CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    เวลามิอาจหวนคืน

    เข็มนาฬิกายังคงหมุนเป็นวงกลมตามปกติอย่างที่ควรจะเป็นในทุก ๆ วัน  แต่ทำไมคนเรามักรู้สึกว่าเวลาเดินเร็วกว่าปกติในเวลาที่เรามีความสุข  และเมื่อเวลาที่ความทุกข์เข้าครอบงำเข็มนาฬิกาจะค่อยๆ หมุนไปอย่างเชื่องช้า...

        สายลมอ่อนๆ พัดมาทางหน้าต่างห้อง  แสงแดดยามบ่ายพาให้อุณหภูมิของห้องร้อนขึ้น  ทำให้ฉันไม่มีสมาธิอ่านหนังสือสอบ  ฉันจึงละสายตาจากตำราเรียน  บิดขี้เกียจเพื่อขจัดความเมื่อยล้าออกจากร่างกาย  ชั่วขณะหนึ่งลมยามบ่ายพัดแรงขึ้นทำเอากล่องกระดาษที่วางอยู่บนชั้นหนังสือปลิวหล่นลงบนพื้นห้อง  ฉันลุกจากเก้าอี้เดินไปหยิบกล่องใบนั้นหวังจะเก็บเข้าที่เดิม แต่ กริ๊งๆ  เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น  ฉันจึงเดินไปรับโทรศัพท์พร้อมกล่องกระดาษที่ถือไว้ในมือ
        “สวัสดีค่ะ” ฉันกล่าวทักทายผู้ที่อยู่ปลายสาย
        “ขอสายนิลค่ะ” แม้ว่าจะไม่ได้คุยกันนานแล้ว แต่ฉันก็ยังจำเสียงนี้ได้เพราะเธอเป็นเพื่อนสนิทตอนมัธยมของฉันเอง
        “เออ.พูดอยู่” ฉันตอบด้วยความคุ้นเคย
        “นิล นี่ฉันเมย์นะ”
        “เออน่า จำได้ หายไปนานเชียวนะ โทรมานี่มีเรื่องอะไรไม่ทราบ”
        “ขอโทษ แต่ฉันมีเรื่องสำคัญของกล้าจะบอก” ฉันสะดุ้งเมื่อได้ยินชื่อนี้ ชื่อ “กล้า”
        “เรื่องอะไรเหรอ” ฉันถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
        “รู้ไหมว่า กล้า...กล้าตายแล้ว  รถมอเตอร์ไซด์คว่ำ เมื่อคืนวานนี้เอง ฉันเพิ่งรู้เลยรีบโทรบอกแกนี่แหละ” สิ้นเสียงเมย์ฉันนิ่งอึ้งไปกับถ้อยคำที่เมย์บอกเล่า กล้าตายแล้ว
        “นิล...นิล...นิลฟังอยู่รึเปล่า” เสียงเมย์เรียกทำให้ฉันสะดุ้ง
        “อืม ฟังอยู่” ฉันตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
        “นี่แกไม่ตกใจบ้างเลยเหรอ กล้าเป็นเพื่อนสนิทแกนะ แต่เอาเถอะพวกเรานัดกันว่าจะไปเผาศพกล้าวันมะรืนนี้  แกจะไปไหม”
        “ไปสิ”
        “เพื่อนสนิทตายทั้งคน แต่ดูเหมือนว่าแกจะไม่เสียใจบ้างเลยนะนิล” เมย์พูดทิ้งท้ายก่อนที่จะวางสาย
        ลมพัดมาอีกระลอกหลังจากที่เมย์วางสาย  พาให้ใบหน้าและหัวใจฉันเย็นวูบ ฉันยังคงถือกล่องกระดาษไว้ในมือ  แต่ฉันเริ่มขยับกล่องกระดาษมากอดไว้แนบอกแล้วเดินมานั่งลงบนเตียง  “กล้าตายแล้ว  เป็นไปได้อย่างไร?” ฉันรำพันกับตัวเอง ในตอนนี้หัวใจของฉันเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและสับสนอย่างบอกไม่ถูก  ทำไมฉันจะไม่เสียใจล่ะ ก็ฉันกับกล้าเราเคยสนิทกันมากนี่นา  แต่ทำไมฉันจึงไม่น้ำตาซักหยดทั้งๆ ที่เพื่อนสนิทของฉันตายทั้งคน
        ฉันก้มหน้าลงมองกล่องกระดาษที่อยู่ในอ้อมกอด ในนี้มีรูปถ่ายของฉันกับกล้าและจดหมายที่ฉันเขียนระบายความรู้สึกข้างในใจที่มีต่อเขา แต่เขาไม่เคยได้เห็นมัน  
       
