CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    :+::+: คำเตือน! พรุ่งนี้มนุษย์ต่างดาวจะบุกโลก :+::+:

    >



    ฉันทำใจแต่แรกแล้วว่าพวกผู้ใหญ่อย่างคุณคงไม่เชื่อสิ่งที่เด็กผู้หญิงอายุแปดขวบอย่างฉันพูด

    แต่นี่คือสถานการณ์ฉุกเฉิน เรื่องที่ฉันรู้เห็นมามันยิ่งใหญ่ร้ายกาจเกินกว่าที่จะเก็บมานั่งกลัวคนเดียว (ถึงฉันจะทำอย่างนั้นมาตั้งนานแล้วก็เหอะ)  

    เอาล่ะ...ตั้งใจฟังให้ดีล่ะ

    “พรุ่งนี้มนุษย์ต่างดาวจะบุกโลก”

    ไม่เชื่อเหรอ?

    เชื่อไหมว่าถ้าฉันเอาไปบอกหนูยีเด็กข้างบ้าน หนูยีจะต้องเชื่อฉัน และคงวิ่งโร่ไปสั่นระฆังเตือนภัยเหมือนอย่างในหนัง แน่ะ...ขนาดนี้แล้วยังส่ายหน้าอีก ไม่เชื่อล่ะสิ ไม่เป็นไรผู้ใหญ่ก็เป็นแบบนี้แหละ สมองช้า เข้าใจยากกว่าเด็ก ต้องลงแรงหาคำอธิบายและหลักฐานมายืนยันประกอบจนกว่าจะพอใจเสมอ นั่นล่ะถึงจะเชื่อ

    ขอบอกก่อนนะว่าฉันไม่ได้เหลวไหลกุเรื่องขึ้นมาเอง แต่ที่ฉันมั่นใจขนาดนี้เพราะฉันเห็นมากับตาว่า...

    มนุษย์ต่างดาวเข้ามาอยู่ในบ้านของฉัน


    ...

    เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อประมาณสองปีก่อน เริ่มจากเหตุการณ์ปกติธรรมดาที่ไม่ว่าใครก็คิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ฉันว่าคุณน่าจะเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้บ้างล่ะ

    อยู่ ๆ คลิปหนีบกระดาษ หรือปากกาที่วางไว้บนโต๊ะทำงานก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย โทรศัพท์มือถือที่มั่นใจว่าเก็บไว้ในกระเป๋าอย่างดีแล้วกลับหายไป จนเมื่อผ่านไปสองวันแล้วจึงพบว่ามันอยู่บนชั้นวางของ

    ...เหมือนกับมีมือที่มองไม่เห็น ‘ทำ’ เรื่องทั้งหมดนี้

    จากของเล็กน้อยเริ่มกลายเป็นของใหญ่และสำคัญซับซ้อนมากขึ้น จากปากกาเป็นรถบังคับวิทยุ นาฬิกาข้อมือ สร้อยเพชร โทรศัพท์มือถือ ไปจนกระทั่งคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค ของสองอย่างหลังนี้ไม่หาย แต่ไปพบภายหลังว่าวางอยู่ผิดจากที่เดิม และเมื่อเปิดใช้งานก็พบว่าข้อมูลหายไปหมดเกลี้ยง

    ยิ่งนานวันเหตุการณ์ประหลาดทำนองนี้ยิ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งเข้า จนในที่สุดได้กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปหากตื่นเช้าขึ้นมาแล้วมีของใช้ในบ้านเคลื่อนย้ายผิดที่ผิดทาง  

    ความแปลกใจสงสัยกลายเป็นความขุ่นเคือง หงุดหงิด

    ...แน่ล่ะ เป็นคุณจะทนได้ไหมถ้าต้องอยู่ในบ้านที่กลายสภาพเป็นเหมือนสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ไม่ว่าจะวางสิ่งใดทิ้งไว้เป็นต้องหายสาบสูญหมด ทุกคนเริ่มกล่าวโทษกันเอง กระทั่งคิดว่าอาจมีขโมยดอดเข้ามา ถึงกับเรียกตำรวจมาที่บ้านจนเรื่องราวขยายไปใหญ่โต  

    ลงท้ายก็จับตัว ‘คนร้าย’ ไม่ได้ เพราะไม่มีหลักฐาน ทั้งไม่มีพยานรู้เห็น

    หลังจากนั้นเมื่อเกิดเรื่องทำนองนี้ขึ้นมาอีก ทุกคนก็เริ่มคิดว่าตนคงหลงลืมไปเองและไม่สนใจมันอีก  

    มีแต่ฉันคนเดียวที่รู้ความจริง

    แต่บอกไปก็ไม่มีใครเชื่อ

    วันหนึ่งฉันอยู่ในห้องหนังสือเพียงลำพังตลอดช่วงเช้า ก่อนที่จะออกไปเข้าห้องน้ำ พอเปิดประตูกลับเข้ามา หนังสือที่เคยวางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบบนชั้นเมื่อไม่ถึงห้านาทีที่แล้วกลับกระจัดกระจายเกลื่อนทั่วห้อง

    ฉันตะลึงแข็งด้วยความตกใจสุดขีด ไม่ใช่เพียงเพราะสภาพเละเทะของห้อง แต่วินาทีนั้น...

