มีนาฟื้นแล้วเหรอแก เสียงของยัยพิมดังขึ้นทันทีที่ฉันกระพริบตาเพื่อปรับสายตาให้เข้ากับแสงสว่างของห้อง ฉันมองไปรอบๆห้องอย่างพยายามนึกว่าตอนนี้ฉันกำลังอยู่ที่ไหน และฉันก็เหมือนจะได้คำตอบเพราะเมื่อฉันมองไปตามมือข้างซ้ายของฉัน ฉันก็เจอกับขวดน้ำเกลือที่ถูกแขวนเอาไว้กับเสาสูง หลังจากนั้นฉันก็หันไปยังต้นเสียงที่ดังอยู่อีกข้างหนึ่งของเตียง
แกรู้ตัวบ้างมั้ยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ยัยพิมถามฉัน ฉันได้แต่ส่ายหน้าตอบกลับไปเพราะปากมันรู้สึกหนักๆยังไงก็ไม่รู้ แกน่ะปวดท้องมากจนเป็นลมไปเลย โชคดีนะที่แกอยู่กับเอกเค้าน่ะ เค้าเลยพาแกมาโรงพยาบาลได้เร็ว ฉันฟังแล้วก็พยายามคิดตามคำพูดของยัยพิม จริงสิฉันจำได้ว่าฉันกำลังนั่งคุยกับเอกอยู่ แล้วฉันก็ปวดท้องขึ้นมาแล้วมันก็ปวดขึ้นเรื่อยๆจนอยู่ๆมันก็วูบไปเลย
กินน้ำหน่อยมั้ยแก ยัยพิมหันมาถามฉัน ฉันเลยพยักหน้าตอบกลับไป เพื่อนที่แสนน่ารักของฉันคนนี้ก็เอาแก้วน้ำที่มีน้ำอยู่ครึ่งแก้วพร้อมหลอดดูดมาจ่อที่ปากของฉัน ขอบใจแก ฉันบอกกับยัยพิมเมื่อดื่มน้ำจนพอใจแล้ว เสียงของฉันก็เริ่มกลับมาอีกครั้งถึงแม้ว่ามันจะยังแหบๆอยู่หน่อยก็ตาม
แล้วนี่แกรู้ได้ไงอ่ะว่าฉันอยู่ที่นี่ ฉันถามเพื่อนผู้น่ารักของฉันด้วยความสงสัย ก็พอแกเป็นลมเอกก็รีบโทรมาหาฉัน ฉันก็รีบวิ่งไปหาแก พอฉันไปถึงเอกก็ไปเอารถแล้วก็พาแกมาโรงพยาบาลนี่แหละ ยัยพิมไม่เพียงแต่คลายความสงสัยของฉันมันยังเล่าเหตุการณ์หลังจากที่ฉันหมดสติไปให้ฉันฟังเป็นของแถมอีกด้วย
แล้วนี่หมอว่าฉันเป็นอะไรอ่ะ ฉันถามมันต่อด้วยความอยากรู้ ก็มันไม่ผิดนี่เนอะที่ฉันจะถามมากขนาดนี้ในเมื่อมันเกี่ยวกับตัวฉันโดยตรง พิมก็ตอบฉันอย่างไม่รำคาญเลยแม้แต่น้อย หมอบอกว่าแกน่ะเป็นโรคกระเพาะ แล้วตอนนี้กระเพาะแกก็มีแผลแล้วด้วย สมอยากกินข้าวไม่เป็นเวลาดีนัก ลงท้ายด้วยการกัดฉันนิดๆ เออ! ฉันโทรไปบอกป่าป๊ากับหม่าม้าแกแล้วนะ ท่านบอกว่าจะมาถึงตอนค่ำๆนะ พิมพูดเหมือนนึกขึ้นมาได้ ฉันพยักหน้ารับรู้
เอ่อ...แล้วนี่เอกเขาไปไหนน่ะ ฉันถามขึ้นเมื่อมองไปรอบห้องแล้วไม่เจอคนที่พาฉันมาอีกคน
นึกว่าจะไม่ถามซะแล้ว ยัยพิมพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ ฉันส่งค้อนไปให้อย่างอดไม่ได้ เออ...ก็ถามแล้วไง ตกลงว่าเขาไปไหนเหรอ