         ตอนม.ต้นฉันเป็นคนที่ไม่ชอบคุยเล่นกับเพื่อนผู้ชายสักเท่าไรนัก เพราะเพื่อนผู้ชายในห้องฉันส่วนมากจะเกเรและชอบแกล้งฉัน  แต่กล้าเป็นเพื่อนผู้ชายคนแรกที่ฉันพูดคุยและสามารถเล่นด้วยได้อย่างสนิทใจ  เมื่อตอนม.1ฉันกับกล้าไม่ค่อยสนิทกันนักหรอก แทบจะไม่ได้คุยกันเลยด้วยซ้ำเพราะอยู่คนละห้องกัน  แต่พอขึ้นม.2ฉันกับกล้าได้อยู่ห้องเดียวกัน และได้พูดคุยกันมากขึ้น  เรา 2 คนเริ่มสนิทกันเพราะว่าเรามักจะมาโรงเรียนเช้ากว่าคนอื่นๆ  เราจึงได้มีโอกาสพูดคุยกันมากขึ้นในตอนเช้า  ฉันเริ่มมีใจให้กล้านิดๆ เพราะกล้าเป็นเพื่อนผู้ชายคนแรกที่ไม่พูดคำหยาบกับฉัน  กล้ามักจะเรียกฉันว่านิล  และเรียกแทนตัวเองว่ากล้า  ซึ่งต่างจากเพื่อนผู้ชายคนอื่นที่ขุดคำพูดคำจามาตั้งแต่สมัยสุโขทัยเป็นราชธานี
        สิ่งหนึ่งที่กล้ามักจะทำกับฉันเสมอคือการใช้นิ้วมือหยาบๆ มาหยิกแก้มและยีผมของฉัน ในตอนเช้าก่อนไปโรงเรียนฉันจะเปียผมหลวมๆ เพราะกล้าจะชอบเล่นผมของฉันจนยุ่งเหยิงทุกวัน  วันหนึ่ง ๆ ฉันจะต้องเปียผมถึง 2 ครั้ง  “เส้นผมสุขภาพดี  จัดทรงง่าย” ประโยคนี้กล้าจะพูดทุกครั้งหลังจากที่ยีผมฉันเสร็จ
        “แก 2 คนทำไมไม่เป็นแฟนกันเสียเลยล่ะ สนิทกันออกขนาดนี้” เพื่อนคนหนึ่งเอ่ยทักเมื่อเห็นเรา 2 คนเล่นกันอย่างสนุกสนาน  
        “นั่นสิ  กล้าเป็นแฟนกับนิลดีกว่า” กล้าหันมาพูดกับฉัน หัวเราะอย่างร่าเริงแล้วเดินหนีไป  ทิ้งให้หัวใจของฉันเต้นแรงเพียงลำพัง  ฉันชอบกล้าและไม่ได้ชอบในฐานะเพื่อน  แต่กล้าสิไม่มีท่าทีใดๆ กับฉันเลย  นอกจากความอ่อนโยนที่มักจะทำให้ฉันใจเต้นแรงเสมอ  กล้าเป็นนักดนตรีที่มีฝีมีคนหนึ่ง  เขาจะเอากีต้าร์และหนังสือเพลงมาโรงเรียนทุกวันเพื่อที่จะได้ให้ฉันเลือกว่าอยากร้องเพลงอะไร  กล้าจะเป็นคนเล่นกีต้าร์และให้ฉันเป็นคนร้องเสมอ  แต่กล้าไม่เคยร้องเพลงให้ฉันฟังเลยสักครั้ง  
       
        เมื่อเรียนจบชั้นมัธยม  เวลาก็พาให้เราต้องจากกัน  เพราะต่างคนก็ต้องแยกย้ายกันไปเรียนต่อที่อื่น  แต่ฉันกับกล้ายังคงติดต่อกันเสมอ  บางครั้งก็คุยกันทางโทรศัพท์  และบางครั้งกล้าจะเป็นฝ่ายมาหาฉันที่มหาวิทยาลัย เรายังพูดคุยและเจอกันอย่างสม่ำเสมอจนกระทั่งวันหนึ่ง  ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่เราได้เจอหน้ากัน  ฉันยังจำวันนั้นได้ดี...
       
