วันนี้ก็เป็นวันธรรมดาวันหนึ่ง..ในชีวิตอันแสนปกติของผม วันที่ต้องทำงานวันที่มีเพื่อนมีผู้คนรายรอบ ก็เป็นแบบนี้ทุกวันล่ะครับ.............ไม่มีอะไร
ผมกับเพื่อนกำลังคุยกันถึงเรื่องการไปสัมมนาที่บริษัทของเราจัดขึ้น เราคุยกันไม่ได้หยุดถึงเรื่องนี้ตั้งแต่ออกจากบริษัทฯแล้ว เราตื่นเต้นกับสัมมนาครั้งนี้มากเพราะเราเป็นพนักงานใหม่ของบริษัทฯกันทั้งคู่ นี่จึงเป็นครั้งแรกที่จะได้ร่วมทำกิจกรรมต่างๆร่วมกับทุกคนในบริษัทฯ
จะหาโอกาสใกล้ชิดน้องอรให้ได้ หมายตามาตั้งแต่มาทำงานวันแรกแล้ว" ผมทำท่าฝันหวาน
อิอิ โหลองคิดดูซิ ถ้าโอกาสให้บรรยากาศเป็นใจอีก..กิ๊กแน่ๆ ธวิธยิ้มกระหยิ่มกับผม
เห็นเจ๊ดา ฝ่ายบุคคลบอกว่าจะมีรอบกองไฟต้อนรับน้องใหม่ด้วย ผมหยุดฝันหวานแล้วหนักใจแทน
โห โดนเล่นจนอ่วมแน่ๆเลย ธวิธถอนใจ
เบื่อไอ้พิธีน้องใหม่พวกนี้เหลือเกินว่ะ ตอนเข้ามหาลัยก็โดนจนรากแตกแล้วมาทำงานยังจะมาโดนอีก ผมเบ้หน้าเหมือนเหม็นอะไรสักอย่าง
ช่างมันเถอะเรื่องของอนาคต ตอนนี้หิวแล้วหาอะไรกินกันเถอะ ธวิธเข้ามากอดคอผม
ช่าย..หิวมากตั้งแต่ยังไม่เลิกงานแล้ว ผมพยักหน้า
เราเดินมองหาร้านอาหารข้างทางที่ถูกใจกันเป็นเวลานานแต่ก็ไม่มีที่ไหนเป็นที่พอใจของเราสักแห่ง
วันนี้อยากกินข้าวมันไก่ว่ะ ผมมองไปเรื่อยๆ
ก็เดินผ่านมาตั้งหลายร้านแล้วนี่ ธวิธบ่น
มันดูแล้วไม่น่ากินนี่นา ผมยักไหล่
แล้วอยากกินอะไร? ผมหันไปถามความต้องการของเขา ธวิธมองไปรอบๆ
นายกินอะไรเราก็กินด้วยก็แล้วกัน เขาถอนใจ
มีร้านข้าวมันไก่รสเด็ดอยู่ตรงหัวมุมทางโน้น ผมดีดนิ้ว เคยมากินบ่อยๆตอนเรียนมหาลัย
เฮ้ย! ไกลเปล่า ไกลๆไม่ไปนะโว๊ยหากินแถวนี้แหละ ธวิธโวยกับมา
โธ่ เพื่อนเดินหน่อยอยู่ซอยถัดไปมีทางลัดแป๊....บเดียวถึงนะตัวนะ ผมลงทุนอ้อน
แน่นะ ถ้าไม่อร่อยสมราคาคุยจะเตะให้ มีขู่กลับมาครับ
ตกลงนายหรือเรากันแน่ที่กำลังหิวจนหน้ามืด ผมหัวเราะเขา
เออๆ รีบๆเดินเลยไอ้บ้า เดี๋ยวด่า ธวิธผลักให้ผมออกนำทาง
บทสนทนาที่เรียบง่ายที่เราคุยกับใครก็ได้อยู่ทุกวันยังคงทำให้ผมมีความสุขได้เสมอ