เขาไปหาซื้อของกินน่ะสิ นี่มันจะบ่ายอยู่แล้วนะ จะบ่ายแล้วนี่เอง มิน่าล่ะฉันถึงรู้สึกหิวขึ้นมาตงิดๆ เหมือนยัยพิมจะรู้ใจฉันมันเลยพูดขึ้นว่า เดี๋ยวอาหารของแกทางโรงพยาบาลเขาจะเอามาให้ตอนบ่ายสี่โมงครึ่ง ตอนนี้แกก็นอนกินน้ำเกลือไปก่อนละกันนะ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เมื่อสิ้นเสียงเคาะประตู ประตูบานนั้นก็ถูกผลักเข้ามาพร้อมกับใครคนนั้นที่ฉันเพิ่งถามหากับยัยพิมเมื่อกี้เดินเข้ามาพร้อมกับมือที่มีทั้งถุงใส่เงาะและถุงใส่กล่องโฟมที่ฉันคาดว่าจะเป็นข้าวของยัยพิมเพื่อนฉันนั่นเอง เอกส่งยิ้มที่ละลายหัวใจมาให้ฉันเมื่อเห็นฉันกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงส่งยิ้มที่เซียวเล็กน้อยให้เค้าอยู่
อ่ะนี่ข้าวผัดกระเพราไก่เผ็ดๆพร้อมไข่ดาวของพิม เอกส่งกล่องโฟมที่ใส่ข้าวให้ยัยพิมที่นั่งอยู่บนโซฟายาวข้างๆเตียง แล้วเอกก็วางถุงเงาะไว้บนโต๊ะข้างๆเตียงก่อนที่จะหันมาคุยกับฉัน เป็นไงบ้างมีนา ดีขึ้นรึยัง
อืม ดีขึ้นแล้วล่ะ ขอบคุณมากนะเอกที่พาเรามาส่งโรงพยาบาล ฉันบอกกับเขาพร้อมกับส่งยิ้มที่คิดว่าสวยที่สุดในตอนนี้ไปให้เขา ซึ่งฉันก็ได้รับรอยยิ้มของเขากลับมาเป็นของตอบแทน ไม่เป็นไรหรอก แต่วันหลังมีนาเป็นอะไรก็บอกเราหน่อยนะ เราจะได้ไม่ตกใจแทบแย่เหมือนวันนี้ ฉันส่งยิ้มไปให้เขาเป็นการตอบรับ ส่วนยัยพิมก็กระแอมขึ้นมาคล้ายกับข้าวติดคอยังไงอย่างงั้น ฉันทำเป็นไม่สนใจ ก็แหมนานๆทีฉันถึงจะได้คุยกับเอกอย่างนี้ ถึงแม้ว่าตอนนี้ฉันกับเอกเหมือนยังมีเรื่องค้างคากันอยู่ แต่ณ.ช่วงเวลานี้ฉันขอเลือกที่จะลืมเรื่องต่างๆก่อนละกัน
ฉันกับเอกนั่งคุยกันได้สักครู่ คุณหมอกับคุณพยาบาลก็เดินเข้ามาตรวจฉัน คุณหมอรูปหล่อบอกกับฉันว่าคืนนี้ฉันคงต้องค้างที่นี่สักคืน พรุ่งนี้ค่อยกลับบ้านได้ แล้วก็เตือนให้ฉันกินข้าวให้ตรงเวลาแถมยังขู่อีกด้วยว่าถ้าขืนฉันไม่ยอมกินข้าวให้ตรงเวลาอย่างนี้อยู่อีกละก็กระเพาะฉันได้ทะลุแน่ๆ พูดอย่างนี้คุณๆทั้งหลายคงไม่เห็นภาพแต่คุณหมอสุดหล่อนี่สิค่ะ บรรยายซะจนฉันเห็นภาพเลย เมื่อตรวจพร้อมขู่เรียบร้อยแล้วคุณหมอก็ออกจาห้องไปพร้อมคุณพยาบาลที่ทิ้งถ้วยตะไลพร้อมกับยาเม็ดเล็กๆอีกสองเม็ดเอาไว้ให้ฉันดูต่างหน้า
แกจำเอาไว้เลยนะยัยพิม แกไม่เป็นโรคกระเพาะบ้างก็แล้วไปนะ ฉันพูดกับยัยพิมอย่างงอนๆ จะไม่ให้งอนได้ยังไงก็พอคุณหมอกับคุณพยาบาลออกจากห้องไปยัยพิมก็หัวเราะสีหน้าที่คงดูตลกมากของฉันใหญ่เลย ส่วนเอกก็กลั้นหัวเราะเอาไว้อย่างสุดความสามารถ
เออๆ หยุดหัวเราะก็ได้ แกก็ทำตามที่หมอรูปหล่อเขาบอกด้วยละกัน ไม่งั้นกระเพาะแกได้ทะลุตามที่หมอเขาขู่แกแน่เลย ยัยพิมพูดหลังจากที่พยายามหยุดหัวเราะได้แล้ว ฉันเลยได้โอกาสรีบร้องบอกเพื่อนตัวแสบด้วยน้ำเสียงน่าสงสารทันที งั้นแกช่วยฉันหน่อยดิ ตอนนี้ฉันเริ่มหิวแล้วกว่าโรงพยาบาลจะเอาข้าวมาให้กระเพาะฉันได้ทะลุแน่ๆเลย
อะไรล่ะ ยัยพิมพูดพร้อมกับมองหน้าฉันอย่างไม่ไว้วางใจ ฉันรีบทำหน้าใสซื่อพร้อมกับบอกออกไปว่า อยากกินราดหน้าอ่ะ แกไปซื้อให้หน่อยดิ นะ นะ
