...เขียนจากเรื่องจริง
หนุ่มวัย 26 ผู้อ่อนต่อโลก ถามเพื่อนทางโทรศัพท์ด้วยภาษาพาซื่อ
"ด้วง ในเมื่อเราก็อาบน้ำเองได้ ทำไมต้องไปที่นั่นด้วยฟะ ?"
"มันไม่เหมือนกันว่ะ ดำร๊ง" ด้วงตอบด้วยน้ำเสียงคล้ายผมเป็นเด็ก
ว่าแล้วผมก็ถือโอกาสพิเศษให้นายด้วงช่วยพาผมไปทัศนศึกษาที่โปไซด้อน โดยมีเงื่อนไขว่าการไปครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อไปบริหารอังกะลุงประจำกาย หรือติดต่อซื้อขายผืนนาหน้ากระจก หากแต่ไปเพื่อศึกษาสภาพความเป็นจริงแห่งสังคมไทยไว้เขียนถ่ายทอดสู่อนุชนสืบไป
ที่บ้าน...ผมกำลังอยู่หน้ากระจก วันนี้หวีผมนานเป็นพิเศษ
"วันนี้ ลูกแม่แปลก ๆ ไปนะ สงสัยมีอะไรชอบมาพากล"
มารดาบังเกิดเกล้าถามด้วยน้ำเสียงมิสู้ดี
ด้วยถูกหล่อหลอมมาแต่อ้อนแต่ออกว่า
มุสาวาทาเวรมณี สิกขา ปทัง สมาทิยามิ ผมจึงตอบไปตามตรง
"คืองี้ คืนนี้ลูกน้อยของพระมารดา จะไปทัศนศึกษากับอาจารย์ด้วงที่โลกียสถานละลานตา เรียกว่า โปไซด้อน"
อย่างไม่คาดคิด ดวงหน้าหม่าม๊าอันเป็นที่รักปรากฏริ้วรอยแห่งวัยยกกำลังห้า
พร่ำบ่นด้วยความเป็นห่วง
"เอดส์นะลูก เอดส์"
ต๊กกะใจมาก ก็เรียนแล้วว่าเพียงทัศนศึกษา หาได้ร่วมแชร์ประสบการณ์ไม่
"ไฉน มาตาแห่งบุตรดำ จึงขยำดวงใจลูกยา ด้วยวาจาเยี่ยงนี้"
รอยบาทากาหลายฝ่าปรากฏชัด แสงไฟจากเพดานสะท้อนให้รอยย่นบนหน้าผากดูลึกกว่าเดิม
มาตาแห่งดำฮาเผยอริมฝีปากกล่าว
"ถึงตรงนั้น ไม่ใช่ว่าแม่ที่ไม่ไว้ใจเอ็ง ตัวเอ็งก็เหมือนกัน ใช่จะไว้ใจตัวเองได้เพียงไหน"
ป่วยการกล่าวมากความ ผมควักกระเป๋าเงิน แสดงมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดที่มีให้ประธาน ป.ป.ช. พิสูจน์
"หม่าม๊าย่อมทราบ ด้วยกระสุนดินดำหยิบมือหนึ่ง อย่าว่าแต่ซื้อหาที่นาแม้ที่ตัดเล็บก็ยังมิอาจซื้อได้"
"ถูกอยู่ ทว่าลูกยาย่อมอาจหาวิธีการสารพัน อาทิ กดเงินผ่านบัตร..."
ในบัดดล เพื่อพิสูจน์ความพิสุทธิ์ประดุจทองแท้ ดำฮายื่นบัตรทุกใบในกระเป๋าถวายแด่พระแม่เจ้า
ชั่วนาทีที่สำรวจ มารดายิงวาทะเด็ด
"ลูกย่อมอาจหยิบยืมจากสหาย นายด้วงน้อย คอยรัก"
ความข้อนี้ มิทราบจะพิสูจน์เยี่ยงไร ได้แต่แจงให้ท่านทราบ
"หากหม่าม๊าไม่วางใจ ลูกดำก็จะไม่ไป"
เงียบไปพักหนึ่ง ดำฮากำลังลุ้น แล้วก็ยินเสียงถอดใจแห่งมาตา
"แล้วแต่เอ็งก็ละกัน"
"ถ้าแล้วแต่ผม งั้นผมไปละแม่" ดำฮาต่อคำด้วยไวว่อง คว้ากุญแจรถเตรียมเข้าจุดสตาร์ท
1 ทุ่ม 30 ณ.
