CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    คลื่นเขย่าขวัญ (เรื่องสั้นจบในตอน)

    ขอเปลี่ยนสลับมาลงเรื่องสั้นบ้างนะครับ ติชมกันได้เช่นเคยครับผม สำหรับเรื่องสั้นแนวนี้จะใช้นามปากกาว่า "จิตตพล" ครับ


    คลื่นเขย่าขวัญ  
    โดย จิตตพล

    -----------------------------------------------------------

    นิยดาเดินสำรวจสภาพบ้านพักหลังใหม่อย่างพึงพอใจ ไม่เพียงแต่พอใจในตัวบ้านเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงความรู้สึกอิสระที่จะได้อยู่ห่างจากการควบคุมของพ่อแม่บ้างหลังจากที่อยู่ในความดูแลของผู้ปกครองมาร่วมยี่สิบปี จนเมื่อสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยซึ่งอยู่ห่างไกลจากกรุงเทพอย่างนี้ได้ผู้ให้กำเนิดทั้งสองจึงยินยอมให้ลูกสาวเพียงคนเดียวอยู่ไกลหูไกลตา เพียงแต่ทั้งคู่จะต้องมีส่วนในการเลือกแหล่งที่พักให้กับลูกสาวซึ่งนิยดาเองก็ไม่เดือดร้อนอะไร ยิ่งได้บ้านเช่าชั้นเดียวขนาดไม่ใหญ่มากนักที่ปลูกรวมกับบ้านชั้นเดียวหลังอื่น ๆ อีกสี่ห้าหลังในบริเวณเดียวกันและอยู่ไม่ห่างจากมหาวิทยาลัยอย่างนี้ หญิงสาวก็ยิ่งชอบใจไม่น้อย เพราะนิยดาไม่อยากอยู่รวมกับคนมาก ๆ ในหอพัก

    อันที่จริงหญิงสาวอยากจะไปเลือกที่พักอยู่ไกล ๆ แยกอยู่อย่างโดดเดี่ยวเสียด้วยซ้ำ แต่ผู้เป็นพ่อแม่นั้นไม่ยอมเนื่องจากเห็นว่าการอยู่รวมกันในบริเวณเดียว และมีเจ้าของบ้านเช่าดูแลจะเป็นการดีและปลอดภัยกว่าไปอยู่เพียงลำพัง นิยดาเองจึงต้องยอมพบกันครึ่งทางกับพ่อแม่ มาเช่าบ้านกับป้าแต๋วซึ่งรับผู้เช่าเฉพาะผู้หญิงเท่านั้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นส่วนตัวมากกว่าความคิดแรกของพ่อแม่ที่แต่เดิมอยากให้ลูกสาวไปหาหอพักหญิงอยู่มากกว่า

    อย่างน้อยมองในแง่ดีบ้านเช่านี้ก็อยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนัก ขับรถเพียงห้านาที ก็ถึงแล้วไม่ต้องลำบากขับรถฝ่าการจราจรที่ค่อนข้างแน่นหนาในช่วงเช้า

    พ่อกับแม่ช่วยลูกสาวขนย้ายของที่ทั้งสามพากันไปซื้อจากห้างซุปเปอร์สโตร์ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านพักเท่าไรนัก ในบ้านพักนั้นมีเก้าอี้รับแขกหนึ่งชุด ชั้นวางทีวี ส่วนในห้องนอนนั้นมีเพียงเตียงนอน ฟูกและตู้เสื้อผ้า ดังนั้นของที่ต้องซื้อมาเพิ่มเติมนั้นก็มีอยู่ไม่น้อย รวมทั้งเครื่องเสียงและเครื่องรับโทรทัศน์ กว่าจะดูแลจัดวางสิ่งของต่าง ๆ เสร็จสรรพก็เย็นมากแล้ว

    “เอาล่ะ เดี๋ยวเราไปหาอะไรกินกัน แล้ว นิดก็ขับรถพาพ่อกับแม่ไปส่งที่สนามบิน” ผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้นหลังจากที่ขนของชิ้นสุดท้ายมาวางเสร็จ

    พ่อของนิยดารับหน้าที่ขับรถที่ยกให้ลูกสาวมาจากกรุงเทพ โดยเดินทางออกมากันตั้งแต่บ่ายวันเสาร์ พักตามทางมาเรื่อย จนมาถึงเอาก็ตอนเช้าแล้ว บ้านเช่านี้สามคนพ่อแม่ลูกก็พากันมาสำรวจ จองและวางเงินมัดจำไว้เสียตั้งแต่ตอนที่รู้ว่านิยดาสอบติดมหาวิทยาลัยที่นี่แล้ว ด้วยความที่ผู้ปกครองทั้งสองเคยเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับลูกสาว และพากันมาเที่ยวอยู่เกือบทุกปี จึงพอจะรู้ที่ทางและจัดแจงหาที่พักให้ลูกสาวได้ไม่ยากนัก

