-๑- คืน(รัก)สู่เหย้า -๑-
เสียงเพลงดังแว่วมาเข้าหูเมื่อกิติมาก้าวเท้าลงจากรถ เธออมยิ้มขณะแลตามแสงไฟวาววับสองสีซึ่งถูกจัดเรียงสลับกันไปตามสีประจำโรงเรียน สายลมยามพลบค่ำโชยผะแผ่วพัดพาเอากลิ่นไอในอดีตให้อบอวลอยู่ในงานคืนสู่เหย้า ในคืนนี้
ยิ่งสาวเท้าใกล้เข้าไปในบริเวณงานมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งได้ยินเสียงคุยจ้อกแจ้ก เสียงทักทายด้วยความสนิทสนมระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง เสียงกรี๊ดของสาวๆที่นานๆครั้งจะได้เจอะเจอ ขณะเดินผ่านอาคารเรียนหลังใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จหญิงสาวอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองอาคารไม้หลังเก่าด้านหลัง
รอยยิ้มขบขันพรายผ่านดวงหน้าเรียวเมื่อนึกไปถึงวีรกรรมมากมายที่เธอและเพื่อนเคยกระทำร่วมกัน กระดานไม้ทุกแผ่น ประตูทุกดอกของอาคารหลังนั้นคงเป็นดังสมุดเล่มหนาที่จารจารึกเรื่องราวหลากหลายจากรุ่นหนึ่งสู่รุ่นหนึ่งและสมุดบันทึกเล่มนี้คงจะไม่มีหน้าสุดท้าย เว้นเพียงแต่ว่า....
กิติมาหันกลับมามองอาคารปูนสี่ชั้นหลังใหม่ ก่อนจะถอนหายใจ เธอคงจะเป็นยายแก่หัวโบราณ ยึดมั่นถือมั่นอยู่กับสิ่งเก่าๆอย่างที่วาทินีบอกกระมัง ยิ่งนึกถึงเพื่อนสนิทที่ผูกคอซองเกี่ยวคอกันเดินหัวใจของหญิงสาวก็ยิ่งเต้นแรง กิติมาสาวเท้าเร็วขึ้นบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าอาการสั่นๆหวิวๆในหัวใจเกิดขึ้นเพราะสาเหตุใด
ตื่นเต้น....ดีใจ...หรืออะไรนะ นานเท่าใดแล้วที่เธอกับวาทินีไม่ได้เจอะเจอกันตั้งแต่...
ต๊าย ! ยายมา มาช้า มาสายไม่สมเป็นเจ้าถิ่นเลยนะยะ เสียงแหลมแปร๋นดังขึ้นพร้อมร่างผอมๆของคนพูดปราดเข้ามาหาแล้วดึงข้อมือเธอเข้าไปหาเพื่อนกลุ่มใหญ่
กิติมายิ้มแหยๆกับคำว่า เจ้าถิ่น ที่เพื่อนสาวยกให้ ปนัดดาคงหมายถึงการที่เธอไปร่ำเรียนจากที่อื่นแล้วย้ายกลับมาทำงานที่บ้านเกิดของตัวเองกระมัง
ฉันไม่แปลกใจหรอกนะที่รู้ว่าแกน่ะกลับมาทำงานที่นี่ ในหมู่เพื่อนๆรู้กันหมดแหละว่าแกช่างรัก หลงใหลบ้านเกิดกะยึดเป็นเรือนตาย พวกฉันยังเม้าธ์กันอยู่เลยว่า โครงการสำนึกดี รักบ้านเกิดน่ะ ต้องได้รากฐานความคิดมาจากแกแน่ๆ ปนัดดายังจ้อต่อไปพลางกดไหล่เธอให้นั่งลง กิติมาหัวเราะกับคำพูดนั้นกวาดสายตาไปรอบโต๊ะแต่ไม่เห็นแม้เงาของเพื่อนรักในอดีต...วาทินี
