บทความนี้เขียนจากเรื่องจริง !
ขอสักครั้งที่ผมจะอุทิศบทความบางบท
เพื่อเป็นเฉกเช่นตะเกียงเจ้าพายุน้อย ๆ
เปล่งแสงริบหรี่ในคืนเดือนมืดที่หมอกลงจัดเช่นนี้
ผมเขียนเรื่องราวออกแนวหลุดโลกไปหลายเรื่อง
บางประเด็นก็ชวนขำ บางประเด็นก็แป๊ก
หลายเรื่องก็สร้างความงุนงงว่าตกลงจริงหรือลวง
จนบางทีพอเขียนเรื่องจริงเข้าก็ไม่มีใครเชื่อ
ฮิ ๆ ๆ ช่างน่าสมน้ำหน้าและสะใจ จริง ๆ
เอ้า เพิ่มสมเพชให้อีกอัน
ผมเพลิดเพลินเหลือฤดีกับการใส่สีตีข่าว
สร้างเรื่องจริงผสมเท็จในการนำเสนอรายวัน
หาใช่อื่นใดไม่ ในชีวิตจริง หากเราพูดไม่จริง
ก็เข้าข่าย มุสาวาท ซึ่งเป็นการล่วงศีล
แต่ในโลกแห่งวรรณกรรมหาเป็นเช่นนั้นไม่
โดยเฉพาะขยะวรรณกรรมของผม
ผมสามารถสร้างเรื่องราวบ้าบอคอแตกได้อย่างอิสระ
ราวกับนกน้อยที่บินทะลุไปในอวกาศได้
หนทางดื่มด่ำสุนทรียภาพชีวิตของคนโลก ๆ อย่างผม
ทำได้โดยการสวมแว่นหลากสีเพ่งมองภาพชีวิตที่ผ่านไป
ประหนึ่งแผ่นฟิล์มที่ไม่อาจกำหนดยาวสั้นได้
หลายครั้ง ผมรักที่จะอยู่ในฐานะผู้ชมเท่านั้น
คนส่วนหนึ่งในโลกใบนี้
ไม่นิยมชมชอบการยุ่งเรื่องชาวบ้าน
ผมก็อยู่ในกลุ่มก๊วนนั้นด้วยเช่นกัน
แต่บางครั้งการไม่ยุ่งก็ไม่ได้แปลว่าห้ามมุง
บริเวณหน้ารถเข็นขายชายสี่หมี่เกี๊ยว
ชายไว้เคราสักลายพร้อยทั้งตัว
กำลังลงมือตบตีสาววัยรุ่นผอมแห้งแรงน้อยคนหนึ่ง
หากเทียบด้วยสรีระตลอดจนพละกำลังแล้ว
ทั้งคู่ไม่ใช่คู่ต่อยตีที่สมน้ำสมเนื้อกันเลยแม้แต่นิดเดียว
นี่มันปัญหาความรุนแรงและการลิดรอนเสรีภาพทางเพศหรือเปล่า?
จู่ ๆ มโนธรรมใครบางคนในที่นั้นก็ได้เกิดขึ้น
เขาคือใครมาจากไหนไม่มีใครทราบได้
รู้เพียงว่าเขาตรงเข้าไปห้ามให้ทั้งคู่หยุดวิวาทกัน
"มรึงไปไกล ๆ ตรีนเลย เดี๋ยวจะโดนอีกคน
ผัวเมียเขาทะเลาะกัน มันหนักส่วนไหนของมรึง"
จะด้วยเสียหน้าหรือโกรธไม่ทราบได้
พลเมืองดีปริศนาคนนั้นก็ถอยฉากแล้วจากไป
นาฏกรรมบนลานกว้างในเย็นวันนั้น
ผ่านสายตานับร้อยคู่ จากผู้ชมข้างถนน
และรถสองแถวที่สัญจรผ่านไปมา
ต่อเมื่อเห็นท่าไม่ดี กลุ่มสมาคมคนช่างมุง
ที่กลัวลูกหลง ก็กระเตงอุ้มลูกเล็กเด็กแดงของตัว
ผละจากไปทีละคนสองคน จนเริ่มบางตา
ผมยังคงจับตาดูเหตุการณ์อยู่ห่าง ๆ
ไอ้เสือสักลายมันขี่มอเตอร์ไซด์ไปไกลแล้ว
ทิ้งเด็กสาวสะรุ่นร้องไห้โฮในท่าครึ่งนั่งครึ่งนอน
ตัวเต็มไปด้วยเลือด โดยเฉพาะช่วงบริเวณปากและลำคอ
ถึงตอนนี้แม่ค้าชายสี่เริ่มจะขอมีบทบาทบ้าง
ป้าแกเข้าไปประคองร่างสั่นเทานั้นขึ้นมา
และพบว่าท้องเด็กสาวถูกมีดแทงค่อนข้างลึก
ถึงจะไม่ได้อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ
แต่ก็ไม่ไกลเกินได้ยินเสียงสะอื้นไห้เป็นช่วง ๆ
ประมาณว่ามันไม่ใช่ผัวหนูอะไรทำนองนี้
อีกไม่นาน ตำรวจคงมาถึงที่เกิดเหตุ
แล้วคนเจ็บก็ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลละแวกนั้น
ชาวบ้านก็จะพูดถึงเรื่องนี้กันอยู่พักหนึ่ง
เรื่องทั้งหมดนี้พอจะเดาได้ ไม่น่าตื่นเต้นอะไรนัก
ผมจึงไม่ใส่ใจติดตามต่อ
ถัดจากนั้นอีก 2 วัน
ผมได้ฟังถึงที่มาที่ไปอันชวนให้สลดใจจากปากแม่ค้าชายสี่
ที่จริงแล้ว วัยรุ่นสาวคนนั้นกับมนุษย์เครายอดนักสัก
ไม่ได้เป็นผัวเมียกัน ไม่ใช่ญาติพี่น้องหรือเพื่อน
และไม่เคยรู้จักกันมาก่อนด้วยซ้ำ
ชายฉกรรจ์ที่อ้างตัวเป็นสามี
ที่แท้แล้วก็พวกโจรสิบแปดมงกุฎลักทอง
มันทุบตีหญิงสาวจนพูดไม่ออก
แถมกันไม่ให้คนอื่นเข้ามาช่วย
ด้วยการอ้างว่าอย่ายุ่งเรื่องผัวเมียทะเลาะกัน
แล้วมันก็เอาสร้อยคอทองคำของเด็กสาวไป
คืนนี้ผมยังหลับไม่ลง ได้แต่นอนคิดเรื่อง
ภัยมืดในที่โล่งแจ้งของเด็กสาวคนนั้น
ผมปิดเครื่องปรับอากาศ แล้วเปิดหน้าต่าง
รับลมเย็นๆจากด้านนอกของห้องนอน
หมอกเริ่มจางลงแล้ว ลมที่แรงก็ทำท่าเหมือนจะสงบ
แสงวูบวาบของหิ่งห้อย 3 - 4 ตัวแลดูนวลตาดีเหลือเกิน
จนผมอดทึกทักเอาเองไม่ได้ว่า
นี่คือของขวัญในคืนเดือนมืดที่ธรรมชาติมอบให้ผม
ขอสักครั้งที่ผมจะอุทิศบทความบางบท
เพื่อเป็นเฉกเช่นตะเกียงเจ้าพายุน้อย ๆ
เปล่งแสงริบหรี่ในคืนเดือนมืดที่หมอกลงจัดของใครอีกหลาย ๆ คน
จากคุณ :
ดำรงเฮฮา
- [
27 ส.ค. 49 02:34:35
]