CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    เพียงวันผ่านที่พานพบ

    .....................

    เสียงหวูดที่ดังยาว ปลุกฉันตื่นจากภวังค์ ฉันหันไปหยิบกระเป๋าเดินทางใบย่อมวางบนตัก ในนั้นมีเพียงผ้าเช็ดหน้าผืนเล็ก กับเครื่องสำอางและของใช้ส่วนตัวสำหรับการเดินทางหนึ่งวันเท่านั้น ฉันไม่มีเวลามากพอที่จะอยู่ที่นี่นานนัก ทั้งๆที่ใจฉันอยากจะอยู่นานๆ แต่ความจำเป็นบางอย่างมันบีบบังคับ และกำหนดกรอบเวลาให้ฉันได้เพียงแค่นี้

    รถไฟค่อยๆแล่นช้าลง กระทั่งจอดสนิท ฉันฉวยกระเป๋า ก้าวลงจากรถ รอบตัวคือมหานครใหญ่ ซึ่งฉันได้มีโอกาสมาเยือนไม่กี่ครั้ง หากแต่ครั้งนี้ต่างกว่าที่เคย...ตรงที่ฉันมาเพียงลำพัง

    ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้หัวใจของฉันมันไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเอาเสียเลย....ทันทีที่เท้าแตะพื้น..

    ฉันกระชับเสื้อตัวนอกสีดำแนบตัว จัดชายเสื้อตัวในสีฟ้าลายหวานและเอวกางเกงสีดำตัวเก่งเพื่อให้เข้ารูปและดูดีที่สุด รองเท้าส้นสูงช่วยเพิ่มส่วนสูงจากหนึ่งร้อยห้าสิบเก้าเซนติเมตรขึ้นอีกกว่าห้าเซนติเมตร แต่ก็ไม่สามารถเพิ่มความมั่นใจให้ฉันได้มากนัก

    ความมั่นใจ...โอ..ใช่...ฉันต้องเพิ่มความมั่นใจ

    ฉันรีบเดินเข้าไปในห้องน้ำ ส่องกระจกเงา ภาพที่ปรากฏ คือผมที่ยุ่งเหยิงและ หน้ามันวับ สีสันที่เคยแต่งแต้มก็จางลงจนดูซีดเซียว ไร้ชีวิตชีวา กว่าครึ่งชั่วโมงที่ฉันจัดการกับตัวเอง เพื่อให้ดูดีที่สุด ฉันมองดูตัวเองในกระจกอีกครั้ง ภาพหญิงสาววัยสะพรั่ง ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สดใสด้วยผ่านการระบายสีสันจากเครื่องสำอางชั้นดี ช่วยเรียกความมั่นใจให้ฉันได้โข

    เสียงเพลงจากเอ็มพีสามที่ฉันพกติดตัวเป็นเพื่อนเดินทาง ยิ่งทำให้หัวใจฉันเต้นแรง ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกสุดก้าวเท้าออกจากห้องน้ำ เดินไปเรียกรถแท็กซี่ บอกจุดหมายปลายทาง

    อีกไม่กี่นาที ฉันก็จะได้พบเขาแล้ว...

    เขา..ผู้ชายที่สั่นไหวหัวใจฉันไปแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขา..ผู้ชายที่ฉันมั่นใจนักหนาว่า...สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด มันคือความรู้สึกที่พิเศษ ล้ำค่า และมีความหมายยิ่ง

    เวลาหนึ่งปี...มันไม่น้อยเลย สำหรับความสัมพันธ์ที่ถักทอขึ้นอย่างรวดเร็ว ความสัมพันธ์ที่มีเครือข่ายในโลกไซเบอร์เป็นสื่อประสาน หากแต่มีระยะทางกว่าพันไมล์เป็นอุปสรรค

    แต่...ระยะทางและกาลเวลา มันได้พิสูจน์อะไรบางอย่างไปบ้างแล้ว

    หนึ่งปี ที่เราต่างเป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือ แบ่งปัน และคอยเติมเต็ม ทุกความรู้สึก ทั้งสุขและทุกข์

    แต่....แปลกไหม... ฉันกับเขา เรากลับไม่เคยแม้สักครั้งที่จะได้พบหน้า ได้พูดจา ได้พูดคุยกันจริงๆ หากแต่ว่า ฉันกลับรู้สึกว่าเขานั้นไม่ใช่คนอื่นไกลเลย เรามีความรู้สึกเดียวกัน

