เพียงแค่ฉันตื่นขึ้นมาในเวลาเช้า ฉันก็จะสามารถสูดอากาศสดชื่นได้เต็มปอด
ฉันชอบบรรยากาศยามเช้าที่สุด หากเป็นวันหยุดแล้วล่ะก็ ฉันจะตื่นขึ้นมาแค่เพียงนั่งเล่นอยู่ตรงระเบียงบ้าน เหม่อมองท้องฟ้ายามอุษาซึ่งดูงดงามตามธรรมชาติ ไร้สิ่งใดมาแต่งแต้มนอกจากแสงแดดจางๆ สายลมเย็นพัดอย่างแผ่วเบาวนเวียนอยู่รอบกาย คนที่ตื่นเช้าถึงจะได้สัมผัสกับสิ่งเหล่านี้ ฉันคิดเช่นนั้น
ยามเช้า ทำให้ฉันสามารถมีเวลาย้อนความทรงจำที่ผ่านพ้นมาหลากหลายเรื่องราว แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ยังคงอยู่ในใจฉันตลอดมา
เช้าวันหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน ฉันออกมาเดินเล่นหน้าบ้านเช่นทุกครั้ง ขณะที่ฉันกำลังเดินลงมาจากบันไดและก้าวเท้าไปยังประตูรั้ว ฉันก็เห็นกล่องกระดาษไม่ใหญ่นักวางอยู่ข้างๆเสา ฉันเดินออกไปเพื่อสำรวจกล่องใบนั้น และแล้ว ฉันก็พบว่าลูกหมาสีขาวตัวหนึ่งนอนอยู่ภายใน มีเพียงเศษผ้าที่แสนบางคลุมไว้ ฉันนึกสงสัยในเวลานั้นว่ามันจะยังมีชีวิตอยู่รึไม่
แม่คะ ฉันส่งเสียงดังเข้าไปในบ้าน แม่มาดูนี่สิคะ
ไม่นานนัก แม่ของฉันก็มาหยุดอยู่ข้างๆ เมื่อฟังฉันเล่าท่านก็นิ่งไปพักหนึ่ง
มันหายใจอยู่รึเปล่าคะแม่ ฉันถามอย่างมีความหวัง ขณะที่แม่ก้มลงดูและสำรวจดูมันอย่างละเอียด ฉันดีใจเมื่อแม่บอกว่ามันยังไม่ตาย
ใครเอามันมาทิ้งไว้แบบนี้ก็ไม่รู้ แม่พึมพำ ฉันค่อยๆอุ้มมันขึ้นมา เราเลี้ยงมันได้ไหมคะ
แม่ไม่ตอบ
ฉันถอนหายใจ อดสงสารลูกหมาตัวนี้ไม่ได้ ดูเหมือนว่าแม่ก็คิดเช่นเดียวกับฉัน ดังนั้น พอฉันละสายตาจากลูกหมาได้แล้ว ท่านก็พูดขึ้นว่า เลี้ยงมันสักตัวคงไม่เป็นไร เอามันเข้าไปก่อนเถอะ
ตั้งแต่นั้น บ้านของฉันจึงมีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นอีก เราตั้งชื่อมันว่าบุญมา แม่บอกว่าเป็นเพราะบุญกรรมมันถึงถูกทิ้งที่หน้าบ้านของเรา ในบ้านดูเหมือนจะคึกคักมากกว่าเก่าเมื่อบุญมาเริ่มโตขึ้น
เมื่อตอนมันอายุได้สามเดือน รองเท้าของคนในบ้านล้วนมีน้ำลายของบุญมาติดอยู่ทุกคู่ ฉันเคยได้ยินแต่เก็บของมีคมให้พ้นมือเด็ก แต่นี่ต้องเรียกว่าเก็บรองเท้าให้พ้นปากหมา พี่สาวของฉันถึงแม้ต้องคอยแย่งรองเท้าจากบุญมาก็ยังอดหัวเราะไม่ได้ ไม่มีใครรำคาญเพราะมันดูเป็นตัวยุ่งที่น่ารักน่าเอ็นดู
