ในวันที่อากาศสดใส เพราะว่าฝนไม่ตกอย่างเมื่อสองสามวันก่อน เด็กหญิง บ.ใบไม้ ตื่นประมาณแปดโมง
และเตรียมตัวเพื่อจะไปเรียนพิเศษ เธอเดินออกจากบ้านในเวลาต่อมา แล้วไปยืนรอรถอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
นักจากบ้านของเธอ ผ่านไปเพียงชั่วครู่ ก็มีรถแท็กซี่สีส้มคันหนึ่งผ่านมา เธอไม่แน่ใจนักว่าจะมีคนนั่งอยู่
หรือเปล่า แต่เธอก็ลองเสี่ยงดู เด็กหญิง บ.ใบไม้ โบกมือเรียกรถแท็กซี่คันนั้น และเมื่อรถเคลื่อตัวเข้ามา
ใกล้ๆ เธอจึงเห็นได้อย่างชัดเจนว่า นอกจากคนขับแล้วนั้น ยังมีหญิงอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างๆ เขาด้วย
หน้าแตก...คำแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของ เด็กหญิง บ.ใบไม้ แต่รถแท็กซี่คันนั้นก็หยุดจอดเลยจากหน้าของเธอ
ไปไม่ไกลนัก พร้อมกับประตูฝั่งข้างๆ คนขับที่ถูกเปิดออก หญิงวัยสี่สิบปลายๆ ยื่นหน้าออกมาจากรถ
พร้อมกับกวักมือเรียกเด็กหญิง บ.ใบไม้ แล้วด้วยเหตุอันใดก็ไม่รู้ เด็กหญิง บ.ใบไม้เดินไปใกล้ๆ กับรถ
หญิงคนนั้นบอกเธอว่าให้ขึ้นมาแล้วไปลงที่หน้าปากซอย จะได้เรียกรถง่ายๆ เธอก็เดินตามขึ้นไป ดูว่าเธอจะ
เชื่อคนง่ายเกินไปหน่อย แต่บางสิ่งบางอย่างบอกกับเธอว่ามัน...ปลอดภัย ที่เราเรียกมันว่าสัญชาติญาณ
หรืออาจจะเป็นเซ้นส์ เธอขึ้นรถไป หญิงคนนั้นรีบชวนคุยทันทีด้วยน้ำเสียงแจ่มใสและเป็นกันเอง เขาถาม
เด็กหญิง บ.ใบไม้ ว่า "จะไปลงที่ไหน ป้าจะไปลงตรงตลาด หนูจะลงหน้าปากซอยเรียกรถใหม่เลยมั้ย"
เด็กหญิง บ. ใบไม้คิดเพียงชั่วครู่ก็ตอบกลับไป "ถ้าป้าลงไม่ไกลหนูขอนั่งไปก่อนได้มั้ยคะ ไม่อยากลงไป
เรียกรถคันใหม่" แล้วคุณป้านิรนาม (ชื่อที่เด็กหญิง บ.ใบไม้แอบคิดในใจ) ก็ตลอบกลับมา "นั่งรถเล่น
ไปก่อนก็แล้วกัน" ตลอดทางก่อนที่คุณป้าคนนั้นจะลง เด็กหญิง บ. ใบไม้ ก็คุยโน่นนี่ไปเรื่อยตามเรื่อง
ตามราว คุณป้าพูดเก่ง คุยสนุก และคุยกับเธอเหมือนกับว่ารู้จักกันมานาน ทั้งๆ ที่มัน...ไม่ใช่
นับเป็นเวลาสิบนาทีจากที่ เด็กหญิง บ. ใบไม้ขึ้นรถมา ก็ถึงจุดหมายปลายทางของคุณป้านิรนามผู้นี้
เธอหยิบธนบัตรใบสีแดงออกมาจากกระเป๋า แล้วก็จ่ายเงินให้กับคุณลุงคนขับแท็กซี่ พอคนขับแท็กซี่จะ
หยิบเงินทอน คุณป้านิรนามก็บอกว่า ไม่ต้องทอนๆ จ่ายให้เด็กเค้าด้วย"
คุณลุงแท็กซี่หัวเราะเบาๆ แล้วก็พูดทีเล่นทีจริง "จ่ายให้ลูกสาวด้วยเลยแล้วกัน"
ก่อนคุณป้าจะลงจากรถ เด็กหญิง บ.ใบไม้ ก็กล่าวขอบคุณ พร้อมยกมือไหว้ แล้วคุณป้าก็ลงจากรถไป
เธอเหลือบมองมิตเตอร์ที่แสดงเงินค่าโดยสาร คุณป้านั่งมาเพียงแค่ 45 บาทเท่านั้นเอง แต่ว่าจ่ายเงิน
ด้วยแบงค์ร้อยและไม่รับเงินทอน
หลังจากนั้นคุณลุงคนขับแท็กซี่ก็ชวนคุย เขาบอกว่า "คุณป้าคนนี้เพิ่งกลับจากต่างประเทศ ชอบทำบุญ
แต่อยู่ที่โน่นไม่ค่อยได้ทำ กลับมาที่นี่ก็ทำเยอะเลย แล้ก็มาหาเพื่อนแถวๆ นี้นี่แหละ"
ได้ฟังอย่างนั้น เด็กหญิง บ.ใบไม้ก็นึกขำอยู่ในใจ แล้วคิดเล่นๆ ว่า ...สงสัยคุณป้าคงอยากทำบุญให้กับเธอ...