        หลังเลิกเรียนฉันเดินลงมาจากตึกพร้อมกับกลุ่มเพื่อนใหม่ของฉัน เมื่อฉันเห็นกล้ายืนอยู่ที่มุมตึก ฉันจึงร่ำลาเพื่อนๆ เพื่อนที่จะเดินแยกไปหากล้า
        “วันนี้นิลมีแฟนมารับด้วย น่าอิจฉาจัง” เอก เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มซึ่งมีดีกรีเป็นถึงเดือนคณะเอ่ยแซวฉัน  ฉันได้แต่ปฏิเสธอย่างยิ้มๆ และห้ามเอกไม่ให้แซวอีก เพราะฉันกลัวว่าถ้ากล้าได้ยินแล้วฉันจะเข้าหน้ากล้าไม่ติด  แต่วันนั้นฉันเห็นสีหน้าของกล้าซึมเศร้า  กล้ายืนก้มหน้าตลอดจนฉันไปถึง  เรา 2 คนนั่งบนเก้าอี้ไม้บริเวณทางเดินของมหาวิทยาลัย กล้านั่งเงียบไม่พูดอะไรกับฉันแม้แต่คำเดียว  ฉันไม่รู้ว่ากล้าเป็นอะไร  
        “หิวไหม?” ฉันเป็นฝ่ายทำลายความเงียบนั้น  แต่กล้าส่ายหน้าไม่ตอบอะไรฉันทั้งสิ้น
        กิ่งไม้โอนเอนไปตามแรงลมพัด  ผมปล่อยสยายของฉันปลิวตามแรงลมไปปะทะกับใบหน้าของกล้า  ท้องฟ้าเบื้องหน้าของเราบัดนี้ได้เปลี่ยนจากสีฟ้าเป็นสีแสดเนื่องจากดวงอาทิตย์ทอแสงอ่อนลงเพราะกำลังจะลาลับขอบฟ้า  
        “ไปกินอะไรกันไหม? เย็นมากแล้ว” ฉันถามเพราะรู้สึกว่าเรานั่งเงียบกันนานเกินไป
        “ไม่ล่ะ  จริง ๆ แล้วที่กล้ามาวันนี้เพราะกล้ามีอะไรจะบอกนิล” กล้าละสายตาจากพื้นหญ้าแล้วหันมาสบตาฉัน  สายตาคู่นั้นดูเศร้าสร้อยจนฉันไม่กล้าที่จะมอง
        “อะไรเหรอ?”
        “แต่ตอนนี้ไม่มีแล้วแหละ”
        “อ้าว ทำไมล่ะ มีอะไรก็บอกมาสิ” ฉันคาดคั้น
        “ช่างเถอะ” กล้าพูดกลางก้มหน้ามองพื้นหญ้าอีกครั้ง
        “ไม่เป็นไร ถ้ากล้ายังไม่อยากบอก  ไว้ถ้ากล้าพร้อมจะบอกเมื่อไร ก็บอกนิลได้ทุกเมื่อเลยนะ”  ฉันพูดพลางยิ้มเล็กๆ ให้กับกล้า  และคิดในใจว่าจริงๆ แล้วฉันก็มีอะไรอยากจะบอกกล้าเหมือนกัน  แต่วันนี้คงยังไม่เหมาะ
        “เย็นมากแล้วกลับกันเถอะ”  ฉันพูดพลางลุกขึ้นยืน
        “อืม วันนี้กล้าไม่ไปส่งนิลนะ”
        “ทำไมล่ะ??” ฉันถามด้วยความแปลกใจเพราะทุกครั้งที่กล้ามาหาฉันจะขับรถมอเตอร์ไซด์ไปส่งฉันที่บ้าน
        “เดี๋ยวแฟนว่า…”
         ประโยคนั้นของกล้าทำให้ฉันนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ  พูดอะไรไม่ออก  รู้สึกเหมือนมีก้อนเหนียวๆ มาจุกอยู่ที่คอ  ฉันรวบรวมสติให้กลับมาอีกครั้งก่อนที่จะตอบกล้ากลับไปว่า “ไม่เป็นไร”  กล้าเดินไปส่งฉันที่ป้ายรถเมล์  เวลานั้นร่างกายของฉันมันชาไปหมดทุกสัดส่วนราวกับว่าถูกกระแสไฟฟ้าช็อต  ฉันอยากถามว่าเขามีแฟนแล้วเหรอ  แต่ก็ไม่กล้า  รู้สึกปากมันหนักไม่อยากพูดอะไรทั้งสิ้น  ในตอนนั้นฉันเห็นกล้าเหมือนคนแปลกหน้าที่ฉันไม่รู้จัก  ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย  เมื่อถึงป้ายรถเมล์เราก็แยกทางกัน  โดยที่ฉันไม่รู้เลยว่าวันนั้นจะเป็นวันสุดท้ายของเราสองคน
        หลังจากวันนั้นฉันไม่กล้าที่จะโทรไปหากล้าอีก  และกล้าเองก็ไม่ติดต่อฉันมาเหมือนกัน  ฉันคิดว่ากล้าคงกลัวว่าแฟนจะว่าหากกล้ายังติดต่อกับฉัน  เราขาดการติดต่อกันไปตั้งแต่วันนั้น  เวลาของเราสองคนมันช่างสั้นอะไรเช่นนี้  ความสุขที่ฉันเคยมีมันผ่านไปเร็วราวกับสายฟ้าแลบ  แต่เวลาแห่งความทุกข์ที่ฉันพยายามจะลืมกล้ามันช่างยาวนานเสียจริง

    จากคุณ : วลีรมย์ - [ 1 ก.ย. 49 12:06:37 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com