อีกสองเดือนต่อมา น้องชายของฉันก็เริ่มสอนให้มันเล่นโยนลูกบอล เขาจะโยนลูกเทนนิสออกไป บุญมาจะรีบวิ่งไปคาบทันทีและวิ่งกลับมา แต่มันไม่ได้เอากลับมาให้น้องของฉันหรอกนะ ต้องให้เขาวิ่งแย่งมันกลับ จนเมื่อน้องฉันเหนื่อยนั่นแหละ มันถึงจะค่อยๆเดินเข้ามาหาเอง
ตัวฉันก็มีหน้าที่เล่นกับมันและก็อาบน้ำเป็นบางครั้ง เมื่อหนึ่งปีผ่านไป บุญมาก็เป็นหมาตัวเมียที่น่ารักมาก ตัวของมันสีขาวล้วน ส่วนจมูกแฉะๆของมันก็เป็นสีออกน้ำตาลแดง เราทุกคนในบ้านต่างก็มีความเห็นเหมือนกันว่าตัดสินใจไม่ผิดที่เลี้ยงมันไว้
แม่จัดงานเลี้ยงฉลองครบหนึ่งขวบให้บุญมา มันได้กินเนื้อย่างมากมาย เราทุกคนในบ้านรวมทั้งบุญมาสวมหมวกทรงกรวย แม้ทุกสองนาทีมันจะเอาอุ้งตีนหน้าเขี่ยออกและฉันก็ใส่กลับไปใหม่ ในทุกๆปีเมื่อถึงวันครบรอบที่เรารับเลี้ยงเจ้าบุญมา เราก็จะฉลองกันแบบนี้อีก ไม่มีใครอยากนึกถึงเวลาที่บุญมาจะจากไป อาจเป็นเพราะเราทุกคนรักมันมากก็ได้
ครั้งหนึ่ง บุญมาเกิดท้อง พ่อพันธุ์ไม่ใช่ใครที่ไหน มันเป็นหมาข้างบ้านของฉันเอง ลูกของบุญมามีเพียงตัวเดียว ฉันแปลกใจมาก เพราะส่วนใหญ่ฉันแทบจะไม่เห็นหมาที่มีลูกตัวเดียว แต่น่าเสียดายที่แม่ยกลูกหมาตัวน้อยนั้นให้คนอื่นไป
เลี้ยงบุญมาตัวเดียวก็พอแล้ว แม่พูด
เราก็เลยเลี้ยงแต่เจ้าบุญมา ไม่ปรากฏว่ามันท้องอีกเลย
บุญมาเป็นหมาที่ซื่อสัตย์ มันเชื่อฟังทุกคำสั่งของคนในบ้าน และมันก็ไม่เคยกัดเจ้าของเหมือนหมาที่บ้านฉันเลี้ยงไว้ในปัจจุบัน
สองวันก่อนที่จะเกิดเรื่องเศร้าใจขึ้น พวกเราถ่ายรูปบุญมาในขณะที่น้องชายของฉันจะได้ไปโรงเรียนประถมเป็นครั้งแรก ฉัน พี่สาวและน้องชายก้มลงกอดเจ้าบุญมาและยิ้มกว้างให้กับกล้องถ่ายรูป แม่ถ่ายรูปไว้หลายใบ และเมื่อถึงเวลา เราก็เอาเจ้าบุญมาไปโรงเรียนด้วยเพื่อส่งน้องชาย วันนั้นฉันจำได้ว่าน้องร้องไห้งอแงไม่อยากจะเรียน นึกแล้วยังขำ เพราะตอนนั้นน้องติดแม่ยิ่งกว่าตังเม คืนวันนั้นเมื่อฉันกำลังจะเข้านอนตามปกติ บุญมามันก็เดินตามมาส่งฉันในห้อง แล้วฉันก็ดันมันออกไปพร้อมกับบอกว่า
