สายตาของผมยังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าอันขาวนวลของเธอ ดวงตากลมโตคู่นั้นส่องประกายแห่งความไร้เดียงสาออกมาอย่างเด่นชัด เส้นผมดำขลับยาวสลวยเป็นเงางาม ทุกสิ่งสรรพของเธอติดตรึงใจผมตั้งแต่แรกพบ
ผมรู้จักเธอในตอนเปิดเทอมวันแรก ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นของการเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งนี้ อาจารย์ให้นักศึกษาแนะนำตัวทีละคนหน้าชั้นเรียน ทุกคนในห้องทยอยออกไปแนะนำชื่อตัวเอง การแนะนำตัวยังคงดำเนินไปเรื่อยๆ จนผมเริ่มเบื่อ เพราะไม่มีใครสามารถดึงดูดความสนใจของผมได้เลย จนกระทั่ง! เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้น หลังประตูบานนั้นปรากฏร่างหญิงสาวผิวขาวผมยาวสลวยในชุดนักศึกษานางหนึ่ง สายตาทุกตู่เหมือนจะจับจ้องไปยังเธอผู้นั้นพร้อมกัน มันเป็นธรรมดาอยู่แล้วที่ทุกคนจะให้ความสนใจเธอเป็นพิเศษ ก็เพราะเธอเข้าห้องมาหลังจากที่อาจารย์เข้าสอนไปแล้วครึ่งชั่วโมงน่ะสิ
รู้ไหมนี่มันกี่โมงแล้ว เสียงของอาจารย์ดังขึ้นหลังเธอเดินผ่านประตูเข้ามา
ไม่มีเสียงตอบใดๆ นอกจากหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มเจื่อนๆ ของเธอ
วันนี้วันแรก ถือว่าไม่เป็นไร แต่วันหน้าห้ามสายเกิน 15 นาทีนะ สิ้นเสียงนั้นเธอจึงเดินเข้าห้องมาพร้อมกับมอง แต่!!
เดี๋ยว!! เพื่อนๆ เขาแนะนำตัวกันไปหมดแล้ว เธอก็ต้องมาแนะนำตัวให้เพื่อนรู้จักด้วย
คำสั่งนั้นทำให้เธอต้องกลับไปยืนที่หน้าห้องอีกครั้ง หน้าตาเธอเหราเหมือนคนที่ถูกปลุกให้ตื่นอย่างกะทันหัน เธอจับไมค์ด้วยมือที่สั่นเทาอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะขยับไมค์เข้าหาตัวแล้วเปล่งเสียงใสๆ ออกมา
ชื่อมโนชา ตั้งระวี ชื่อเล่นชื่อนุ่นค่ะ เธอกล่าวพร้อมกับมองหน้าอาจารย์ แววตาของเธอสื่อเป็นนัยเหมือนจะถามว่า หนูจะไปได้หรือยังคะ
ไม่อยากพูดอะไรกับเพื่อนใหม่หน่อยเหรอ คนอื่นเขาพูดไปหมดแล้วนะ โกหกชัดๆ คนอื่นเขาไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่าเธอเลย อาจารย์คงอยากแกล้งในโทษฐานที่เธอเข้าห้องช้าแน่ๆ
ก็...ก็...ไม่รู้จะพูดอะไร ก็...รักทุกคนแล้วกันค่ะ
เสียงโห่ร้องดังขึ้นพร้อมกับเสียงปรบมือ เธอรีบเดินมาตรงแถวที่นั่งหลังสุดของห้องด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ เหมือนดั่งลูกตำลังสุกปลั่งเต็มที่
ตรงนี้มีใครไหมคะ เธอถามพร้อมกับชี้มายังที่นั่งข้างๆ ผม
ผมสั่นหัวแทนคำตอบ เธอยิ้มหวานให้แล้วนั่งลงตรงเก้าอี้ตัวนั้น แต่เธอไม่รู้หรอกว่าเธอได้นั่งลงกลางหัวใจของผมด้วย