วันนี้เจอน้องอรสุดสวย ใจสั่นไปหมดเลยว่ะ น่ารักจับใจทุกวันเลย แน่ล่ะการได้คุยถึงใครสักคนที่ทำให้เราควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้เมื่อได้พบ มันก็เป็นส่วนหนึ่งของบทสนทนาอันแสนธรรมดาของทุกวันได้เพราะทุกนาทีเรารักใครได้เสมอนี่คือส่วนหนึ่งในชีวิตที่แสนธรรมดาของเรา ตอนนี้ผมชวนธวิธคุยกลัวเขายังไม่หายยั๊วะ
นายนี่ก็บ้า อยู่แผนกซ่อมบำรุงไปปิ๊งสาวการเงินที่อยู่คนละตึกกับเราเลย ธวิธส่ายหน้า
น่าสงสารการเงินนะดันไปปลีกวิเวกอยู่แผนกเดียวตึกนั้น ที่น่าปวดใจที่สุดก็คือแผนกนั้นสาวๆสวยๆทั้งนั้น หนุ่มๆหัวใจสะออนอย่างเราก็แย่ซิวะ ผมครวญ
หนอย หัวใจสะออน กลัดมันซิไม่ว่า เบื๊อกเอ๊ย! ธวิธออกอาการหงุดหงิดเพราะหิวข้าว
โดยเฉพาะน้องอร ถ้าไม่ไปเบิกค่าพยาบาลคงไม่ได้เจอไม่ได้ปิ๊ง นี่กระมังที่เรียกว่าพรหมลิขิต ผมยิ้มกรุ้มกริ่มคนเดียว
พรหมลิขิตขีดเขี่ยให้......เดินซิวะ ถึงยังวะเนี่ยเหนื่อยแล้วนะ ธวิธถอนใจ
บ่นอยู่ได้เดี๋ยวข้ามสี่แยกข้างหน้านี่ก็ถึงแล้ว ผมเร่งฝีเท้า
เฮ้ย! รอด้วย ธวิธรีบตามผมมาจนทัน
นายว่าสัมมนานี่น้องอรเค้าจะไปด้วยไหมวะ? ผมกอดคอเขา
ถ้าไป นายก็อย่าปล่อยโอกาสดีๆให้หลุดรอดไปแม้แต่ขณะจิตเลยนะ เราเชียร์สุดลิ่มทิ่มประตู ธวิธยิ้มกับผมเขาลืมความโกรธไปแล้ว
จะมีโอกาสมั๊ย ถ้าเราจีบเขาจริงๆจังๆ ผมถามจริงจัง
มีดิ การมีแฟนน่ะมันดีที่สุดอยู่แล้ว เรายังอยากมีเลย แต่...ยังหาไม่ได้ ธวิธยิ้มกับผมตบบ่าอีกที
เค้าจะชอบเราแน่เหรอวะ? ผมทำท่าลังเล
ลองดิเพื่อน นายน่ะ ก้อ.......หล่อดี เขายักคิ้ว
โห เพื่อนรัก เราเลี้ยงเองมื้อนี้ ผมยิ้มกว้างอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผมยกมือขึ้น
น้อมรับด้วยเต็มใจเลย ธวิธยกมือตบกับผม
งั้นตามมาไอ้เสือ ผมออกวิ่งนำไปที่สี่แยก
ตามมาแล้วลูกพี่ ธวิธวิ่งตามมาไม่ห่าง
ในชีวิต...เคยมีสักครั้งไหมครับที่ชีวิตที่แสนเรียบง่ายของใครๆถูกรบกวนจากสิ่งที่เรียกว่าเหตุอันเหลือเชื่อที่ทำให้เราหลุดไปจากวงโคจรเดิมๆไปครู่หนึ่งได้ราวกับฝัน