คืนที่แสงจันทร์ยากสาดส่องผ่านร่องเมฆ กระนั้นใจคนก็ยิ่งยากจะหยั่งถึง
ดำฮาสตาร์ทรถเคลื่อนตัวจากหน้าบ้าน แม่จับตามองลงมาจากชั้น 2
ระหว่างทาง ไฉนคืนนี้รู้สึกราวกับทุกสิ่งมืดมน อนธการ ไม่สราญใจแม้เพียงนิด
ทุกครั้งที่มีความรู้สึกแบบนี้ มักจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นเสมอ
คืนหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน เราสองแม่ลูกรอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด
ก่อนออกจากบ้านคืนนั้น ผมก็เกิดความรู้สึกเหมือนกับในคืนนี้
แต่ทว่า ชีวิตคนจะฝากไว้ที่สัญชาตญาณหาได้ไม่ ว่าแล้วก็มุ่งหน้าต่อไป...
ราว 15 นาที
ก็พบปรมาจารย์โลกียศาสตร์ อาจารย์ด้วง ที่จุดนัดพบ
คืนนี้ ครูด้วงผู้พ่วงพีกำยำกลับดูลึกลับเป็นพิเศษในชุดสีเข้มแขนยาว
เขาเร่งเปิดประตูขึ้นมา นั่งที่เบาะข้างพลางกล่าววาจา
"ดำรง ขอต้อนรับสู่การทัศนศึกษา เซ็กส์อินเดอะซิตี้"
"บอกไว้ก่อนนะ ถ้าจะเข้าไปสำรวจอย่างเดียว ต้องมีเทคนิคฯ
ไม่อย่างนั้น นายอาจเพลี่ยงพล้ำเข้าสู่วงจรนานาสังวาสได้"
นายด้วง ไกด์กามาทัวร์ให้ข้อมูลเชิงลึกถึงสถานที่ท่องเที่ยว พลางระบุเทคนิคสำคัญในการเอาตัวรอดเมื่อถูกหว่านล้อม หรือต้อนให้ซื้อหาคนไปร่วมหลับนอนจากนายหน้าค้าเนื้อสด
"อย่าหลงกลเด็ดขาดนะเพื่อน เพราะถ้านายบอกไปว่าต้องการสเปคแบบไหน อายุเท่าไร พวกนี้มันหามาให้ได้ทั้งนั้น จำไว้ท่องไว้เลยว่า ไม่ถูกใจ เดี๋ยวไปดูที่อื่นก่อน"
"ไม่ถูกใจ เดี๋ยวไปดูที่อื่นก่อน" ผมทวนบทเรียนที่เพื่อนด้วงมอบให้ซ้ำไปมาตลอดการเดินทาง
รถผ่านแยกที่คุ้นตามาหลายแยก ตรงนี้ไม่ทราบเป็นส่วนไหนของกรุงเทพฯแล้ว จากนี้เพียงหวังพึ่งคุณด้วงและแผนที่ท่องราตรีในมือเขา
"ดูจากแผนที่ ดำรงต้องเลี้ยวที่แยกนี้ ตรงขึ้นไป เข้าซ้ายแล้วกลับรถมาอีกที ถ้าเจออุโมงค์ รอด 2 อุโมงค์ ก็ถึงที่แล้ว"
นายด้วงรายงานหนักแน่นราวเจ้าหน้าที่ จ.ส. 100
3 ทุ่ม 40
สองชั่วโมงเต็ม ๆ กับน้ำมันที่พร่องไปมหาศาล หนึ่งศิษย์ หนึ่งอาจารย์ ยังคลำทางไปโลกียมหาวิทยาลัยไม่พบ
"กลับเหอะ ด้วง หลงจนเหนื่อยแล้วว่ะ" ดำฮาบ่น เกร็งจนปวดหลัง
นายด้วงไม่รอช้า เร่งควักมือถือกดเบอร์โทรถามผู้ชำนาญกว่าทันที
"ยังไงนะ ถึงแยกแล้วยังไงต่อ ต้องเจอป.กุ้งเผาใช่ไหม"
นายด้วงโต้ตอบกับผู้มากประสบการณ์
"เจอ ป.กุ้งเผาแล้ว นั่นไง" ผมรายงานตามที่เห็น
"งั้นก็ต้องเจออุโมงค์"
ข้างหน้าปรากฏอุโมงค์จริง ๆ แสงไฟแดง ๆ ในอุโมงค์ชวนให้อดนึกถึงบรรยากาศภาพวาดนรกในหนังสือไตรภูมิพระร่วงไม่ได้ กี่ชีวิตแล้วที่สัญจรผ่านปากทางสู่สวรรค์อันวังเวงนี้ ?
