ตอนเด็ก ๆ ห้องน้ำที่บ้านเรามีแค่ห้องเดียวอยู่ชั้นล่าง ดังนั้น เกือบทุกเช้า ผมกับน้องในไส้เป็นต้องได้ยื้อแย่งแข่งกันวิ่งเข้าห้องน้ำ กติกาก็คือ ใครไวกว่าเป็นฝ่ายได้ปล่อย คนที่ช้าก็รู้หน้าที่ว่าตัวเองต้อง "อั้น" และ อั้นให้อยู่ ! ใครจะรู้ว่าหลายปีต่อมา ผมกลับได้ข้อคิดหน้าห้องน้ำไว้ใช้ในการดำเนินชีวิต
ตอนนี้ น้องชายแต่งงานมีครอบครัวแล้ว ก็เลยแยกไปอยู่เอง บ่อยครั้งที่ผมมักจะแวะเวียนไปเยี่ยมเยียนหลานสาว เย็นนี้ก็เช่นกัน...
ขณะนั้นเนเน่กำลังถูกจับเปลี่ยนผ้าอ้อม ขอให้นึกถึงของเหลวแหยะ ๆ ย้อย ๆ สีเหลืองเข้ม อันเป็นผลิตผลขั้นสุดท้ายจากลำไส้ใหญ่แฟคตอรี่ของเด็กหญิงตัวน้อย ๆ ซึ่งกำลังทำหน้าที่กระจายคลื่นความหึ่งในระดับและปริมาณที่เข้มข้น มีหรือที่คนเป็นลุงจะไม่เข้าใจ เด็กก็คือเด็ก นี่ยังไม่ใช่เวลาที่ทารกจะรับรู้ความหมายของคำว่า "อั้น" นี่นา
ก่อนกลับ น้องสะใภ้บอกมีแกงกะหรี่ แถมชวนให้อยู่ร่วมมื้อเย็นก่อน เจ้ากรรมเอ๋ย ! ภาพจำลองแกงกะหรี่เมื่อตะกี๊ยังติดตาอยู่เลย แต่เอาเหอะ ยังไงมันก็แกงคนละสูตร แม่ค้าคนละเจ้าล่ะน่า...
ยังไม่ทันอิ่ม น้องชายก็เอาเรื่องอัปมงคลมาเล่าให้ฟังว่าผมกำลังจะมีคู่แข่งทางการค้ารายใหม่ ซึ่งมันช่วยทำให้อาหารสูญเสียรสชาดได้ดียิ่ง ผมและน้องถกเครียด เราทั้งคู่ต่างไม่สบายใจกับเรื่องนี้ ระหว่างการหารือ จู่ ๆ ภาพหนูน้อยเนเน่เทกระจาดเหลืองอ๋อยก็ลอยล่องฟ่องฟูเข้ามา ตามด้วยภาพตัวผมในวัยเด็กซึ่งกำลังยืนอั้นรอ ตัวงออยู่หน้าห้องน้ำ
ใช่แล้ว !
ก็เราคือผู้ค้นพบทฤษฎี อั้นไว้ ไม่ใช่เหรอ? ในคราวที่จำเป็นใช้ เรากลับลืมเลือนเคล็บวิชาเหล่านั้นไปเสียฉิบ..
ความเครียด ความวิตกกังวล ไม่ได้ต่างอะไรกับอึในท้องเราเลย ถ้าเราไม่อาจคุมมันไว้ได้ ย่อมหมายถึง อั้นไม่ไหวและเบรคไม่อยู่ ถ้าเพียงว่าเราสงบสติอารมณ์สักนิด คิดคำนวณด้วยเหตุผลสักหน่อย อาจจะพบทางแก้ และทุกอย่างน่าจะค่อย ๆ ดีขึ้นได้ เหนือสิ่งอื่นใด หากเราเรียนรู้ที่จะรอคอย
เมื่อใดที่ประตูห้องน้ำเปิดออก เมื่อนั้นก็จะเป็นนาทีทองของเรา !
-------------------------------------------------
จากคุณ :
ดำรงเฮฮา
- [
28 ส.ค. 49 14:37:58
]