ที่สี่แยกผมกับเพื่อนยืนรอสัญญาณไปกันอย่างกระวนกระวายเพราะสัญญาณเป็นแดงนานแล้วไม่ยอมเปลี่ยนจนผมคิดว่าไฟคงเสียไปแล้ว ผมกับธวิธยกมือขึ้นลูบท้องโดยไม่ได้นัดหมาย เรามองหน้ากันเมื่อเห็นกริยาของอีกฝ่ายแล้วก็อดหัวเราะกันเองไม่ได้ ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆมองเราตาเขียว ผมเลยสะกิดธวิธให้หุบปากพร้อมกัน เรานิ่งเงียบไม่พูดอะไรกันพักใหญ่สายตาทุกคู่ที่อยู่ฝั่งถนนเดียวกับเราต่างมองไปฝั่งตรงข้ามเหมือนกันหมด
รถวิ่งกันขวักไขว่จนน่าเวียนหัวผมส่ายหน้าเซ็งสุดๆ ช่วงหนึ่งรถวิ่งทิ้งระยะห่างกันทำให้ผมสามารถมองเห็นผู้คนที่ยืนอยู่บนฝั่งตรงข้ามที่กำลังรอสัญญาณอย่างเซ็งๆเหมือนกัน ผมกวาดตามองคนพวกนั้นไปเรื่อยๆฆ่าเวลารอคอย ผู้หญิงคนหนึ่งดึงสายตาผมเอาไว้ให้อยู่กับเธอ วินาทีแรกที่ได้เห็นเธอผมรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุน ความวุ่นวายตรงหน้าหยุดนิ่งเงียบงันเหมือนภาพถ่ายในกรอบ ผมสูดหายใจลึก รู้สึกโหวงเหวงไร้น้ำหนัก
ปัจจุบันหายไปหากอดีตเท่านั้นที่ค่อยขยับเคลื่อนไหว .....ใจของผมเต้นยามจ้องมองใบหน้าสวยที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงนั้น คิดจะไม่เจออีกแล้ว เธอเป็นคนที่ผมหวังให้ไม่มีตัวตนในความทรงจำของผม หากเจอที่ไหนก็คงจำไม่ได้ด้วยว่าใจไม่อยากจดจำ ผมลืมเลือนอย่างสนิทใจไปแล้ว....ว่าเราเคยรักกัน
ผมหายใจขัดกับภาพหลายภาพที่หลั่งไหลเข้ามาในขณะจิต มันไม่ได้สะเปะสะปะวูบวาบสับสนหากทว่าทุกทยอยลำเลียงเข้ามาอย่างเป็นระเบียบก่อนหลัง เหมือนการเล่นภาพต่อที่คุ้นเคยในขณะที่ปิดตา
ผมถอนใจอย่างเหงาๆ เธอตรงหน้าคือสิ่งที่ซ่อนลึกแต่ไม่มิด ผมไม่เคยเลิกคิดถึงริมฝีปากที่ผมเคยได้ประทับรอยจุมพิต ความรักของเรามีเรื่องเล่าอันงดงามและมีโศรกนาฎกรรมด้วยเช่นกัน เราชนะหัวใจกันและกันแต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ต่ออารมณ์ และ ความไม่เข้าใจ เราสองคนจึงเป็นตำนานที่ต้องถูกลืมในหัวใจของอีกฝ่าย อาจเพราะเราอ่อนวัย อยากรักก็รักแรง พอมีทิฐิที่แรงอย่างไม่สามารถสลัดออกไปได้ ความรักที่ซาบซึ้งเลยกลายเป็นเรื่องที่เราต้องลืมเมื่อมันกลายเป็นพิษกัดกร่อนชีวิตที่ควรเรียบง่ายของเราจนผุพัง
