๑. ขอรักความปอนปอนตลอดไป
๏ แสงเรืองเรืองลอยฟ้ามาลิบลิบ
ตีนฟ้าเพริศพรายกระพริบผ่องภูผา
หมอกยังมีมัวมัวยั่วสุริยา
แหละนกกาเจื้อยแจ้วกระจายไพร
๏ เป็นเช้าตรู่ตรูตราติดตายิ่ง
ใกล้เข้ามาอ้อยอิ่งควันนิ่ง-ไหล
คนในครัวคั่วแกงตกแต่งไอ
เช็ดหม้อข้าวทอดไข่เตรียมไว้กิน
๏ น้ำล้างหน้าทาศรีเข้าที่หน้า
บ้วนชบาเปียกอาบกุหลาบหิน
แปรงฟันแล้วลูบคางล้างมลทิน
สดชื่นดีลงดินไปด้อมเดิน
๏ หยิบข้าวเปลือกโปรยหว่านกลางลานโล่ง
เสียงไก่โต้งเป่าแตรก่อนแห่เหิน
แม่ไก่คุมลูกครอกเฝ้าหยอกเอิน
ปากจุ๊กจิ๊กจิกเพลินป้อนพร้อมเพรียง
๏ เล้าหมูเหม็นแต่เย็นวานด้วยคร้านล้าง
หมูดุนรางข้าวขึ้งตะบึงเสียง
ข้าวลงรางลุยหมับจั๊บจั๊บเจรียง
ซอยต้นกล้วยโยนเกลี้ยงแย่งกันกรู
๏ หยิบมีดขอล้อคมชมแล้วทื่อ
จะหนักมือฟันสับต้องลับถู
เสียงแกรกกรากลากไล้ลูบใบดู
ปลายมันทู่แต่คมเที่ยงก็เพียงพอ
๏ คนบนเรือนร้องว่ามากินข้าว
แดดเริ่มอ้าวเดินแอ่นแล่นเข้าหอ
ไอ้ตัวเล็กเรียบร้อยนั่งคอยรอ
ชุดนักเรียนรูปหล่อเหมือนพ่อมัน
๏ ชีวิตงามตามเพศเกษตรพาด
แช่มชื่นตามธรรมชาติที่วาดสรรค์
สุขจริตจิตใจแห่งไพรวัลย์
ผนึกแน่นนิรันดร์เกินบั่นทอน
๏ ชบาไพรไหวรับสายลมสาย
ยิ่งเซิ้งส่ายยิ่งต้องกามเทพศร
ขอสถิตสนิททุ่งผดุงดอน
ขอรักความปอนปอนตลอดไป ๚ะ๛
แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 49 02:29:27
แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 49 17:36:41
จากคุณ :
ราม ลิขิต
- [
8 ก.ย. 49 02:50:01
]