหม่ๆที่จะผ่านมา ตอนนี้พวกเขาคงจะเข้าใจคำว่า~ ผีเฝ้าถนน~ อย่างถึงแก่นหัวใจเหมือนกับที่ผมกับยิมเคยเป็น
**********
จากคุณ :
vannessia
- [
18 ส.ค. 49 15:24:34
]