ความสงสัยผมสิ้นสุดลง เมื่อนายด้วงร้องเสียงดังให้ชิดซ้ายเตรียมเข้าที่จอดรถ ผมส่งแบ็งก์เขียวให้คนเฝ้าลานจอด ซึ่งกำลังยืนจ๋องสองมือกุมเป้าผงกหัวคำนับไม่หยุด
ด้านนอกของอาคารไม่สว่างนัก แลดูเงียบเหงา หากแต่ในตัวอาคารกลับตรงกันข้าม ผู้คนในนั้นราวกับตัดขาดจากโลกภายนอก ที่โซฟาชั้นล่างสาวใหญ่ใจโตในอาภรณ์บาง ๆ กำลังส่งสายตามาที่เรา สองสหายศิษย์อาจารย์เร่งฝีเท้าก้าวสู่ชั้นสองทันที
ภาพละลานตาของบุปผชาติชอกช้ำ ณ.เบื้องหน้า คือสิ่งประจานสำนึกเบื้องต่ำของมนุษย์โดยแท้ หลังบานกระจกที่ไม่อาจมองออกมาเห็นด้านหน้า มวลดรุณีเหล่านี้ไม่ต่างจากสินค้าที่ไม่อาจเลือกเจ้าของ
วัยรุ่นคนหนึ่งกำลังซุบซิบกับชายกึ่งร.ป.ภ.กึ่งพ่อเล้า ซึ่งวอล์กี้ ทอล์กกี้ ในมือเขากำลังส่งเสียงไม่หยุด แล้วสักพักวัยรุ่นคนนั้นก็เดินตามใครอีกคนเข้าไป พร้อมจำนวนที่ลดลงไปหนึ่งในตู้กระจกนั้น
"เฮีย ชอบแบบไหนกันบ้างครับ" นั่นไง มันตรงเข้ามาถามผมกับด้วงแล้ว
"ขอดูก่อน" ด้วงตอบทันควัน ตามที่เตี๊ยมกันมา
เท่าที่สังเกตุ สินค้าที่เหลือล้วนสูงวัยทั้งสิ้น จึงได้จังหวะถีบตัวออกห่างเพื่อจากไป
"มีแต่แก่ ๆ ทั้งนั้นเลย เดี๋ยวขอไปดูที่อื่นก่อนดีกว่า" กระทาชายนายด้วงเดินแผนสองต่อทันที
ไม่รอช้า ยอดนักขายเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นผม
"แล้วเฮียล่ะครับ ชอบแบบไหน เดี๋ยวจัดให้"
เมื่อประถมผมเคยท่องอาขยานยาว ๆ ได้รางวัลชนะเลิศ เมื่อมัธยมเคยชนะเลิศกลอนจอหงวน มีหรือเพียงประโยคสั้น ๆ ที่เตี๊ยมกันมาแล้วหลายต่อหลายรอบจะจำไม่ได้
"เดี๋ยวขอดูที่อื่นก่อน ยังไม่ถูกใจ" ผมพูดด้วยสีหน้าแสร้งรำคาญใจ
4 ทุ่ม 15
แล้วเราก็จากที่นั่นมา ผมถอนใจเฮือกใหญ่ ทันทีที่สตาร์ทรถ
ดวงจันทร์พ้นกลีบเมฆ ฉายแสงสาดส่องสะท้อนกระจกหน้ารถ
ผมสนทนาชวนหัวกับเพื่อนด้วงอย่างเบาใจ อย่างน้อยก็ไม่โดนรบเร้าจนเสียความเป็นชาย และเราก็ทำได้จริงดังที่ตั้งใจไว้ว่าเพียงทัศนศึกษา ผมส่งเพื่อนด้วงลงที่หน้าบ้านเขา แล้วมุ่งหน้ากลับบ้านตนเองทันที
