กรุงเทพฯ 2006
ผมแนบปลายกล้องส่องทางไกลกับเบ้าตา เป้าหมายของผมตามกำลังจะเดินสะเปะสะปะและลุกลี้ลุกลนในที่เปลี่ยวร้าง เขายกมือเสยผมแล้วทิ้งลงข้างตัวอย่างสิ้นแรง สีหน้างุนงงของเขาเจือด้วยสิ้นหวัง
คงสงสัยล่ะซิว่าหล่อนพาเขามาทิ้งไว้ที่ไหน ปลายกระบอกปืนจ้องอยู่ที่เขาตลอดเวลา เขายังไม่เลิกเดินงุ่นง่านซักทีแล้วผมจะเป่านัดเดียวจบได้ไง เอาเถอะอยากฟุ้งซ่านมากก็เอา อีกไม่นานก็เหนื่อยก็นิ่งเอง การอยู่ในที่มืดมันดีอย่างนี้นี่เอง คนเลวทุกคนถึงชอบที่ซุ่มสถิตย์กันนัก
เหยื่อกระสุนของผมหยุดเดินทันทีที่มือแตะโดนกระเป๋ากางเกง หลังคลำทั่วตัวครู่ใหญ่ก็ดูเหมือนว่าเขาเพิ่งจะรู้ตัว ใบหน้าของเขาราวคนตาย แบบว่ามันซีดสนิท มุมปากของผมคลี่ยิ้มเหยียดเยาะ ใช่แล้วข้าเอง คนที่ชนกับเอ็งที่หน้าซอยไงล่ะ อะไรที่ข้าเอามา เอ็งจะเสียดายไปทำไม ตายไปก็ไม่ต้องใช้แล้ว เชื่อดิ จะไม่ได้ใช้จนกระดูกป่นอยู่ในโกฐินั่นเลย
หลายวันก่อนผู้หญิงรักอับโชคมาว่าจ้างให้ผมยิงกระบาลคนที่ไม่เอา ความรักทำหล่อนเหนื่อยเหลือเกินแล้ว และโดยที่ผมไม่ทันได้เอ่ยปากขอรายละเอียด หล่อนก็ขอร้องให้ผมฟังหน่อย ผมก็คิดว่าเป็นอะไรที่ต้องพูดกันให้เข้าใจระหว่างเราเลยพยักหน้ารับ นึกไม่ถึงว่ามันจะกลายเป็นมหากาพย์ที่ผมไม่ได้วางแผนรับมือ
ระหว่างเล่าหล่อนก็ปล่อยโฮเป็นระยะ แบบนั้นเล่นเอาผมต้องนับหนึ่งถึงสิบสะกดความหน่าย...พับผ่าซิ แต่พอเวลาผ่านไปท่าทางเหนื่อยล้าของหล่อนทำให้ผมคิดใหม่ ลองว่าต่อหน้าคนที่เพิ่งเห็นหน้ากันไม่ถึงชั่วโมงหล่อนก็ปล่อยน้ำตาได้อย่างหมดอายย่อมแสดงว่าความอดกลั้นมันถึงที่สุดแล้วจริงๆ อะไรล่ะทำให้ความรักของหล่อนมีวันนี้
อา...นั่นเองสิ่งน่าเจ็บแค้นที่สุด เจ้าคนใจร้ายนั่นได้ซื้อบ้านอยู่กับหญิงอื่น ลูกค้าสาวของผมบอกว่าเห็นมันไปซื้อของแต่งบ้านกับผู้หญิงด้วยท่าทางสนิทสนม ดูเอาเถอะหล่อนมาก่อนและอดทนอยู่กับความประพฤติไร้น้ำใจของมันมาเป็นปีๆจนตั้งท้องอ่อน แต่ยังอยู่ในบ้านเช่าแสนคับแคบ มีน้ำตาเป็นกับข้าวทุกวัน บ้านที่มันซื้อหล่อนกลับไม่มีสิทธิ์ที่จะอยู่ รอจะคุยกับมันให้รู้เรื่องแต่มันก็นกรู้ไม่ยอมกลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้ว
หญิงสาวสะอึกสะอื้นฟ้องราวกับเห็นผมเป็นศาลที่จะจัดการมรดกตรงนี้ได้ ผมเกาหัวแกรกพลางยื่นม้วนกระดาษชำระที่ข้างตัวให้ ผมเผลอให้เวลากับหล่อนมากกว่าลูกค้ารายอื่นที่ไม่เคยคุยด้วยเกินขอบเขตเรื่องเป้าหมาย เวลา และสถานที่ คิดแล้วก็ให้อยากตะโกนใส่หน้า..นี่แน่ะสาวน้อย ข้าน่ะปืนรับจ้างนะเว้ย!ไม่ใช่ศิราณี แต่ก็นั่นแหละไม่รู้เป็นเพราะเหตุใดอย่างผมจึงยังนั่งนิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้งในพิธิธภัณฑ์ เรื่องเล่าเน่ากว่านิยายแต่ผมก็พยักหน้าหงึกหงัก แถมของขึ้นเป็นช่วง จริงน้า..หมดนั่นสมควรโดนอยู่น้อยเสียเมื่อไหร่