    และครั้งนี้...ฉันจะพิสูจน์หัวใจของตัวเองเสียที

    * * * * *

    ในที่สุดฉันก็พาตัวเองมาถึงสถานที่นัดพบ ใช่แล้ว พูดว่าสถานที่นัดพบคงไม่ผิดนักหรอก ก็เรานัดกันที่นี่จริงๆ ร้านหนังสือชื่อดังแห่งหนึ่ง ใจกลางกรุง

    ฉันผลักบานประตูเข้าไปสัมผัสไอเย็นฉ่ำ ดับร้อนจากอากาศภายนอก หากแต่ภายในหัวอกหัวใจของฉันมันกลับยิ่งร้อนกว่า ฉันหันรีหันขวาง ทำอะไรไม่ถูก อยากโทรหาเขาแต่ไม่กล้า...

    ไม่อยากบอกเลยว่าฉันเขินจนร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้า

    “คุณพิมใช่ไหมครับ”

    มีเสียงผู้ชายดังมาจากด้านหลัง นุ่ม และดูสุภาพ ฉันหันขวับไปมอง หัวใจเต้นถี่

    ชายหนุ่มร่างสูง ผิวพรรณสะอาดสะอ้าน หน้าตาดี ส่งยิ้มให้กับฉัน

    “ชะ..ใช่ค่ะ” ฉันตอบไปอย่างงงๆ กวาดสายตาไปรอบๆ

    “ผมเป็นน้องชายของพี่รุตม์ เขาฝากมาขอโทษคุณว่า เขามาไม่ได้จริงๆ”

    ราวกับสายฟ้าฟาด ประโยคนั้นทำเอามือไม้ของฉันอ่อนป้อแป้ หัวใจหล่นวูบ ฉันมองผู้ชายคนนี้ พยายามถามเหตุผลจากเขาด้วยสายตาอันปวดร้าว

    “พี่รุตม์ไม่สบายกะทันหัน ต้องเข้าโรงพยาบาลด่วน แต่เขาห่วงว่าคุณจะรอเก้อ เลยให้ผมมาดักรอคุณที่นี่”

    “เค้าเป็นอะไรมากมั้ยคะ” ทันทีที่ทราบเหตุผล อารมณ์ของฉันก็เปลี่ยนเป็นห่วงเขาจับจิต

    “ก็แย่เหมือนกัน คือพี่ชายผมเค้า เขามีโรคประจำตัว ต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อยๆ ตอนนี้กำลังนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เอ่อ..เขาฝากนี่มาให้คุณด้วย”

    ฉันยื่นมือไปรับหนังสือเล่มหนา มันเป็นหนังสือทำมือ

    “รวมเรื่องสั้นเล่มแรกในชีวิตของพี่ชายผม บอกว่าขอมอบให้คุณเก็บไว้ด้วย”

    ‘เพียงวันผ่านที่พานพบ’

    ฉันอ่านชื่อหนังสือ ไล้นิ้วสัมผัสตัวอักษรแผ่วเบา รู้สึกตื้นตันใจ อย่างสุดกลั้น

    “ฉันเอ่อ..ฉันขอไปเยี่ยมเขาจะได้ไหมคะ”

    สีหน้าของหนุ่มตรงหน้าเปลี่ยนเป็นกังวลทันที

    “คงไม่เหมาะมั้งครับ เอ่อ..ผมหมายความว่า คงไม่สะดวก เพราะครอบครัวเขาก็อยู่ที่นั่นด้วย พี่สะใภ้ผมเธอขี้หึงสุดๆ หากรู้ว่าคุณเป็นใครเธอเอาพี่ชายผมตาย”

    ฉันเข่าอ่อนจริงๆแล้ว แทบจะทรุดลงไปกองกับพื้น ร่างกายซวนเซ แต่ก็ฝืนประคองตัวไว้

    ที่ผ่านมาเขาไม่เคยปริปากถึงครอบครัวเลยสักครั้ง เป็นความผิดของฉันเอง ที่ไม่เคยถามเขาเลยสักครั้งเช่นกัน

    “..............................”

    “..................”

    เหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน ทุกอย่างนิ่งขึงอยู่อย่างนั้น ทั้งตัว และ หัวใจของฉัน ราวกับถูกจับแช่แข็งทั้งเป็น

    “ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันตอบเสียงสั่นหวิว กลืนน้ำลายลงคอยากเย็น ฝืนกลั้นน้ำตาเอาไว้

    “แต่...ขออะไรสักอย่างได้ไหมคะ” ฉันตัดสินใจเอ่ยความต้องการออกไป

    “ขอฉันได้พบหน้าเขาสักครั้ง ฉันสัญญาว่าจะไม่ให้ใครรู้”

    * * * * * *


    ในโรงพยาบาล......

    “คุณพยาบาลคะ รู้สึกสามีดิฉันไข้จะขึ้นอีกแล้ว ช่วยดูหน่อยสิคะ”

    เสียงผู้หญิงหน้าตาดี ที่นั่งอยู่ชิดเตียง ด้วยสีหน้าเป็นกังวล บ่งชัดว่าคงห่วงผู้ชายคนที่นอนอยู่บนเตียงไม่น้อย

    “ค่ะ”

    ‘คุณพยาบาล’ ตอบได้เพียงแค่นั้น...

    “พี่นกครับ ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับพี่ เราออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่า จะได้ไม่รบกวนพี่รุตม์เขา เอ่อ..นี่คุณพยาบาลยังไงวานเช็ดตัวให้พี่ชายผมด้วย”

    “ได้ค่ะ”

    ‘คุณพยาบาล’ อยากจะบอกเหลือเกินว่า ‘ ด้วยความยินดีที่สุดแสนจะปวดร้าวค่ะ...’

    เธอออกไปแล้ว....เหลือเพียงฉันในชุดเครื่องแบบสีขาว ยืนอยู่ใกล้ๆ

    ผู้ชายตัวโต ใบหน้าเซียวด้วยพิษไข้ กำลังนอนหลับตาอยู่ตรงหน้า ผู้ชายที่ทำให้หัวใจฉันให้สั่นไหวมาถึงหนึ่งปีเต็มๆ

    ฉันหยิบผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆ ค่อยๆเช็ดที่แขนเป็นส่วนแรก เขาครางฮือ จนฉันสะดุ้ง น้ำตาพานจะไหล ความรู้สึกทั้งคับแค้น น้อยใจ ประดังเข้ามา

    ฉันเลื่อนมือมาหยุดค้างที่ใบหน้า คิ้วเข้ม ตาคม ผมดกดำนี่กระมังที่ทำให้ฉันแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง ฉันวางผ้าบนหน้าผากเบามือ และต้องสะดุ้งอีกครั้ง เมื่อมีมือร้อนๆมาจับข้อมือฉันแน่น

    " พิม..พี่ขอโทษ...”

    เปลือกตาเขายังคงปิดสนิท แต่ริมฝีปากหยักนั้นมีถ้อยคำแผ่วเบาลอดออกมา ... เขาละเมอ

    ฉันทำหน้าที่พยาบาลจำเป็นได้ดีทีเดียว ทำทุกอย่างด้วยหัวใจ และคิดว่าครั้งนี้มันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะทำเพื่อเขา...


    ฉันหยิบเอ็มพีสามออกจากกระเป๋ากระโปรง ค่อยประจงครอบไว้ที่หูของเขาแผ่วเบา

    คือ เสียงเพลงจากหัวใจของเราสองคน...

    “ลาก่อนค่ะ........” ฉันกระซิบแผ่ว

    "ต่อจากนี้ไป...เราจะไม่พบกันอีก"

    ...........................

    .....ตอบใจตัวเองมานาน แอบรอคอยเธอก็รู้
    อยากให้เธอลองตรองดู ในความทรงจำเก็บไว้.....
    ต่างคนมีทางต้องเดิน อาจมีเวลาต้องไกล
    หนึ่งคนยังคงคอยใจ ยังคงคอยไปอย่างนั้น
    อยู่ไกลกันเกินครึ่งฟ้า หากยังมีใจถึงกัน
    จะโยงใยความสัมพันธ์จนมาพบกัน....ใกล้ตา...
    ต่อเติมแรงใจเมื่อท้อ แบ่งปันในยามทุกข์ตรม..ไม่หวั่น
    ต่างคนเติมใจให้กัน เติมใจซึ่งกัน....จนเต็ม….”

    ********************************

    แก้ไขเมื่อ 21 ส.ค. 49 15:35:15

    จากคุณ : กีรติมา - [ 21 ส.ค. 49 14:49:30 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com