24.00 ตรงเป๊ะ
เขาเรียกกันว่าเช้าวันใหม่แล้ว ว่าแต่ทำไมเช้าวันใหม่ของชาวโลกมันถึงมืดตึ๊ดตื๋ออย่างนี้ฟะ
แม่ยังไม่นอนตอนที่ผมถึงบ้าน พลางใช้สายตาสำรวจตรวจตราราวกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ประโยคแรกที่พูดคือ
"หลังบ้านมีกับข้าว แม่หุงข้าวกล้องที่เอ็งชอบไว้ให้ กินแล้วไปนอนซะ พรุ่งนี้ต้องทำงาน"
จบน้ำเสียงอาทรห่วงใยนั้น แม่ก็ไปเข้านอน
ตี 1 กับ 15 นาที ง่วงเกินบรรยาย
หลังจัดการกับอาหารมื้อดึกต้อนรับวันใหม่ ผมอาบน้ำแปรงฟันและหลับเป็นตายด้วยความเพลีย
8.30 เอ๊ก อี๊ เอ๊ก เอ้ก
แล้วเช้าวันใหม่แบบมีแสงอาทิตย์ก็มาถึง ผมกับแม่พบกันที่ห้องครัว แม่ไม่ใส่ใจถามไถ่ถึงเรื่องเมื่อคืนนี้ จนผมอดแปลกใจไม่ได้
" นี่แม่ไม่คิดจะถามถึงเรื่องเมื่อคืนเลยเหรอเนี่ย ?"
" เออ แม่ว่าจะถามอยู่เหมือนกัน"
ผมสบายใจมากที่จะตอบ เพราะไม่มีความลับอะไรที่จะปิดบังอยู่แล้ว
สีหน้ามารดาแห่งดำฮาดูกังวลขึ้นมาทันที พลางถามว่า
"แกสบายดีหรือเปล่า เมื่อคืนแม่ยืนฟังอยู่หน้าห้อง ได้ยินแกละเมอส่งเสียงไม่หยุดว่า ไม่ถูกใจ เดี๋ยวไปดูที่อื่นก่อน แทบทั้งคืน."
--------------------------------------------------------------------------------
จบแล้วครับ สำหรับเรื่องจริงล้วน ๆ เรื่องนี้
ขอขอบคุณ คุณด้วงน้อย คอยรัก ที่นำทัศนศึกษา
ขอขอบคุณ ผู้อ่านทุกท่าน ที่ทนอ่านอย่างตั้งใจจนจบ
และสุดท้าย วันทากราบ มาตาแห่งดำฮา แม่จ๋า ดำฮารักแม่นะจ๊ะ
ถึงเพื่อน ๆ หากบทความชิ้นนี้จะมีคุณความดีอันใดอยู่บ้าง
ก็ขอมอบแด่ แม่ของคุณ และผู้ที่มีหัวใจแห่งความเป็นแม่ ทุกๆ ท่านด้วยคารวะจิตครับ
© เที่ยวกลางคืน โดย ดำรงเฮฮา เขียนเมื่อ 2 มิ.ย.2549
Last Update : 11 สิงหาคม 2549 21:40:56 น. 28 comments
จากคุณ :
ดำรงเฮฮา
- [
27 ส.ค. 49 02:38:21
]