    ทั้งสามคนต่างพึงพอใจกับบ้านชั้นเดียว ขนาดหนึ่งห้องนอน ที่มีห้องโถงที่ใช้ประโยชน์ได้ทั้งรับแขก และเป็นห้องอาหารไปในตัว รวมทั้งส่วนของครัวซึ่งแยกเป็นสัดส่วนอยู่หลังตัวบ้าน

    “นิด นี่ดื้อจริง ๆ นะ มาอยู่เสียไกลแบบนี้ แม่เป็นห่วงจริง ๆ” ผู้เป็นแม่ลูบศีรษะลูกสาว “นิดต้องหัดคบเพื่อนฝูงเสียบ้าง อย่าอยู่คนเดียวมากนัก มีอะไรเพื่อน ๆ จะได้ช่วยเหลือกันได้ แม่กับพ่ออยู่ไกลดูแลลูกเหมือนทุกครั้งไม่ได้แล้วนะ”

    ผู้เป็นลูกสาวตอบรับ ทั้ง ๆ ที่ในใจนั้นไม่ได้อยากจะทำตามคำของผู้เป็นแม่แม้แต่น้อย ไม่คิดสักนิดว่าอายุยี่สิบแล้วจะต้องให้ใครมาคอยดูแลช่วยเหลืออย่างที่แม่ว่า

    “อย่างเมื่อเช้า ที่ไปรับกุญแจกับป้าแต๋วเขา ก็เห็นป้าเขาชวนนิดคุยโน่นคุยนี่ นิดก็ไม่ยอมคุยตอบเขาเลย รู้จักกันไว้ไม่เสียหลายนะลูกนะ คนอื่น ๆ ที่เขาเช่าบ้านอยู่ในบริเวณนี้ก็เหมือนกัน เอาล่ะ แม่ไม่พูดมากแล้ว เดี๋ยวลูกจะเบื่อเสียเปล่า ๆ”

    นิยดาลอบถอนใจที่การอบรมเรื่องการพยายามคบหา ทำความรู้จักกับผู้คนจบลงได้ การจะให้ทำความรู้จักสนิทสนมกับใครดูเป็นเรื่องยากจริง ๆ สำหรับหญิงสาว เพราะแม้แต่กับหญิงสาวสองสามคนที่อยู่บ้านหลังใกล้ ๆ ที่เหมือนอยากจะรู้จักผู้มาใหม่ จึงยิ้มทักทายเมื่อตอนเช้า นิยดายังไม่แม้แต่จะยิ้มตอบสักนิด พยายามทำเป็นมองไม่เห็นเสียด้วยซ้ำ



    นิยดาโบกมือลาพ่อกับแม่ขณะที่ทั้งคู่เดินเข้าสู่ห้องผู้โดยสารขาออกของสนามบินประจำจังหวัด ก่อนที่จะถอนใจอย่างโล่งอก  โชคดีที่ไม่มีญาติคนอื่น ๆ ที่อยู่ในวัยรุ่นราวคราวเดียวกันสักคน ไม่อย่างนั้นพ่อกับแม่ก็คงกะเกณฑ์ให้เลือกสอบเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกัน มาเรียนด้วยกันและพักร่วมกันแน่ ไม่รู้ว่าทำไมแต่นิยดาเองรู้สึกมาตลอดตั้งแต่เริ่มเป็นวัยรุ่นว่าตนอยากอยู่คนเดียว และอึดอัดใจทุกครั้งที่มีเพื่อนฝูงมารุมล้อม หรือพ่อแม่ญาติพี่น้องมาคอยห้อมล้อมถามโน่นถามนี่

    ด้วยเหตุที่หญิงสาวชอบอยู่คนเดียวมากกว่าที่จะอยู่กับคนมาก ๆ ทำให้นิยดาเลือกที่จะเรียนเอกบัญชี เพราะคิดใคร่ครวญอย่างดีแล้วว่า ลักษณะงานนั้นไม่ต้องพบปะกับผู้คนมากนัก และผู้เป็นพ่อแม่ก็เห็นดีด้วย อาจจะเพราะมองเห็นนิสัยของลูกสาวอย่างดีแล้วก็เป็นได้

