CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    [เรื่องสั้นตอนเดียวจบ] -+--<The Lips><คดีที่ริมฝีปาก>--+-

    คดีที่ริมฝีปาก
    กรกฎ ติโลกวิชัย (รตกร) เขียน
     

     ‘HELP ME’
    SMS  สั้นๆ ส่งมาถึง กบ  ซึ่งเป็นเวลาตีสองของวันอาทิตย์  กบมิได้วางโทรศัพท์พกพาของตนไว้ใกล้หัวนอน  หล่อนจึงรับรู้ข้อความจากเพื่อนหลังจากตื่นนอนนั่นก็คือช่วงเวลาเที่ยงของวันหยุดอันแสนวิเศษ
    “ยัยมิณตราส่งมา  จะอำฉันมั้ง”  สาวเจ้าของชื่อกบเอ่ย  “ร้อยวันพันปีไม่เห็นเคยส่งมา  ไม่ก็ส่งผิด!”
    เพราะเหตุใดเธอจึงคิดเช่นนั้น  คำตอบมีอยู่ง่ายดาย  คือ  ใครๆ มักเมมชื่อ  กบ  ไว้ในมือถือ  ยิ่งถ้าเป็นระบบภาษาไทย  ชื่อของเธอมักจะปรากฏในลำดับแรกสุดอยู่บ่อยครั้ง  เวลาใครมีปัญหาอะไรก็มักจะส่งข้อความหรือโทรสายด่วนมหาเธอเพราะสะดวกต่อการค้นหาชื่อ  เธอเคยรู้สึกในใจมาไม่ต่ำกว่าสิบหนว่า  ทำไมทีเรื่องดีๆ ไม่นึกบ้าง  มีแต่เรื่องน่าปวดหัวทุกที
    แล้ววันอาทิตย์อันแสนวิเศษของหญิงสาวก็ผ่านไป โดยไม่รู้ว่า ‘คนที่ขอความช่วยเหลือ’ จะมีชะตากรรมเช่นไร

    “หายไป!”  วันรุ่งขึ้น  กบอุทานเสียงดังบริเวณหน้าตึกคณะที่มหาวิทยาลัย
    “ใช่ … แม่ของยัยมิณโทรมา” เพื่อนในสาขาวิชาเดียวกันคนหนึ่งเล่า “แม่ของมิณบอกว่า  มิณไปถ่ายแบบให้นิตยสารวัยรุ่นซึ่งไปถ่ายทำแถวสมุทรสงคราม”
    แม้มิณตราจะยังเป็นนิสิตในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง  แต่เธอก็มีชื่อเสียงพอควรในฐานะดาราหน้าใหม่แห่งวงการ  เธอเป็นผู้หญิงที่สวย น่ารัก เคยถ่ายแบบให้นิตยสารนับไม่ถ้วน  และเคยเล่นละครประมาณสามเรื่อง  กบไม่ได้คลั่งไคล้เธอแบบที่เพื่อนนิสิตคนอื่นๆ (โดยเฉพาะพวกผู้ชาย) เป็นกัน  เนื่องจากเธอเข้าใจลึกซึ้งดีว่า  สนิทของมิณตราเป็นอย่างไร
    บ้าผู้ชาย ... เปลี่ยนคู่ควงไม่ซ้ำหน้า ... คบคนที่ภายนอก ... เสแสร้ง ... มารยา ... ข้างนอกสดใสข้างในเป็นโพรง
    “คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง  อย่าคิดมากกันไปเลย” เพื่อนอีกคนแย้ง “มือถือยัยมิณอาจจะแบตหมด อาจจะมีการถ่ายเกินเวลาไปวันสองวัน เดี๋ยวก็กลับมาเองแหละ ยัยนั่นไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอก”