จังหวะที่หล่อนหยุดเช็ดน้ำตาผมได้ทีรีบชิงตัดบทด้วยการถามถึงแผนปุปุคนโฉดของหล่อน สาวอ่อนแอเงยหน้ามองผมอย่างงงงัน หล่อนมีอาการราวกับคนที่เพิ่งรู้ตัวว่ามาผิดที่ แบบว่าตั้งใจจะเข้าคลีนิครักษาใจแต่ดันเข้าผิดร้านเลยมาอยู่ในร้านชำแหละที่อยู่ข้างๆแทน อึดใจต่อมาหล่อนก็กลับไปสู่ท่าทีเศร้าโศรกดั่งเดิม ใบหน้าซีดเซียวส่ายดิกบอกไม่รู้ซิ ผมเงยหน้าถอนใจรดอากาศ โธ่เอ๋ย..มือใหม่หัดอำมหิต
สรุปว่าผมต้องวางแผนเองสังหารเองส่วนหล่อนเอาแต่ฟังตาแป๋ว
ใครบางคนมักพูดว่าคนเราเวลาจะซวยดูเหมือนว่าฝ่ายมาดร้ายจะมีสวรรค์จะมีตานรกจะมีหูให้ซะกระนั้น สองสามวันให้หลังหมอนั่นปล่อยให้ผมดักเก้อมาสองวันมันก็กลับมาหาลูกค้าสาวของผม เราชนกันที่ปากซอย ตามแผนผมจะเรียกให้มันหันมาก่อนจะกดโป้งเข้ากระหมองของคู่กรณี
แต่ลูกค้าสาวโทรมาก่อนเวลาพิฆาต หล่อนอยากเปลี่ยนแผนเพราะมันโทรมาชวนหล่อนทานกลางวัน มีเรื่องจะคุยด้วยมันว่างั้น พอพูดถึงตรงนี้เสียงหล่อนก็บู้บี้ขึ้นจมูก สงสัยมาขอเลิกแน่ๆหล่อนว่า และถ้าเป็นอย่างนั้นหล่อนจะพามันไปส่งที่เปลี่ยวอีกแห่งที่ไม่ไกลจากที่นี่ ผมจะได้ส่องมันที่นั่น ผมยักไหล่ นี่ล่ะหนาผู้หญิงอย่างไรเสียก็อยากเห็นเยื่อใยจากเขาทั้งที่อาจไม่เป็นอย่างที่วาดฝัน แต่เอาเหอะว่าไงว่าตามกันอยู่หล่อนเป็นเจ้าของเงินที่เหลือนี่นา
ดังนั้นเมื่อมันหันมาตอนที่ถูกเรียกมันจึงได้คำขอโทษแกนๆจากผมแทนที่จะเป็นเม็ดตะกั่ว รอยยิ้มกว้างก่อนจากไปของมันบ่งบอกว่ามีความสุขเกินกว่าจะสนใจหาความกับเรื่องน้อยนิดตรงนี้ หน้าตามันก็หล่อดีเสียแต่ผู้หญิงเขาว่ามันใจเลว ผมมองแผ่นหลังของมันแล้วก้มมองกระเป๋าเงินในมือ แก้ไม่หายสักทีทั้งที่เลิกเป็นนักล้วงมาเป็นมือปืนหลายปีดีดักแล้ว เหอะน่าถือเป็นค่าเสียเวลาเปลี่ยนแผนก็แล้วกัน...
ผมเยาะขำที่เห็นเป้าหมายนั่นยังสาระวนหายของที่อยู่กับผม ยิ่งกังวลมันยิ่งเดิน เป้าส่ายแบบนั้นผมจะจ่อยิงถนัดได้อย่างไร ลดปืนลงแล้วรอให้แม่งเดินเสียให้พอ คิดเข้าไปเครียดเข้าไปเอาเสียให้อิ่ม เพราะอีกไม่นานขดสมองแน่นเป่งของเอ็งก็จะเป็นอิสระจากกะโหลกแล้ว ถึงเวลานั้นความกังวลเอยความเครียดเอยจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ผมจับตาความเคลื่อนไหวของเขาอย่างไม่วางตา ขณะที่ลมพัดขณะนั้นเนื้อความในจดหมายไม่ผนึกซองที่สอดรวมอยู่กับปึกเงินในกระเป๋าใบนั้นละล่องลอยผสมผสานกับเรื่องเล่าเมื่อวันก่อน เพียงผมเท่านั้นที่รู้สึกถึงส่วนผสมที่ไม่เข้ากันของค๊อกเทลที่มีชื่อว่าสิ้นหวัง
********
แก้ไขเมื่อ 22 ส.ค. 49 12:40:29
แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 49 01:14:03
จากคุณ :
vannessia
- [
20 ส.ค. 49 01:12:48
]