    ขณะที่ขับรถออกจากสนามบินเพื่อกลับไปยังบ้านเช่า นิยดาเอื้อมมือไปเปิดเครื่องเสียง ใส่แผ่นซีดีแผ่นโปรดลงไปในเครื่อง แต่แล้วแผ่นก็ถูกดีดกลับออกมา หญิงสาวลองใส่แผ่นกลับเข้าไปอีกครั้งแต่ผลก็ออกมาเหมือนเดิม และเมื่อใส่แผ่นเข้าไปเป็นครั้งที่สามก็เช่นกัน

    ถอดใจที่จะฟังเพลงจากแผ่น จึงกดเปลี่ยนระบบเครื่องเสียงเป็นระบบวิทยุ พยายามกดหาคลื่นอยู่พักใหญ่ แต่เสียงที่ออกจากลำโพงกลับเป็นเพียงเสียงซ่า ๆ ไม่มีเสียงอย่างอื่นเลย จนกระทั่งรอบตัวเลขบนหน้าปัดตีกลับมาถึงเลขเริ่มต้นก็ไม่พบสัญญาณใด ๆ นอกจากเสียงซ่า ๆ ที่ดังสลับเบาอยู่อย่างนั้น

    เมื่อความพยายามทั้งเปิดแผ่นซีดีและหาคลื่นวิทยุ ไม่เป็นผล หญิงสาวจึงกดปิดเครื่องเสียง ไม่เดือดร้อนอะไรนักที่ต้องขับรถเงียบ ๆ เพราะจากสนามบินถึงบ้านเช่านั้นใช้เวลาเดินทางไม่นานเท่าไรนัก



    นิยดาถอนใจหนักเมื่อขับรถกลับเข้ามาจอดหน้าบ้านบ้านพักแล้วเห็นว่า ที่หน้าบ้านหลังใกล้ ๆ กันนั้น มีหญิงสาวสามคนนั่งคุยกันอยู่ เหมือนใครคนหนึ่งในนั้นจะเอ่ยทักทายขึ้น แต่นิยดาแกล้งทำเหมือนไม่ได้ยิน สาวเท้าเข้าไปหน้าบ้าน รีบไขกุญแจเปิดประตูกลับเข้าไปทันที

    เข้าบ้านพักได้หญิงสาวก็อาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า และตระเตรียมชุดนักศึกษาที่จะต้องใช้ในการรายงานตัวในวันรุ่งขึ้น อากาศยามดึกค่อนข้างเย็นสบาย เครื่องปรับอากาศที่ติดตั้งไว้ในห้องนอนจึงไม่จำเป็นมากนัก แค่เปิดหน้าต่างกระจกและปล่อยให้ลมพัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างมุ้งลวดและอาศัยพัดลมช่วยเล็กน้อยก็พอ

    พ่อแม่ที่เดินทางถึงกรุงเทพแล้วโทรเข้ามาพูดคุย ซักถามอะไรกับหญิงสาวทางโทรศัพท์มือถือ ผู้เป็นลูกได้แต่ตอบคำถามไปเรื่อย ๆ อย่างไม่ใคร่อยากจะพูดอะไรมากนัก อดนึกในใจไม่ได้ว่าพอแม่เป็นห่วงเกินเหตุ ทั้ง ๆ ที่แยกกันเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น แต่ทำราวกับว่าตนแยกมาอยู่เองเป็นเดือน ๆ แล้ว

    หลังจากที่ปลายสายตัดสัญญาณไปแล้ว หญิงสาวก็ปิดเครื่องโทรศัพท์ ปิดไฟแล้วก้าวขึ้นเตียงนอน ดึงผ้าห่มแพรขึ้นปิดร่าง พยายามจะข่มตานอน แต่ด้วยความแปลกที่ทำให้หญิงสาวพลิกซ้ายพลิกขวาอยู่นานแต่ก็ยังไม่สามารถที่จะหลับลงได้จึงสลัดผ้าแพรออกจากตัวแล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้องนอน

    เมื่อเปิดไฟห้องโถง นิยดาถึงกับเบิกตาโพลงเมื่อเห็นในแสงกระพริบของหลอดไฟว่ามีร่างที่ดูมืดทึมสีดำนั่งอยู่ที่เก้าอี้รับแขก ก่อนที่ร่างนั้นจะหายไปเมื่อไฟหยุดกระพริบ หญิงสาวยกมือขึ้นทาบอก พยายามควบคุมไม่ให้หัวใจเต้นแรง ก่อนที่จะสะบัดหน้าอย่างจะเรียกสติให้กลับคืนมา ตำหนิตัวเองเล็กน้อยที่คงจะแปลกที่แปลกทางจนทำให้ตาฝาดเห็นอะไรไม่เข้าเรื่อง

    (มีต่อ)

    แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 49 01:11:49

    จากคุณ : กมลภัทร - [ 3 ก.ย. 49 01:10:23 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com