คำชวนตกสวรรค์
มันเป็นวันที่น่ายินดีของหมู่บ้านดอนเทพซึ่งตั้งอยู่ในชนบทที่ห่างไกลจากตัวเมือง ถึงหมู่บ้านแห่งนี้จะตั้งอยู่ในป่าลึกห่างไกลจากความบันเทิงแห่งแสงสีศรีวิไลก็ตาม ที่ปีนี้ก็ยังอุตส่าห์มีพระรูปใหม่เดินทางเข้ามาจำพรรษาที่วัดป่า อันเกือบจะร้างเนื่องด้วยเหลือพระจำวัดอยู่เพียงสามรูปเท่านั้น
หลวงพี่นากร พระใหม่ใบหน้าคมคาย ซึ่งทำพิธีอุปสมบทรับใช้ศาสนามาตั้งแต่ยังเด็กๆ จนวัยตอนนี้ล่วงเลยเข้าเบญจเพศ เดินทางจากอำเภอหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานี ก่อนจะเดินทางมาหมายจำพรรษาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ ไม่มีใครรู้ว่าหลวงพี่นากรเป็นลูกเต้าเหล่าใคร หรือมีความสัมพันธ์อะไรกับหมู่บ้านแห่งนี้จึงได้เจาะจงเดินทางนานนับวันมาที่นี่ แถมแล้วยิ่งความตื่นเต้นดีใจของชาวบ้านที่มีพระใหม่เข้ามาในหมู่บ้านแล้วด้วย ใครล่ะจะสนใจกับเรื่องหยุมหยิมเหล่านั้น.... ทุกคนมัวแต่ตื่นเต้นกับรอยยิ้มร่าของคนเฒ่าคนแก่ที่ไม่ได้เห็นมานานเต็มทน
หลวงพี่นากรจัดเป็นพระหนุ่มที่เทศน์ได้ลึกซึ้งกินใจบรรดาป้าแก่แม่ยกทั้งหลาย ทุกครั้งที่สำนวนที่ไพเราะนั้นพรั่งพรูออกจากปากผิดกับรูปลักษณ์ท่าทางของพระหนุ่มวัยยี่สิบเศษ ก็ยิ่งทำให้ความศรัทธาลุกลามไปอย่างรวดเร็วเหมือนไฟไหม้ฟาง ไม่นานหลวงพี่นากรก็กลายเป็นหัวข้อสนทนาประจำวันของหมู่บ้านไปโดยปริยาย จนถูกชาวบ้านยกยอว่าเป็นนักเทศน์อันดับหนึ่งของตำบลด้วยศรัทธาที่แรงกล้า
ความศรัทธาที่รินล้นไหลเอ่อออกออกจากหมู่บ้านไปสู่หมู่บ้านใกล้เคียง ปากต่อปากก็ยิ่งทำให้เกิดข่าวลือที่บิดเบือนต่างๆนานา ลือกันให้แซ่ดว่าที่จริงหลวงพี่นากรเป็นสาวกของพระพุทธองค์ตั้งแต่ปางก่อนกลับชาติมาเกิด แล้วนำคำเทศนาของพระพุทธเจ้าตั้งแต่กาลโน้นมาสั่งสอนคนให้บรรลุธรรม มันก็ยิ่งทำให้ชาวบ้านจากทั่วสารทิศแห่แหนกันมาขอนมัสการฟังเทศฟังธรรมจนเต็มลานวัดโล่งๆ ที่มีเพียงต้นหญ้ารกทึบและแสงแดดแรงกล้าที่ไม่อาจบั่นทอนความศรัทธาลงได้แม้แต่น้อย
ยิ่งนาน ยิ่งมีคนมาเคารพหลวงพี่นากรมากขึ้นเท่าใดหมู่บ้านก็ยิ่งเจริญขึ้นๆตามลำดับมากเท่านั้น ชาวบ้านพากันเอาของกินมาวางขายให้แก่ผู้ศรัทธาที่หน้าวัด มีกระทั่งการตั้งโต๊ะให้เช่าวัตถุมงคลจนกลายเป็นการสร้างรายได้ให้กับหมู่บ้านมากขึ้นเท่านั้น หลวงพ่อผู้ชราภาพ และอาพาตออดๆแอดๆมานานหลายปีก็ค่อยรู้สึกวางใจว่าหลวงพี่นากรผู้นี้ล่ะ จะเป็นผู้สืบทอดเจตนาของสงฆ์ให้ชาวบ้านปฏิบัติตามได้ในอนาคตต่อไป
