ถนนสายเก่าดูเศร้าสร้อย
ฝนระย้าพร่าพร้อยนับร้อยสาย
ทรุดตัวนั่งริมถนน-คนว่างวาย
เฝ้ามองพรายฝนพร่างจนร่างชา
ฝนคมบาดผิวกายในคืนค่ำ
กรีดนิ้วปาดหยาดน้ำตามใบหน้า
เดินไล่นับดวงไฟไปช้าช้า
เรือนผมลู่ไหล่ล้าผ้าเปียกปอน
คืนนี้มหานครคงนอนหลับ
มีอัจกลับเป็นเพื่อนเหมือนคราวก่อน
ม่านขาวคลี่สลัวเท่านาคร
ลมพัดไหวใบไม้ว่อนสะท้อนไฟ
มวลพฤกษาเริงร่ายกลางสายฝน
ที่รินหล่นราวมุกสุกไสว
กิ่งส่ายไหวระริกพลิกดอกใบ
เปิดใจจุมพิตมิตรวาวงาม
ฉันยังคงเดินตามเงาของเสาไฟ
มือลูบไล้ใบไม้แม้กายหนาว
ดอกไม้ไกวกลีบแย้มแฉล้มพราว
เดินดอมดมดอกขาวหอมรวยริน
เราเป็นเพื่อนกันใช่ไหมดอกไม้จ๋า
เพราะกำเนิดร่วมมารดากันทั้งสิ้น
ไม่มีใครใหญ่กว่าใครในธรณินทร์
ด้วยเราล้วนคืนสู่ดินสูญวิญญาณ
ทรุดกายลงนั่งฟังต้นไม้
ทุกเรียวใบส่องประกายฉายฉาน
ใบไม้เอ๋ยโปรดเอ่ยปรีชาญาณ
ให้ลึกซึ้งถึงนิรันดร์สู่กันฟัง
เอนกายฟังเม็ดฝนสนทนา
แล้วลุล่วงสู่นิทราทั้งความหลัง
ฝนยังคงถั่งโถมโหมประดัง
ดอกไม้พร่างลงคลุมร่างอย่างอ่อนโยน
แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 49 02:12:36
แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 49 02:10:53
จากคุณ :
Kala_mydog
- [
29 ส.ค. 49 09:24:38
]