    สามวันต่อมา  มิณตรายังคงหายตัวไปอย่างไร้ร่องร่อย  เรื่องราวไปถึงตำรวจแล้ว
    “ฉันว่า ต้องเกิดอะไรกับยัยมิณแน่ๆ” แพรวา เพื่อนร่วมสาขาวิชาโวยวาย “ที่บ้านเขาไม่มีใครรับรู้เรื่องการไปถ่ายแบบครั้งนี้เลยเหรอ”
    “เผลอๆ ยัยมิณอาจจะไปนัดเดทกะหนุ่มหล่อที่แชทกันในอินเตอร์เน็ตก็ได้” ชมดาวเสริม “ยัยมิณทำแบบนี้บ่อยจะตายไป”
    “พวกเรามาตั้งแก๊งค์สามสาวยอดนักสืบกัน  ตกลงไหม  ชม  กบ”  แพรเอ่ยชวนโดยที่เพื่อนทั้งสองไม่ทันตั้งตัว
    “สืบทั้งที่ไม่มีข้อมูลอะไรเลยเนี่ยนะ”  กบแย้งและไม่คิดว่าเพื่อนของหล่อนจะทำได้  แต่แล้วแพรก็ตอบอย่างมั่นใจ  “ข้อมูลความรู้น่ะ มันอยู่รอบๆ ตัวเราทั้งนั้นแหละ ถ้าเราให้ความสำคัญกับมัน สิ่งที่เราปล่อยให้มันผ่านเลยไป อาจกลายเป็นข้อมูลความรู้อันสำคัญซึ่งนำไปสู่การไขปริศนาครั้งนี้ก็เป็นได้ ข้อมูลความรู้บางอย่างอาจไม่เห็นได้ด้วยตา แต่มันขึ้นอยู่กับการคิดของเราต่างหาก”
    “ใช่ ... การสร้างและการแสวงหาความรู้ ทำได้หลายแบบ เราเองก็สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง โดยการสังเกต ลองผิดลองถูก ทดลองทำซ้ำ จนกลายเป็นประสบการณ์และความรู้ของตนเอง เชอร์ล็อกโฮล์มส์ไม่ได้เป็นยอดนักสืบอมตะภายในวันเดียวหรอก แม้แต่การไปท่องเที่ยว หรือ อ่านนิยาย เราก็สามารถเข้าถึงความรู้ได้ ถ้าเราตั้งใจ”
    “แล้วเราจะเริ่มที่ไหนดี ...” ชมสงสัย
    “ยัยมิณโทรมาหาฉันช่วงบ่ายๆ วันเสาร์นะ เห็นบอกว่าอยู๋โฮมสเตย์แถวอัมพวา สมุทรสงคราม” แพรกล่าว
    “แล้วเธอบอกเรื่องนี้กับตำรวจไปหรือยัง” กบท้วง
    “เรื่องอะไร ...” บอกตำรวจพวกเราก็อดสืบน่ะสิ “ฉันตั้งใจจะไม่บอกอยู่แล้ว เพราะฉันคิดว่าฉันต้องมีวันนี้ วันที่ฉัน แพรวา จะได้เป็นสาวน้อยนักสืบชื่อดังของประเทศไทย”
    “แกนี่ท่าจะบ้า” ชมดาวว่าอย่างไม่ใส่ใจ
    “เสาร์นี้ไปแกะรอยหามิณตรา เราไปโฮมสเตย์ที่อัมพวากัน”  แพรกล่าว  ทั้งที่ในใจคิดว่า “ฉันอยากเห็นหน้าชายหนุ่มที่เธอยอมหายไปกกเป็นสัปดาห์แล้ว ยัยมิณ”

    เช้าวันเสาร์  
    โฮมสเตย์ อัมพวา สมุทรสงคราม
    “การตั้งคำถามจากสิ่งที่เราพบเห็นจะทำให้เราพยายามแสวงหาคำตอบของสิ่งเหล่านั้น  และทำให้เกิดเป็นความรู้อึ่นมา” แพรผู้มีความกระตือรือร้นสูงบอกกับเพื่อนอีกสองคน ก่อนยังคำถามใส่ลุงเจ้าของบ้าน
    “เธอดูมะพร้าวประดิษฐ์พวกนี้สิ” กบทักเมื่อเห็นสิ่งประดิษฐ์จากลูกมะพร้าว “เขาทำเป็นรูปอะไรเนี่ย ฉันดูไม่ออก”
    “อยากรู้ก็ถามลุงเขาสิ”  แพรแขวะ “ถ้าไม่รู้จักถามคงจะรู้หรอก ทางและความรู้อยู่ที่ปาก ไม่เคยได้ยินเหรอ”
    “ถูกต้อง!” ชมเสริม “ฉันมีเพื่อนคนหนึ่ง เป็นนักเขียนนิยายสืบสวน เขาเคยต้องไปธุระแถวๆ รามอินทราซึ่งในชีวิตเขาเขาไม่เคยไปแถวนั้นเลย เขาก็ถามคนนั้นถามคนนี้ ในที่สุดเขาก็ไปถึงที่หมายได้ แถมต่อจากนี้ถ้าเขาจะไปธุระแถวนั้น เขาก็มีความรู้เกี่ยวกับเส้นทางแถวนั้นแล้ว”
    “นี่แหละ ... ประโยชน์ของการสร้างและแสวงหาความรู้” แพรกล่าว “ยิ่งโดยเฉพาะความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นนะ มันคือความรู้ที่คนในชุมชนนั้นสร้างขึ้นเพื่อการดำรงชีพและการอยู่ร่วมกันในสังคมที่สั่งสมมายาวนาน”
    “การแสวงหาความรู้ ไม่จำเป็นต้องทำได้เฉพาะในห้องเรียนหรอก การเข้าไปสังเกตเหตุการณ์ มีส่วนรวมของคนในสังคม ก็เป็นการแสวงหาความรู้อย่างหนึ่ง และยิ่งถ้าเราสามารถนำความรู้ที่เราได้รับมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ก็ถือว่าเราประสบความสำเร็จจากการแสวงหาความรู้”