.. หลวงพี่เองก็รู้สึกดีใจที่มีญาติโยมมากมายมาศรัทธาเชื่อถือตน ซึ่งหลวงพี่ก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะปฎิบัติกิจของสงฆ์ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง เพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาต่อไป
หลวงพี่เมื่อไหร่จะให้ศีล ให้พรพวกกระผมซักที! ขี้เมาสม นักเลงหวยประจำหมู่บ้านที่ขยันเข้าวัดเข้าวาด้วยจุดประสงค์ต่างจากผู้อื่นเอ่ยขึ้นในวันหนึ่ง
อาตมาก็ให้ศีล ให้พรทุกครั้งที่พวกโยมมาเข้าวัดทำบุญทำทานทุกเช้าค่ำนั่นล่ะโยม หลวงพี่นากรกล่าวขึ้นด้วยกิริยาสงบนิ่ง
มิใช่เช่นนั้นดอกหลวงพี่ ไอ้ศีลพรพวกนั้นพวกกระผมก็ได้รับจนอิ่มหนำดีทุกวันอยู่แล้ว ขี้เมาสมเหลียวมองดูซ้ายขวาอย่างหวาดๆ พอเห็นคนอื่นๆมัวแต่สนใจยกมือขึ้นอธิฐานพึมพำหลังจากเอาสตางค์ในกระเป๋าใส่ลงในตู้บริจาคโดยไม่สนใจตนแล้ว เขาก็หันกลับมาเอามือป้องปากพูดกับหลวงพี่นากรอย่างแผ่วเบา
กระผมหมายถึงการให้ศีล ให้พรแบบอื่นๆต่างหากล่ะท่าน ขี้เมาสมเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก
ที่โยมสมพูดหมายถึงกระไรรึ!? หลวงพี่นครถามด้วยความงง แต่ขี้เมาสมกลับเกาหัวแกรกๆด้วยความหนักใจความด้อยประสบการณ์ทางโลกของหลวงพี่นากร ในที่สุดแกก็ตัดสินใจพูดให้ชัดๆขึ้นว่า
กระผมหมายถึง การให้โชคให้ลาภแก่ญาติโยมบ้างน่ะพระคุณท่าน
หลวงพี่แทบจะร้องอ๋อ!!....เมื่อเข้าใจความหมายของขี้เมาสม แต่มิวายยังรักษาท่าทีวางตัวให้สมกับการเป็นศิษย์ของพระพุทธองค์
การทำเช่นนั้น มันขัดกับหลักสงฆ์นะโยมสม! ขี้เมาสมจุ๊ปากเป็นสัญญาณให้เงียบ ก่อนที่จะกระซิบบอกหลวงพี่ด้วยเสียงที่แผ่วเบาว่า
ช่างหัวกฎมันสิท่าน กฎพวกนั้นน่ะท่านไม่ได้เป็นคนเขียนขึ้นมาเองเสียหน่อย หลวงพี่นากรยังคงมีทีท่าไม่สบายใจ ตาสมจึงเสริมเหตุผลเข้าไปอีก
น่าท่าน...! ทำหนเดียวก็ไม่ได้เสียหายอะไร ท่านลองคิดดูสิว่าจะดีเพียงใดหากท่านมีลูกศิษย์ลูกหามาเคารพท่านขึ้นอีกมากโข เผลอๆดีไม่ดี วัดบ้านเราที่แทบจะรกร้างเต็มทนนี่อาจจะได้บุญได้กุศลพัฒนาตามแรงศรัทธาไปไกลอีกโขด้วยซ้ำ
หลวงพี่นากรยังคงนิ่งอยู่ เพราะคิดหนักถึงผลได้ผลเสียที่ตามมา มันก็จริงของตาสมที่ตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องยากเลยหากหลวงพี่นากรจะใช้การใบ้หวยเพื่อเพิ่มความศรัทธา ขนาดแค่ฝีปากตอนนี้ของหลวงพี่นากรก็พอเพียงแล้วเสียด้วยซ้ำกับการกล่อมคน ถึงกระนั้นการทำแบบที่ตาสมบอกมาเลยมันก็ไม่ถูก เพราะหลวงพี่คิดยังไงก็เห็นแต่ผลเสียมากกว่าผลดี