จะบ้าเหรอแก แกจะให้ฉันไปหาซื้อราดหน้าที่ไหนให้แก ยัยพิมแหวออกมาทันทีที่ฉันพูดจบ ก็แหมคนมันอยากกินนี่หน่า และแล้วเสียงของอัศวินม้าขาวที่นั่งฟังฉันกับยัยพิมโต้กันอยู่นั้นก็พูดขึ้นว่า เดี๋ยวเราไปซื้อให้ก็ได้ เลยโรงพยาบาลไปหน่อยมีร้านขายราดหน้าอยู่
เอ่อ...ไม่เป็นไรหรอกเอก ฉันรีบพูดขึ้นด้วยความเกรงใจถึงแม้จะอยากกินจริงๆก็เถอะ
ไม่เป็นไรเหมือนกัน เราไปซื้อให้ก็ได้ เอกยังคงยืนยันตามเดิม แต่ฉันก็ยืนยันคำเดิมเหมือนกัน จนยัยพิมทนไม่ได้ ไม่ต้องไปทั้งคู่แหละ ฉันไปเองก็ได้ ฉันหันไปยิ้มให้กับพิมอย่างขอบคุณสุดซึ้ง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก และแล้วเสียงประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง ฉัน พิม เอก มองหน้ากันแล้วเจ้าของเสียงเคาะประตูนั้นก็โผล่หน้าขาวๆเข้ามา อ๋อ! นายตี๋ตาตี่เพื่อนของเอกนี่เอง นายพลเดินเข้ามาพร้อมกับถุงเงาะในมือ เงาะอีกแล้ว สงสัยช่วงนี้เงาะออกเยอะทั้งเอกทั้งพลเลยซื้อเงาะมาเหมือนกันโดยมิได้นัดหมาย
แกก็ซื้อเงาะมาเหมือนกันเหรอว่ะพล ข้าก็ซื้อมาเหมือนกัน เอกทักเพื่อนของเขาเมื่อเห็นในมือของเพื่อนถือถุงเงาะเหมือนกัน ส่วนนายพลเพื่อนของเขาก็หัวเราะออกมาให้กับความบังเอิญนั้น ทำให้ทั้งฉันและพิมหัวเราะออกมาด้วยเหมือนกัน ก็ข้าเห็นเงาะขายเต็มเลยนี่หว่า ก็เลยซื้อมา ใครจะไปรู้ว่าข้ากับเอ็งใจจะตรงกันขนาดนี้ หวัดดีมีนา เป็นไงบ้าง ท้ายประโยคเขาหันมาทักฉันพร้อมกับถามไถ่อาการของฉัน
ก็ดีขึ้นแล้วล่ะ ขอบคุณนะที่มาเยี่ยม ฉันตอบเขาออกไปอย่างอารมณ์ดี
นี่ๆ พิมสะกิดแขนของนายตี๋ตาตี่นั่นยิกๆ เมื่อเขาหันมามองเป็นเชิงถามว่าอะไร ไปข้างล่างกับฉันหน่อยดิ ฉันจะไปซื้อราดหน้าให้ยัยมีนามัน แต่ฉันไม่รู้ว่าร้านมันอยู่ตรงไหน นายไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยดินะ นายนั่นพยักหน้ารับอย่างงงๆ เขาคงงงว่ายัยพิมเพี้ยนรึเปล่า แต่ก็ยอมให้ยัยพิมลากไปโดยดี แต่ก่อนที่ยัยพิมจะลากนายนั่นออกจากห้องไป พิมหันมากระซิบกระซาบอะไรกับเอกก็ไม่รู้ เอกพยักหน้ารับยิ้มๆ ฉันสงสัยจังเลยว่าสองคนนั้นกระซิบอะไรกัน หรือว่ายัยพิมวางแผนจะแกล้งฉัน ไม่ได้การล่ะ เมื่อคิดได้อย่างนั้นฉันก็รีบหันขวับไปทางเอกที่กำลังนั่งมองมาที่ฉันพอดี เหมือนเขาจะรู้เลยว่าฉันจะต้องมีปฏิกิริยาอย่างนี้
เอ่อ...เมื่อกี้เอกกระซิบอะไรกับพิมเหรอ พิมมันวางแผนจะแกล้งอะไรเรารึเปล่าอ่ะ ฉันถามออกไปกระดากอยู่เหมือนกันก็แหมสองคนนั่นอาจจะคุยกันเรื่องอื่นก็ได้ แต่ทำไงได้อ่ะ ถามไปแล้วนี่หน่า
เปล่า พิมไม่ได้จะแกล้งอะไรมีนาหรอก เอกบอกกับฉันด้วยน้ำเสียงทุ้มๆฟังดูอบอุ่นที่สุด