    “เฮ้อ ...”  คุณลุงซึ่งนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ถอนหายใจ
    “มีอะไรเหรอค่ะ ลุง” แพรวาแสวงหาความรู้โดยการซักถาม
    “คดีฆ่าข่มขืนรายวัน”  คนเป็นลุงตอบ “หลานๆ รู้ไหม  ในแต่ละวันๆ มีผู้หญิงโดนข่มขืนเยอะอยู่นะ แต่มีคนกล้าแจ้งความแค่ไม่กี่คนหรอก ... แม้ว่าในปัจจุบัน ผู้หญิงจะได้รับสิทธิเทียบเท่าผู้ชายแล้วก็ตาม  แต่ในทางปฏิบัติ  ผู้หญิงก็ถูกเอารัดเอาเปรียบทางเพศเสมอ  เพราะสังคมเรายังยึดติดกับคำว่า สาวพรหมจรรย์  ผู้หญิงต้องเก็บความบริสุทธิ์ไว้ให้ชายที่รัก  ในขณะที่ผู้ชายเองก็ต้องการได้ภรรยาที่ยังบริสุทธิ์  แต่ตัวเองก็เที่ยวไปนอนกับผู้หญิงคนนั้นคนนี้  เพราะค่านิยมที่ว่า  การมีเพศสัมพันธ์ผู้ชายไม่ได้เป็นฝ่ายเสียหาย  ผู้หญิงต่างหากที่เป็นฝ่ายเสียหาย  เฮ้อ ... หลานๆ ก็ระวังตัวแล้วกัน”
    “ค่ะ” ชมตอบ ก่อนหันไปมองหน้าเพื่อนอีกสองคน แล้วพูดขึ้นว่า  “หรือว่ามิณจะโดน ...”
    “เธอนี่ ... พูดบ้าๆ”
    “ก็ไม่แน่หรอก”
    “ยัยชม หยุดพูด!”  แพรวาตวาด

    “หลานๆ ลองดูสิ”  คุณลุงว่าต่อ  “ดูหนังสือแฟชั่นสมัยนี้สิ  สร้างค่านิยมผิด  เห็นไหม  นางแบบต้องสวยๆ  ขาวๆ  ถ่ายภาพโป๊ๆ เปลือยๆ นุ่งน้อยห่มน้อย  ลุงเห็นเราอยากจะด่า  ที่สังคมเลวร้ายพวกนี้นั่นแหละที่มีส่วน  เป็นการนำแฟชั่นไง  พอเด็กวัยรุ่นเห็นก็ประพฤติตาม  คนสมัยโบราณไม่มีเสื้อผ้าดีๆ  เขาก็พยายามจะปิด  แต่คนสมัยนี้ไม่รู้เป็นอะไร  มีเสื้อผ้าดีๆ ใส่แต่อยากจะเปิด  อยากจะโชว์  ถ้าใส่แบบนุ่งน้อยห่มน้อย  ทำไมไม่แก้ผ้าไปเบยนะ ให้มันรู้แล้วรู้รอดไป”  
    สาวเจ้าทั้งสามคนสะดุ้ง  แพรนึกสงสัยในคำพูดของคุณลุงทันที
    “ถ้าอย่างนั้น พวกหนูขอไปเดินเล่นตรงอื่นก่อนนคะ” ชมรีบเอ่ย
    แล้วทั้งสามสาวก็เดินไปยังส่วนอื่น