แต่วันนี้เวลานี้ ณ อีกฝั่งของถนน
ผมเห็นเธออีกครั้งในวันเวลาที่ผมได้ชีวิตคืน ความเชื่อที่ว่าลืมเธออย่างหมดจดหัวใจก็กลายเป็นหมัน ผมไม่ควรรู้สึกรู้สาอะไรแต่ผมก็กำลังเพลิดเพลินกับการได้เฝ้ามองเธอจากตรงนี้ กลิ่นสนิมของความทรงจำทำให้ขอบตาของผมปวดบีบและร้อนผ่าว ทำไมหนอเธอถึงยังน่ารักน่ายลเหมือนวันเก่าก่อน แม้วันนี้เธอจะมีภาพซ้อนของหญิงทำงานที่สูงวัยขึ้น
แต่ทว่าผมก็ยังเห็นผมดำเงางามที่ตรงสลวยทับซ้อนอยู่ในทรงทันสมัยนั้น ใบหน้าใสสะอาดไร้เครื่องปรุงโฉมผมก็ยังเห็นชัดเจนกว่าใบหน้าที่แต่งเข้มราวสาวสังคมในสายตาตอนนี้ หากจำเธอไม่ได้คงจะดีกว่านี้ ความเจ็บปวดจะยังคงหลับใหลต่อไปไม่ถูกปลุกให้ได้ประจักษ์ว่ายังมีเยื่อใย คำถามเกิดขึ้นในใจของผม
ตอนนี้เธอกำลังควงอยู่กับใคร? แล้วนี่เธอนัดเขาไว้หรือเปล่า?
เธอจะมีความสุขดีหรือไม่
แล้วเธอยังคงมีน้ำเสียงเดิมหรือเปล่า?
รอยยิ้มที่มีให้จะยังคงเหมือนเดิมหรือเปล่านะ
เธอยังระลึกถึงเรื่องในอดีตอยู่ตลอดเวลาหรือเปล่านะ?
ผมยังเป็นผู้ชายคนเดิมที่ยังเหมือนเดิมทุกอย่างทั้งสไตล์การแต่งตัวและทรงผมที่ไม่เคยเปลี่ยน ทั้งที่เธอเปลี่ยนแปลงไปจนไม่เหลือเค้าเดิมแล้ว คำถามที่เกิดกับผม ผมไม่ได้คำตอบทั้งหมดหรอก คำถามเดียวที่อยากรู้มากที่สุดคือคุณยังจำผมได้ไหม?
ผมสะดุ้งเมื่อธวิธสะกิดแขนผม
เฮ้ย ! เหม่ออะไรอยู่วะ? ไฟแดงแล้วไปกันเถอะ เขาเดินนำหน้าผมไปก่อน ผมพยายามฝ่าฝูงชนทั้งสองฝั่งที่เดินมาพบกันเพื่อไปหาเธอ
แต่ผมก็ไม่เห็นเธอเสียแล้ว ผมพยายามมองหาแล้วก็ได้พบอีกครั้งเธอกำลังจะสวนกับผมพอดี ถึงตอนนี้สายตาผมกลับเสมองไปที่อื่นไม่ยอมมองเธอแต่ผมก็สามารถรู้สึกถึงชายแขนเสื้อของเธอที่พลิ้วมาโดนแขนของผม
ระยะสวนทางที่ใกล้กันแบบนี้เธอจำผมไม่ได้ทั้งๆที่ผมไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมผมต้องหลับตาลงครู่หนึ่งเพื่อไล่ความรู้สึกจี๊ดๆที่แทงอยู่กลางใจผม ผมภาวนาขออย่าให้ตัวเองเจ็บเมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ ผมอยากหันกลับไปเรียกเธอ อย่างน้อยก็อาจจะถามว่า สบายดีไหม? แต่เท่าที่ผมรู้สึกตัวเท้าของผมไม่ยอมหยุดก้าวไปข้างหน้าจนธวิธตามไม่ทันทั้งๆที่ออกเดินนำมาก่อน