เผลอๆ... ที่วัดจะได้ศาลาการเปรียญด้วยนะท่าน!? ด้วยคำพูดคำนี้ของตาสมนั้นล่ะ ที่ทำให้วิถีชีวิตของหลวงพี่นากรต้องเปลี่ยนไปจากนักเทศน์ฝีปากดี กลายเป็นอีกอย่างหนึ่งที่ขัดกับอุดมการณ์ดั่งเดิมของตัวหลวงพี่เอง
หลวงพี่นากรเริ่มเรียนรู้วิธีการหยดเทียนในนำมนต์ให้แปลกๆ เหมาะแก่การตีความหมายแฝงได้เป็นนัยๆ ในขณะที่ตาสมก็เริ่มไปเสาะแสวงหาต้นไม้พันธ์แปลกๆมาปลูกในวัด หาสัตว์ที่ดูแปลกพิสดารมาปล่อยลงทั้งลานวัด และบ่อน้ำของวัด โดยที่มีเจ้ามือหวยประจำหมู่บ้านทำตัวเป็นเจ้ากรมข่าวลือช่วยปล่อยข่าวลือเรื่องอิทฤทธิ์ปาฎิหารเกี่ยวกับหลวงพี่นากร ซึ่งเป็นเรื่องพร่ำโม้งี่เง่าที่แต่งขึ้นมาให้มันโหมมากกว่าความเป็นจริง.... คนในหมู่บ้านเริ่มถูกหวยกันมากบ้างน้อยบ้าง จนมาถึงหวยงวดหนึ่งที่เป็นเหมือนฟ้าผ่าดังเปรี้ยงมาที่หมู่บ้านดอนเทพแห่งนี้!
เลขเด็ดจากพระนครทำให้คนทั้งหมู่บ้านดอนเทพถูกหวยรวยกันถ้วนหน้า....!!
ขนาดตัวหลวงพี่นากรเองยังถึงกับลืมกิริยาอันบังควรของสงฆ์ เผลอกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจอยู่บนกุฏิเสียงดัง จนหลวงพ่อที่เฝ้ามองกิริยานั้นอยู่ต้องตะโกนด่า...!
แล้วสิ่งที่ขี้เมาสมกล่าวไว้ก็เป็นความจริง วัดที่เกือบร้างของหมู่บ้านแห่งนี้ถูกถากถางกอหญ้ารกทึบออกเสียใหม่จนดูโล่งตา ที่กลางลานวัดที่ว่างเปล่าก็ถูกทดแทนด้วยศาลาการเปรียญหลังใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยเงินบริจาคของชาวบ้าน(ซึ่งส่วนใหญ่ถูกหวย) พร้อมกับกุฏิหลังใหม่ของหลวงพี่นากรที่ติดแอร์เสียเย็นฉ่ำ พรั่งพร้อมไปด้วยอุปกรณ์ไฟฟ้าครบครัน จากเหตุการณ์นี้ตัวขี้เมาสมเองก็พลอยได้ดีไปด้วย จนกลายเป็นเศรษฐีสมไปในชั่วค่ำคืน
แต่ภาพความเจริญที่ผิดธรรมดาพวกนี้ มันทำให้หลวงพ่อที่ชราภาพมากแล้วไม่ค่อยสบายใจมากมากนัก.....!!
เคยมีคนกล่าวว่า เมื่อคนเรามีปัจจัยมากขึ้น จิตใจก็มักจะเสื่อมมากขึ้นตามไปด้วยไม่เว้นแม้แต่ตัวของหลวงพี่นากรเองที่กำลังจะกลายเป็นเช่นนั้น
ไม่นานหลวงพี่นากรก็กลายเป็นเหมือนพระพุทธรูปทรงเครื่องที่เต็มไปด้วยเงินทองที่ญาติโยมนำมาสุมกองถวายกันจากทุกทั่วสารทิศ ยิ่งนานพระนครก็ยิ่งหลงคะนองว่าตนเองสำคัญผิดจากสงฆ์รูปอื่นๆ หลวงพี่เริ่มหยิ่งจองหองมากยิ่งขึ้นๆจนไม่แม้แต่จะลงมาเสวนาธรรมกับหลวงพ่อเหมือนในอดีตอีกต่อไป
แต่.... จากสายตาของคนนอกที่ไม่รู้เบื้องลึกหนาบางข้างในวัด ใครๆก็คิดว่าเจ้าอาวาสคนต่อไปหลังจากหลวงพ่อมรณภาพแล้ว คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากหลวงพี่นากรเป็นแน่