    ฉันเห็นตัว ‘คนร้าย’ อย่างชัดเจน  

    รูปร่างของพวกเขาเหมือน ๆ กับคนเรานี่เอง แต่เล็กเตี้ยเพียงหนึ่งฟุต ลักษณะหน้าตาดูไม่เหมือนใบหน้าของมนุษย์เท่าไรนัก ส่วนศีรษะนั้นโตใหญ่กลมเกลี้ยงปราศจากเส้นผม ดวงตากลมที่มีแต่ตาดำอย่างเดียวกินพื้นที่เกือบสองในสามของใบหน้า

    ที่สำคัญมนุษย์ประหลาดที่ว่ายังมีตั้งสองคน

    ทีแรกฉันนึกว่าตาฝาดไป แต่พอขยี้ตาแล้วเขม้นมองดูใหม่ ภาพมนุษย์ประหลาดก็ยังปรากฏอยู่ตรงหน้า แถมพวกมันยังกำลังเปิดดูหนังสือสารานุกรมเล่มหนาของฉันอย่างสนุกมือเชียว

    ไม่สิ... หนังสือเหมือนกับกำลังลอยอยู่กลางอากาศและพลิกเปลี่ยนหน้าด้วยตัวเองในอัตราเร็วที่สายตามองตามแทบไม่ทัน และดวงตาดำลึกล้ำของพวกเขาก็ยิ่งเปล่งประกายราวกับกำลังซึมซับเนื้อหาของหนังสือทั้งเล่มนั้นสู่สมอง

    เหมือนเครื่องถ่ายเอกสารเลย

    แวบหนึ่งฉันคิดอย่างนั้น วินาทีถัดมาดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกถึงการมาของฉัน ท่าทางพวกมันตกใจมาก เพียงชั่วพริบตาเดียวก็วิ่งปราดหายตัวไปอย่างรวดเร็ว  

    ฉันพยายามมองหาผู้บุกรุกผู้แปลกประหลาดดูทั่วห้องแต่ก็พบเพียงกองหนังสือที่กระจายเกลื่อนและฝุ่นอีกหลายกอง ไม่มีร่องรอยของผู้บุกรุกผู้แปลกประหลาดนั้นเลย  

    และแน่นอน...คุณไม่ต้องเดาหรอก เมื่อเด็กหกขวบอย่างฉัน (ในตอนนั้น) เอาเรื่องนี้ไปบอกทุกคน ปฏิกิริยาที่ได้กลับมาก็มีเพียงอาการส่ายหน้าและสายตาดูแคลนว่าเป็นเรื่องเพ้อฝันเหลวไหล ซ้ำร้ายยังถูกเอ็ดเอาเสียงเขียวว่าทำห้องหนังสือรก

    ...ผู้ใหญ่ก็เป็นซะอย่างนี้ สิ่งใดที่หลุดจากปากหากผิดเพี้ยนจากข้อเท็จจริงแม้เพียงนิดก็จะถูกพิพากษาทันทีว่าเชื่อไม่ได้ ทั้งที่ยัดเยียดโลกแห่งความฟุ้งฝันให้กับเด็กอย่างเราโดยหลงลืมไปว่าเราก็ยืนอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงเช่นเดียวกับผู้ใหญ่อย่างพวกคุณ

    ฉันพยายามสืบหาร่องรอยของอมนุษย์ตัวจิ๋วอย่างลับ ๆ ตั้งแต่นั้นมา แม้จะเป็นเพียงเสี้ยววินาทีสั้น ๆ ถึงอย่างนั้นภาพของผู้บุกรุกก็ยังติดตาฉันไม่มีเลือน ฉันตั้งใจว่าจะจับตัวพวกเขามาให้ได้ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่พบแม้แต่เงา  

    หลังจากตามหามาสามวันฉันเกือบจะถอดใจเลิกสืบแล้ว

    ....ถ้ามนุษย์ต่างดาวไม่เป็นฝ่ายปรากฏตัวออกมาเสียก่อน



    ...

    แก้ไขเมื่อ 27 ส.ค. 49 15:22:52

    จากคุณ : แมวใบตอง - [ 27 ส.ค. 49 15:22:15 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com