    “คุณลุงเขาพูดแปลกๆ เนอะ ทำไมอยู่ๆ มาพูดเรื่องแต่ตัว พูดว่าแก้ผ้าด้วย” ชมกล่าว
    “หรือว่าเธอแอบสงสัยคุณลุง” กบทัก “เรายังไม่รู้เลยนะว่า ตกลงมิณเป็นตายร้ายดียังไง อย่าเพิ่งไปด่วนตัดสินคุณลุงอย่างนั้นสิ”

    “แต่ขึ้นชื่อว่าผู้ชาย ก็ไว้ใจไม่ได้นั่นแหละ” ชมแย้ง “จำวิดีทัศน์ที่ได้ดูวันนั้นไม่ได้ ที่เป็นเรื่องผู้หญิงที่โดนเจ้านายที่ดูดีไว้ใจได้ แต่กลับข่มขืนแล้วตามตื้อไม่ปล่อย จนต้องเลิกกับสามีและโดนข่มขู่สารพัดสารเพ เฮ้อ ...  แล้วสังคมเราเป็นอะไรก็ไม่รู้ เวลาเกิดเรื่องแบบนี้ทีไร ผู้หญิงต้องถูกมองว่าเป็นฝ่ายไม่ดีเสียตลอด”  

    “ไม่รู้ว่าป่านนี้ยัยมิณจะเป็นยังไงบ้าง” ชมพูดขึ้น “ถึงยัยนั่นจะมั่นใจในตัวเองและชอบดูถูกคนอื่นในบางครั้ง แต่ฉันก็ไม่อยากให้ยัยนั่นเป็นอะไรไป”
    “อย่าเพิ่งตีโพยตีพายไป” แพรกล่าว “ไม่แน่หรอก ตอนนี้เธออาจจะมีความสุขกับหนุ่มหล่อคนไหนสักคนก็ได้ ยัยนั่นถนัดนี่ เรื่องอยู่กินกับผู้ชาย กี่คนแล้วล่ะ”
    “นี่ๆ ไม่เอาน่า  อย่านินทาเพื่อน”  กบปราม  “แต่ยัยมิณก็ทำตัวมั่วจริงๆ  เขาว่ากันนะว่า  ผู้ชายอ่ะ  รักผู้หญิงเพราะต้องการมีเพศสัมพันธ์และมีคนมาคอยดูแล  ความรักเป็นเรื่องรอง  ส่วนผู้หญิง  ความรักเป็นเรื่องหลัก  เพศสัมพันธ์เป็นเรื่องรอง”
    “ฉันเห็นด้วย” ชมสนับสนุน

    “หลานๆ ครับ” ลุงโผล่มาด้วยท่าทีสุภาพโดยไม่ให้สุ้มให้เสียง ทำให้สามนิสิตสะดุ้งตกใจ “ไปดูโฮมสเตย์ที่หนูๆ จะต้องอยู่คืนนี้ไหม”
    สามสาวมองหน้ากัน  ก่อนที่ชมจะตัดสินใจตอบไปว่า  “ได้ค่ะ!”

    คุณลุงเดินนำทางไปยังโฮมสเตย์ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเรือนตุ๊กตามะพร้าว  
    “เป็นบ้านของหลานลุงเอง” คนเป็นลุงพูดขึ้น สามสาวยิ่งรู้สึกหวาดกลัวไปใหญ่ เกิดคำถามขึ้นในใจว่า ‘หลานของลุงเป็นผู้ชายหรือเปล่า?’
    “ไม่ต้องห่วงหรอก รับรองว่าบ้านของหลานลุงไม่มีอันตราย”

    “จริงๆ ที่ลุงเล่าเรื่องผู้หญิงโดนข่มขืน หนูก็มีข้อสงสัยที่หาคำตอบไม่ได้นะคะ” แพรทำใจดีสู้เสือ “ในเมื่อสังคมไทยเวลานี้ มันมีความขัดแย้งในด้านเพศอยู่พอตัว เพราะวัฒนธรรมไทยนั้นค่อนข้างจะเคร่งครัดในเรื่องเพศ สอนให้ผู้หญิงรักนวลสงวนตัว รักษาพรหมจรรย์ ในขณะเดียวกัน วัฒนธรรมตะวันตกที่รับเข้ามา กลับมีค่านิยมที่ตรงกันข้าม เพราะวัฒนธรรมตะวันตกนั้น Free Sex หรือที่เรารู้จักกันว่า เพศเสรี จะมีทางออกทางไหนไหมที่จะช่วยให้ความขัดแย้งในเรื่องเพศทั้งสองจุดนี้ ดำเนินไปในทิศทางที่สอดคล้องกัน”