ทุกคืนหลวงพ่อชอบออกมานั่งอ่านหนังสืออยู่เงียบๆทุกเย็น ที่ใต้ต้นไทรใหญ่ที่ยืนต้นอยู่ใกล้ๆริมกุฏิของหลวงพี่นากรโดยอาศัยเพียงแสงไฟเล็กน้อยจากเสาไฟนีออนจากใต้ศาลาการเปรียญหลังใหม่เท่านั้น แต่คืนนี้หลวงพ่อรู้สึกว่าทุกอย่างมันแปลกไปจากวันปกติ ทั้งๆที่วันนี้หลวงพ่อยังไม่ได้เดินไปเปิดไฟที่ศาลาการเปรียญเพื่ออ่านหนังสือเช่นทุกครา แต่หลวงพ่อกลับสามารถมองเห็นตัวหนังสือได้อย่างชัดเจนด้วยแหล่งไฟจากที่อื่น
หลวงพ่อมองไปตามทิศทางแสงที่ตกมากระทบกับหนังสือในมือ ท่านเห็นแสงไฟจากกุฏิของหลวงพี่นากรสว่างจ้าเป็นประกายอยู่ในความมืด ซึ่งมันก็ไม่แปลกที่ยามเย็นเช่นนี้หลวงพี่นากรจะเปิดไฟเพื่อให้เห็นสิ่งรอบกายในความมืดของกุฏิ มันจะไม่แปลกถ้าหลวงตาไม่บังเอิญมองไปเห็นร่างๆหนึ่งในเงามืดเดินลัดเลาะริมรั้ววัดเดินตรงขึ้นไปยังประตูกุฏิของหลวงพี่นากรอย่างรวดเร็ว...!!
หลวงพ่อหรี่ตาลงมองฝ่าความมืด หลงพ่อเห็นร่างๆนั้นท่าทางลุกลี้ลุกลนท่าทางน่าสงสัย ร่างนั้นเคาะประตูกุฏิของหลวงพี่นากรสองสามครั้งเบาๆก่อนที่ประตูจะเปิดออก แล้วมีหลวงพี่นากรโผล่หน้าออกมามองซ้ายมองขวาอย่างหวาดๆ ก่อนที่จะรีบดึงร่างนั้นเข้าไปในกุฏิโดยไว
หลวงพ่อใช้ใบไม้แห้งขั้นหน้าหนังสือที่อ่านค้างไว้ แล้วลุกเดินไปที่กุฏิของหลวงพี่นากรด้วยความสงสัย ท่านค่อยๆเดินขึ้นบันได้อย่างช้าๆด้วยสังขารที่โรยรา แต่พอจะเคาประตูเรียกหลวงพี่นากรท่านก็ต้องหยุดเพราะเห็นเงาสีดำวูบวาบขยับไปมาผ่านรอยแยกเล็กๆของผ้าม่าน จากหน้าต่างข้างๆตัวหลวงพ่อที่สูงระดับเทียมหัว
ลานวัดในยามเย็นช่างเงียบสงบสมกับเป็นสถานที่พำนักของสงฆ์ แต่บางครั้งความเงียบนั้นมันก็ทำให้คนเราได้ยินเสียงบางอย่างชัดเจนจนเกินไป ตอนนี้ก็เช่นกัน ความเงียบมันทำให้หลวงพ่อได้ยินเสียงกระเส่าเย้ายวนของสตรีเพศจากในกุฏิของหลวงพี่นากรได้อย่างชัดเจน...... หลวงพ่อรู้สึกใจหายวาบ ขณะที่กำลังพยายามเขย่งปลายเท้าดันตัวขึ้นไปที่หน้าต่างข้างๆจนสามารถส่องดูสถานการณ์ภายในห้องจากรอยแยกของผ้าม่านนั้นได้อย่างถนัด
ภาพเบื้องหน้าของหลวงตาชรา คือภาพของเนื้อหนังของบุคคลสองคนกำลังเสียดสีกันไปมาด้วยอารมณ์ราคะอันร้อนแรง....!!
หลวงตารู้สึกหน้าร้อนผ่าว ในขณะที่ค่อยๆเดินกลับมากุฏิของหลวงพี่นากรมาด้วยน้ำตาที่ไหลเปื้อนบนใบหน้าที่เหี่ยวย่น..
ทางวัดขอขับพระนากรออกจากวัด เนื่องจากทำตัวไม่สมควรตามกิจแห่งสงฆ์ หลวงพ่อกล่าวขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา ท่ามกลางความตกตะลึงของชาวบ้านที่มาร่วมฟังเทศน์ตอนเช้ากันเต็มศาลาการเปรียญ
จากคุณ :
อัจฉริยะมืด
- [
8 ก.ย. 49 10:28:07
A:unknown X:203.155.120.61
]