แน่ใจนะ เราล่ะไม่ไว้ใจพิมเลย ยัยนี่บทจะคิดอะไรแผลงๆก็ไม่น่าไว้วางใจเลย ฉันถามเอกอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เอกพยักหน้าให้ฉันเป็นการยืนยัน
ฉันกับเอกนั่งดูโทรทัศน์กันเงียบๆสักพัก ทำไมสองคนนั่นไปซื้อนานจังเลยนะ ไปปลูกผักคะน้ากันอยู่หรือไงนะ ฉันนั่งบ่นในใจ และแล้วเอกก็พูดขึ้นมาว่า มีนาอยากรู้รึเปล่าว่าเมื่อกี้พิมกระซิบอะไรกับเรา
อืม ฉันพูดพร้อมกับพยักหน้าเป็นการยืนยัน แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่ามันอาจจะไม่เหมาะ ฉันก็รีบพูดขึ้นว่า แต่ถ้ามันบอกไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะ
บอกได้มันไม่ใช่ความลับอะไรหรอก และที่สำคัญมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับมีนาโดยตรงเลยด้วย เอกบอกกับฉันด้วยน้ำเสียงทุ้มๆอบอุ่น สายตาของเขาก็เป็นประกายแปลกๆ ฉันสบตากับเขาอยู่ได้ไม่นานก็ต้องหลบมามองตัวเองที่วางไว้บนตักแทนพร้อมกับที่รู้สึกว่าอุณหภูมิบนหน้าของฉันก็สูงขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ ฉันได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆของเอก อุณหภูมิบนหน้ายิ่งพุ่งสูงปรี๊ด
ถึงมีนาไม่อยากรู้ แต่เราก็อยากบอก เอกบอก ฉันได้แต่พยักหน้ารับเบาๆ แต่ก่อนอื่นมีนาต้องเงยหน้าขึ้นมาก่อน ไม่งั้นจะคุยกันได้ยังไง ฉันทำใจอยู่สักครู่ เอกก็น่ารักเขารอจนฉันพร้อมที่จะเงยหน้ามาคุยกับเขาอย่างใจเย็น เมื่อฉันเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขาแล้ว เขาก็ส่งยิ้มอย่างอบอุ่นมาให้ฉัน แล้วเอกก็เริ่มพูด พิมจำวันนั้นได้มั้ย วันที่มีนาเดินมาหาพิมที่คณะอ่ะ แล้วเจอเรายืนอยู่กับผู้หญิงคนนึงใต้ต้นไม้ริมทางเดินอ่ะ ฉันพยักหน้าเป็นสัญญาณรับรู้ จำได้ซิฉันจำได้ติดตาเลย แถมยังจำคำพูดของเอกได้ด้วย ผมรักคุณ คุณคบกับผมนะ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้น้ำตาก็เอ่อขึ้นมาที่ขอบตาอย่างห้ามไม่อยู่ ไม่ได้นะ ฉันจะร้องไห้ไม่ได้ ฉันกระพริบตาถี่ๆเพื่อไล่น้ำตาให้ไหลกลับเข้าไป
แล้วมีนาคงได้ยินคำพูดที่ผมพูดกับผู้หญิงคนนั้น เอกพูดต่ออย่างช้าๆ มาถึงตรงนี้ฉันห้ามไม่ได้แล้ว น้ำตาที่ฉันพยายามไล่ให้มันกลับเข้าไป มันกลับไหลออกมาหยดลงบนแก้มจนฉันรู้สึกได้ถึงความอุ่นของมันตามทางที่มันผ่าน เอกเอื้อมมือที่มีนิ้วเรียวยาวมาที่หน้าฉันช้าพร้อมกับพึมพำขออนุญาตฉันเบาๆ เอกใช้นิ้วโป้งทั้งสองข้างของเขามาเช็ดน้ำตาให้ฉันเบาๆ ฉันรู้สึกเหมือนตัวเบาๆยังไงก็ไม่รู้ แล้วเอกก็เก็บมือเขาไปไว้ที่เดิม
อย่าเพิ่งร้อง ฟังเราให้จบก่อนนะ เอกบอกช้าๆ รู้สึกตอนนี้ฉันจะเป็นใบ้ไปแล้วเพราะฉันได้แต่พยักหน้ารับ สิ่งที่มีนาได้ยินน่ะ มันเป็น...