เอาไว้พรุ่งนี้จะอาบน้ำให้ แล้วค่อยมานอนด้วยกันนะ
ทว่า...วันนั้นกลับเป็นวันสุดท้ายที่ฉันได้คุยกับมัน
วันสุดท้ายที่บุญมาอยู่กับเรา ตอนนั้นมันอายุได้ห้าปี ฉันรู้ว่ามันยังไม่แก่ แต่ทว่าไม่มีใครสามารถล่วงรู้ว่าใครจะจากไปเมื่อใด เช่นเดียวกับบุญมา ฉันเป็นคนที่สองที่รู้ว่ามันจากไปแล้ว ฉันเข้าไปสมทบกับแม่ที่ยืนอยู่ก่อน ฉันร้องไห้เงียบๆเมื่อคิดว่า ต่อไปนี้
ทุกเช้า ฉันจะไม่ได้ยินเสียงเห่าปลุกที่คุ้นเคยอีกแล้ว
ทุกเช้า ฉันจะไม่มีโอกาสลูบหัวมันอีกแล้ว
ทุกเช้า ฉันจะไม่มีโอกาสพามันไปเดินเล่นอีกแล้ว
และฉันจะไม่เห็นหมาตัวสีขาวที่ทำให้บ้านดูรื่นเริงอีกต่อไปแล้ว
ในตอนเช้าวันนั้น เราฝังศพของมันไว้ใต้ต้นพิกุลหน้าบ้าน ใกล้ๆกับที่มันมา ฉันเจ็บใจที่ไม่มีโอกาสล่ำลากับมันก่อนสิ้นใจ หรือแม้แต่ใส่ปลอกคอที่ฉันซื้อไว้ให้มันในวันใกล้ครบรอบอายุหกปี ฉันจึงบรรจงใส่ปลอกคอให้มันเมื่อเราจะกลบดิน ทั้งวันฉันจึงได้แต่ร้องไห้ให้มัน กว่าฉันจะทำใจได้ ก็เกือบสองสัปดาห์
ทุกวันนี้ ฉันนึกถึงมันบ้างเป็นครั้งคราว อาจเป็นเพราะงานหลายๆอย่างที่ประดังเข้ามาเมื่อฉันโตขึ้นแย่งความสนใจไปหมด เมื่อมีเวลาฉันจึงนึกถึงมัน แม้ปัจจุบันฉันจะเลี้ยงหมาตัวใหม่แล้ว แต่ฉันก็ยังไม่เคยลืมหมาตัวแรกที่ฉันผูกพันมันมากกว่าหมาตัวใด รูปถ่ายในตอนนั้นเป็นของที่ระลึกต่อบุญมาเพียงอย่างเดียว เมื่อฉันคิดถึงมัน ฉันก็ทำได้เพียงหยิบรูปของมันออกมาดู
วันนี้ก็เช่นเดียวกัน ฉันกำลังมองดูภาพความทรงจำเก่าๆนั้นอยู่ แต่อีกประเดี๋ยวฉันต้องไปโรงเรียนแล้ว ฉันรีบสอดรูปกลับเข้าไปในอัลบั้ม เมื่อได้ยินเสียงน้องตะโกนมา
เฮ้ย รถมาแล้ว เร็วเข้า
ฉันจึงรีบเช็ดหน้าแล้วเดินออกไป
****************
หนูเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งที่รักการอ่านมากค่ะ จึงลองเขียนเรื่องสั้นมาลงดู มันสั้นจริงๆค่ะ แต่หนูอยากให้ช่วยกันวิจารณ์ว่า ถ้าคะแนนเต็ม 20 หนูควรจะได้เท่าไหร่ ขอบคุณล่วงหน้าด้วยนะคะ
จากคุณ :
รวาธิน
- [
29 ส.ค. 49 21:48:38
]