    “นี่ ยัยแพร” ชมแย้ง “ลุงเขาไม่ใช่นายกรัฐมนตรี หรือเจ้าของมูลนิธิคุ้มครองสิทธิเด็กและสตรีนะเธอ ถามคำถามเสียโลกแตก”
    คุณลุงแอบหัวเราะ

    “เอาล่ะ ถึงแล้ว” คนเป็นลุงสั่ง “นี่หลานชายลุง ชื่อ แทน”
    สามสาวมองชายตรงหน้า  เขาเป็นชายหนุ่มรูปงามหน้าตาคมเข้ม  อายุรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเธอ  สามสาวอุทานเบาๆ พร้อมกัน  “หล่อจัง!”
    “หล่อกว่าแฟนเธอคนที่ทิ้งเธอไปแล้วไปชอบยัยมิณอีก” ชมบอกกับกบ เธอกล้าพูดเพราะรู้ว่า กบไม่สนใจเรื่องแฟนเก่าของเธอแล้ว

    “พวกคุณไม่ต้องกังวลนะครับ” ชายหนุ่มพูดจาสุภาพ “เวลาคุณนอนให้คุณล็อกกลอนลงกุญแจข้างในได้เลย ผมทำแบบนี้เพื่อความบริสุทธิ์ใจ และผมกล้าสาบานว่าจะไม่ทำอะไรพวกคุณแน่นอน”
    สามสาวเคลิบเคลิ้มกับเสน่ห์และรอยยิ้มพิมพ์ใจของชายหนุ่ม
    “กระเป๋าพวกคุณอยู่ในห้องนั้นแล้วครับ เชิญพวกคุณตามสบายเลยนะ เดี๋ยวผมขอตัวก่อน”
    “ค่ะ!” ชมชิงตอบก่อนเพื่อน และโบกมือบ๊ายบาย

    “ให้มันน้อยๆ หน่อย ยัยชม” แพรว่าดุ “เราเข้าไปในห้องกันเถอะ!”

    แพรเดินนำเพื่อนสองคนเข้าไปในห้อง  ชมซึ่งเดินตามมาพูดขึ้นว่า  “กระเป๋าใบใหญ่นั่นของใครน่ะ ไม่ใช่ของพวกเรานี่”
    “ไม่รู้สิ ลองเปิดดูก็ได้มั้ง” กบเสนอ “หรือว่าเป็นของยายมิณ”
    แพรรี่ตรงเข้าไปในห้อง  ปลดล็อกกระเป๋าใบใหญ่นั้น  แล้วทันใดนั้นเอง  หล่อนส่งเสียงกรี๊ดในความสยดสยอง  ร่างของมิณตราหล่นออกมาจากกระเป๋าใบนั้น
    แต่แพรไม่ทันได้กรี๊ดเสียงดัง  เนื่องจากมีใครบางคนรีบนำมือมาปิดปากเธอ  มีดทำครัวจี้อยู่ที่คอ  เธอพยายามหันไปมองว่าเป็นใคร  แล้วเธอก็พบว่า  ชมนอนจมกองเลือดอยู่ใกล้ๆ

    “ทริปนี้เพื่อเธอสามคนโดยเฉพาะ ขอบคุณเธอและยัยชมที่ยุให้พี่แมนทิ้งฉันแล้วไปคบยัยมิณ! … ขอโทษด้วยที่ไม่ได้บอกเธอทั้งสองก่อน เพราะริมฝีปากของเธอกลับ ‘ไม่แสวงหาความรู้ถามหาตัวฆาตกร’ กับฉันเอง”



    ----------------------------------------------------------------------------------
    เรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นสืบสวนสอบสวนแนวทดลองนะครับ คือ จะไม่มีการเฉลยแผนการฆาตกรรม  แต่จะมีบอกใบ้แผนทั้งหมดไว้ในเนื้อเรื่องแล้ว  เป็นหน้าที่ของผู้อ่านครับ  ต้องคิดเอาเองว่าตกลงคนร้ายมีแผนฆาตกรรมอย่างไร?

    แก้ไขเมื่อ 01 ก.ย. 49 11:23:42

    แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 49 19:27:43

    แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 49 19:25:51

    แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 49 20:04:10

    จากคุณ : C o jz N - [ 30 ส.ค. 49 11:07:32 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com