ร้านอยู่ไหนวะ? ธวิธชะเง้อหา
เดินไปอีกสองล๊อคก็ถึงแล้ว ผมยิ้มฝืด รู้สึกโรยราแปลกๆ
ถ้าอร่อยจริงๆนะ วันหลังจะได้พาแฟนมากิน ธวิธตบบ่าผมเบาๆ
มีให้พามาด้วยเหรอ ผมฝืนยิ้ม
สักวันงัย
เอ้าถึงถึงแล้ว หาที่นั่งได้เลยเพื่อนเดี๋ยวสั่งพิเศษให้เลย ผมบอกตัวเองให้กลับมาสู่ชีวิตเดิมๆอีกครั้งด้วยการตัดใจไม่คิดมาก เดินปลีกตัวไปหาเถ้าแก่ร้านที่คุ้นเคยกันมานานเพื่อทักทายและสั่งรายการอาหาร สั่งเสร็จผมก็กลับมาที่โต๊ะ ไม่นานเด็กก็ยกมาเสริ์ฟ ผมสองคนกับธวิธไม่รีรอที่จะรีบกินกันอย่างหิวโหย
สุดยอดเลยว่ะอร่อยจริงๆอย่างที่นายโม้ไว้เลย หรือว่าเราหิวด้วยวะ? ธวิธทำท่าคิดหนัก
พูดให้ดีนะเฟ้ย เดี๋ยวให้จ่ายเองเลย ผมทำเสียงเข้ม
น่าใจเย็นลูกพี่อร่อยจริงๆจ๊ะ เขาหัวเราะแหะ
ว่าแต่ จะถามตั้งแต่เมื่อกี๊แลว้ แบบว่าเราจะเรียกนายให้หันไปมองเค้า นายก็รีบเดินเหมือนจะไปตามควาย
อะไรของนาย เค้าไหน? ผมส่ายหน้า
ผู้หญิงหน้าหวานสุดสวยที่เดินสวนกับนายน่ะสิ เราเห็นเขาหันมามองนายตั้งนาน เรายังว่าเลย นายเนี่ยโสในความหล่อน่าดูสาวสวยส่งสายให้ยังทำเชิด ว่าแต่มีแววหวานเยิ้มหรือเปล่าไม่ได้สังเกตุว่ะ ธวิธยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ผมจ้องเขาราวกับเพิ่งเห็นคนแปลกหน้า ครู่เดียวผมก็พู่หัวเราะออกมาราวกับเสียสติ
เป็นบ้าหรือวะ ธวิธส่ายหน้าเซ็ง
เปล่าแค่คิดว่า มันบ้าบอดี" ผมยิ้มกว้าง ธวิธยักไหล่แล้วหันไปสั่งข้าวมันไก่อีกจาน ผมก้มจิบน้ำในแก้ว ความเย็นลื่นไหลลงคอทำให้หายเหนื่อย นี่สิ....ความเป็นจริง ให้เธอเป็นสายลมพัดที่พัดแล้วพัดไปเถิด ผมมีโลกใหม่แล้ว เธอเองก็คงเหมือนกัน แม้เราจะยังคงจำกันได้ แต่เราจะอยากอยู่กับมันไปทำไม อะไรที่ทำให้หวั่นไหวเมื่อครู่มันก็แค่ปรากฏการณ์ความหลังที่มาสะกิดใจเท่านั้น คิดเสียเท่านั้น อีกฝั่งของถนนก็เป็นแค่ภาพฝันในอดีตเท่านั้น
แก้ไขเมื่อ 21 ส.ค. 49 15:12:44
แก้ไขเมื่อ 21 ส.ค. 49 13:04:30
แก้ไขเมื่อ 21 ส.ค. 49 10:11:00
จากคุณ :
vannessia
- [
21 ส.ค. 49 09:13:03
]