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะการพูดของเอก เราสองคนมองไปที่ประตูเพื่อมองหน้าของคนที่ก้าวเข้ามา
อ่ะยัยมีนา ราดหน้าของแกมาแล้ว ผู้บุกรุกเป็นยัยพิมกับนายพลสองผู้อาสาไปซื้อราดหน้าให้ฉันนั่นเอง ฉันส่งยิ้มไปให้ยัยพิมอย่างเจื่อนๆ ยัยพิมจัดการเทใส่จานที่มันคงไปซื้อมาจากร้านค้าของโรงพยาบาลพร้อมเอามาเสิร์ฟให้ถึงหน้าฉัน ขอบคุณแก เอกลุกขึ้นจากเก้าอี้ข้างเตียงที่นั่งอยู่เปลี่ยนไปนั่งที่โซฟายาวที่เพื่อนของเขานั่งอยู่ก่อน
นี่แกดูรายการอะไรอยู่น่ะ พิมถามฉันเมื่อเห็นว่ารายการโทรทัศน์ที่ฉันและเอกไม่ได้สนใจเป็นรายการเพลงลูกทุ่งซึ่งไม่ใช่สไตล์ของฉันและไม่น่าจะใช่รายการโปรดของเอกด้วย
ไม่รู้ แกฉันขอเครื่องปรุงหน่อยสิ ฉันตอบแบบไม่สนใจพลางร้องขอเครื่องปรุงเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเพื่อนฉัน ส่วนสองหนุ่มที่นั่งอยู่ที่โซฟายาวนั้นคุยอะไรกันฉันก็ไม่รู้เพราะเขาคุยกันเบามาก แต่ตอนนี้ฉันก็ไม่ได้สนใจหรอกว่าเขาสองคนจะคุยอะไรกัน ฉันสนใจอย่างเดียวว่าเมื่อกี้เอกเขาจะพูดอะไรต่อ
เมื่อกี้เอกเขาคุยอะไรกับแกรึเปล่า ยัยพิมที่นั่งอยู่ข้างเตียงกระซิบข้างหูฉันเบาๆ ฉันพยักหน้าให้เป็นการตอบรับ เขาคุยแล้วทำไมแกถึงทำหน้าเซ็งโลกอย่างนี้อยู่อีกล่ะ ยัยพิมกระซิบถามต่อ ก็เพราะแกกับนายพลตาตี่นั่นแหละแหละที่เข้ามาขัดจังหวะ เปล่าหรอกนะ ฉันไม่ได้ตอบมันกลับไปอย่างนี้หรอก ฉันกลับบอกมันอย่างเซ็งๆว่า แล้วแกจะให้ฉันดีใจเรื่องอะไรล่ะ
อ้าว! อย่างนี้แสดงว่าพูดกันยังไม่รู้เรื่องอ่ะสิ พิมกระซิบถามต่อ ฉันพยักหน้ารับตอบอย่างเนือยๆ แล้วก็ก้มหน้าก้มตาจัดการราดหน้าตรงหน้าต่อไป และหลังจากนั้นฉันก็ไม่ได้คุยกับเอกด้วยเรื่องนั้นต่ออีกเลย
จากคุณ :
Crystal Star
- [
3 ก.ย. 49 22:36:36
]