คนที่เคยเดินกลับบ้านพร้อมกัน คนที่เธอสามารถเลียไอศกรีมจากโคนเดียวกันได้อย่างไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนใจ คนที่มีสิทธิ์รู้เรื่องของเธอมากยิ่งกว่าพ่อแม่ของเธอจะมีสิทธิ์รับรู้เสียอีก
หากมีปาฏิหาริย์ใดๆให้เธอกลับไปแก้ความผิดพลาดในอดีตได้ เรื่องเดียวที่จะแก้คือเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเธอและวาทินี
เอ้า ! ความเย็นจากแก้วสัมผัสกับมือจนกิติมาสะดุ้ง
แกยังเหมือนเดิมเลยนะ เงียบๆ ติ๋มๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเพื่อนซี้ปึ้กกะยายวาที่เปรี้ยวจี๊ดที่ใครๆอยู่ใกล้ๆต้องซี้ดซ้าดเพราะเข็ดฟัน คนยื่นแก้วให้บ่น
ขอบใจนะ หญิงสาวยิ้มไม่ปรารถนาจะแก้ตัว
น้ำส้มน่ะ ฉันกับยายตาลไม่แน่ใจว่าเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทั้งหลายแหล่แกจะกินได้ไหม ปนัดดาบอก
แกทำยังกะงานนี้มีเหล้าหลากหลายชนิดให้เลือกงั้นแหละวะสุริยะเพื่อนชายที่เพิ่งเดินมาเข้ากลุ่มบอกแล้วโน้มตัวลงกระซิบเบาๆให้พอได้ยินกันเพียงในวงสนทนา
พวกแกไม่เห็นเหรอวะ ว่าใครยืนคุมซุ้มเครื่องดื่มอยู่ หลังจากสุริยะจบคำถามทุกคนก็พร้อมใจกันหันไปมองยังซุ้มเครื่องดื่มภาพที่ประจักษ์แก่สายตาทำให้หลายคนปล่อยเสียงหัวเราะออกมา
อาจารย์วรรณีที่สอนวิชาพุทธศาสนานั่นเอง กิติมาฉีกยิ้มเมื่อเห็นท่าทางเคร่งขรึมของอาจารย์วัยใกล้เกษียณ ไม่ว่านานเท่าไหร่อาจารย์ท่านนี้ก็มิเคยเปลี่ยนท่าทีหรือเครื่องแต่งกาย ยังคงสวมเสื้อและผ้าถุงสีขาวอยู่เสมอ ไม่ว่าจะอยู่นอกโรงเรียนหรือในโรงเรียน แล้วภาพของวาทีนีที่ยื่นขนมกรุบกรอบส่งมาให้ยามที่ทุกคนนั่งสมาธิก็ผ่านแวบเข้ามา
จำได้ว่าเธอส่ายหน้าปฏิเสธแล้วอ้าปากจะห้ามเมื่อเห็นวาทินีกำลังจะหยิบขนมเข้าปาก เธอคงเชื่องช้าสมฉายาที่เพื่อนรักตั้งให้ว่า ยายเต่าต้วมเตี้ยม นั่นแหละ เสียงกรุบอันเกิดจากการเคี้ยวของวาทินีดังทำลายสมาธิใครต่อใครในห้องยกเว้นก็แต่อาจารย์วรรณี
ไม่เคยมีคำด่าทอ กระทบกระเทียบดังมาจากปากอาจารย์ และพวกเราในขณะนั้นก็ไม่เคยสำนึกว่าการกระทำดังกล่าวไม่ถูกต้อง ไม่สมควรจวบจนทุกคนเติบใหญ่ก้าวเข้าสู่วัยทำงาน
พูดถึงยายวา มันจะไม่มาจริงๆน่ะเหรอ เมื่อมีคนเปรยขึ้นเพื่อนอีกหลายคนก็เริ่มถามไถ่ถึงวาทินี
นั่นสิ ! คนพูดหันไปมองรอบตัว ชะเง้อคอกวาดสายตาไปทั่วงานพร้อมกับยกนิ้วชี้ทำการนับไปด้วยแล้วหันมาสรุป
ขาดยายวาคนเดียวนะเนี่ย ไม่นับไอ้โต๋ ไอ้ชัยกะยายอิงที่อยู่เมืองนอก
มันบอกแกว่าไงล่ะบ้าง เพื่อนคนหนึ่งหันมาคาดคั้นกิติมา
จากคุณ :
อุณากรรณ
- [
25 ส.ค. 49 01:40:10
]