แต่จะย่างไรเธอก็ยังนึกขอบคุณคุณป้าอยู่ดีนั่นแหละ
พอไปถึงจุดที่ เด็กหญิง บ.ใบไม้ ลง เธอก็มองไปที่มิตเตอร์อีกครั้ง จากค่าโดยสาร
45 บาทที่คุณป้านัง่ไว้ เพิ่มมาเป็น 73 บาท เท่ากับว่าคุณลุงแท็กซี่ก็ได้เงินกำไรอีกด้วย
ในสังคมเรานั้นมีทั้งคนดีและคนเลว เป็นโชคดีของ เด็กหญิง บ.ใบไม้ ที่คุณป้านิรนามผู้นี้เป็นคนดีแถมยังใจดี
อีกด้วย แต่ถ้าลองคิดใหม่ หากว่าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่คนดีล่ะ เด็กหญิง บ.ใบไม้ จะเป็นอย่างไร ที่ขึ้นรถไปอย่าง
ว่าง่าย แม้สัญชาตญาณจะบอกกับเธอแล้วว่ามัน...ปลอดภัย แต่สัญชาติญาณก็ไม่ใช่ทั้งหมดที่จะตัดสินได้ว่า
นั่นปลอดภัยจริงหรือไม่จริง แต่เรื่องนั้นไม่ใช่ประเด็นสำคญที่อยากจะกล่าวถึง เป็นเพียงแค่ข้อเตือนใจเล็กๆ
ที่ฝากบอกมาเท่านั้น ...จุดสำคัญมันอยู่ที่ ความมีน้ำใจของคุณป้านิรนามผู้นี้ต่างหาก คนดียังคงมีอยู่ในสังคม
เหตุการณ์นี้เป็นข้อพิสูจน์ได้ และแม้ว่ามันจะเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงความมีน้ำใจ
ที่ยังคงไม่เหือดหายไปของคนในสังคมไทย...
เพราะครั้งหนึ่ง เด็กหญิง บ.ใบไม้ เองก็ได้ปักใจเชื่อไปว่า
คนเราในปัจจุบันนี้ได้แต่แก่งแย่งชิงดี และไร้ซึ่งน้ำใจไปจนหมดสิ้น
เพียงแค่เธออยากจะฝากของซึ่งเป็นรถเข็นจากซุปเปอร์มาเก็ตในห้างใหญ่ เพื่อพาน้องสาวของเธอไปเข้า
ห้องน้ำ แต่คนที่เธอฝากไว้นั้นกลับตอบมาอย่างไร้เยื่อใยว่า "ไม่ได้รับฝากของค่ะ" เจ็บ รู้สึกเจ็บมากๆ ตอนนั้น
เธอสงสารน้องที่อยากจะเข้าห้องน้ำ และโกรธมากกับหญิงคนนั้นที่ตอบได้ไร้เยื่อใยอย่างไม่น่าเชื่อ...
แต่คุณป้านิรนามผู้นี้ได้ลบข้อข้องใจออกไปจากใจของ เด็กหญิง บ.ใบไม้ ได้ แม้ว่าจะไม่ใช่ทั้งหมด แต่ส่วนหนึ่ง
ของจิตใจนั้นสามารถกลับมาเชื่อมั่นได้ว่า คนมีน้ำใจและคนดียังคงมีหลงเหลืออยู่ในสังคมไทย...
...เป็นเรื่องจริงของสังคมที่เกิดขึ้นค่ะ...
จากคุณ :
ใบหญ้าเรียกหลอด
- [
2 ก.ย. 49 21:14:13
]