หลังจากวันนั้น ผมกับเธอก็เหมือนดังเส้นขนานที่ไม่เคยมาบรรจบกันอีกเลย แม้ว่าจะเรียนห้องเดียวกัน แต่เราก็ไม่มีโอกาสได้สนทนากันเลยแม้สักครั้ง ถึงกระนั้นก็เถอะผมก็ยังรับรู้ได้ว่าเธอนั้นเป็นคนอ่อนหวานมากเพียงใด ทุกครั้งที่ได้สบตากัน เธอมักจะส่งรอยยิ้มที่แสนหวานมาให้เสมอ และพวกผู้หญฺงในกลุ่มผมยังชอบหยิบเรื่องของนุ่นมาเป็นหัวข้อสนทนาเป็นประจำ ไม่แปลกถ้าหากนุ่นจะถูกพูดถึง ก็เพราะเธอเป็นคนสวยหวานและน่ารักที่สุดในห้องนี่นา สำหรับผมเธอเปรียบเสมือนแก้วใสใบบางๆ ที่น่าทะนุถนอมยิ่งนัก
รุ่งเช้าของวันหนึ่ง ผมขับมอเตอร์ไซด์จากบ้านมาจอดยังที่จอดรถหน้าอาคารเรียน ถอดหมวกนิรภัยออกจากศีรษะพร้อมกับสะบัดหน้าเล็กน้อยเพื่อจัดทรงผม พลัน! สายตาก็เหลือบไปเห็นขาเรียวงามคู่หนึ่งกำลังก้าวลงจากรถเก๋งสีดำ เมื่อมองเลยขาขึ้นไปก็เห็นใบหน้าเนียนใสและแววตาเป็นประกายของนุ่น เธอยกมือที่หอบหนุงสือพะรุงพะรังขึ้นพนมน้อมไหว้บุคคลที่นั่งอยู่ด้านหลังพวงมาลัยก่อนที่จะปิดประตูรถ คงเป็นพ่อของเธอ เมื่อนึกถึงภาพคุณหนูแสนน่ารักมีคุณพ่อคอยรับ ส่งแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ และแล้วความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในสมองอย่างรวดเร็ว
ตอนเย็นหลังเลิกเรียนผมเดินตามนุ่นลงมาจากตึก วันนี้แหละผมต้องรู้ให้ได้ว่าบ้านของเธออยู่ที่ไหน และแล้ว! รถเก๋งสีดำคันเดิมก็มาจอดที่หน้าตึก ร่างอรชรนั้นค่อยๆ ก้าวขึ้นรถอย่างแช่มช้อย ในวินาทีนั้นผมรีบเดินไปคว้ามอเตอร์ไซด์คู่ใจ สตาร์ทรถพร้อมบิดคันเร่งเพื่อขับตามไปทันที
รถคันนั้นขับออกสู่ถนนย่านชานเมือง ผมยังคงขับตามไปโดยทิ้งระยะห่างไว้ประมาณสามคันรถเพื่อจะได้ไม่เป็นที่สังเกต แต่แล้ว!! รถคันนั้นก็เปิดไฟกระพริบด้านซ้ายก่อนที่จะเลี้ยวเข้าเส้นทางนั้น ผมวาดสายตาตามรถคันนั้นไป และต้องสะดุ้งเพราะป้ายที่อยู่หน้าปากทาง
อิน โฮเต็ล ไม่จริง!! ผมคิดพลางจอดรถริมถนนด้านหน้าโรงแรงม่านรูดนั้น ผมถอดหมวกนิรภัยด้วยมือทั้งสองข้างที่สั่นเทา สะบัดหน้าอย่างแรงจนได้ยินเสียงกระดูกลั่น ครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อจัดทรงผม แต่เพื่อเรียกสติให้กลับคืนมา ผมรู้สึกเหมือนตกอยู่ในหลุมพรางอันเต็มไปด้วยไม้แหลม เจ็บแปลบกับบาดแผลที่ถูกทิ่มแทงเข้าตรงกลางหัวใจ มันไปไปได้ยังไง
คืนนั้นผมนอนก่ายหน้าผากอยู่เกือบทั้งคืน ภาพต่างๆ ของนุ่นตั้งแต่แรกเจอจนถึงเมื่อตอนเย็นสลับไปสลับมาอยู่ในสมอง หัวใจมันเต็มไปด้วยสับสน ผมจำไม่ได้ว่าขับรถกลับบ้านมาได้อย่างไรในเมื่อสติสตังของผมได้ลอยหายไปในอากาศหมดแล้ว นุ่นต้องไม่ใช้ผู้หญิงแบบนั้น พรุ่งนี้ผมจะถามเธอ ถ้าไม่ทำแบบนี้คงนอนไม่หลับไปอีกนาน ผมต้องรู้ความจริงจากปากเธอ ผมจะยังไม่ปักใจเชื่อแม้ว่าภาพนั้นจะเป็นภาพที่ผมเห็นเต็มสองตาก็ตาม
เช้าตรู่ของอีกวันผมนั่งรอเธอที่หน้าอาคารเรียน ไม่นานรถเก๋งสีดำคันนั้นก็ค่อยๆ แล่นมาจอดหน้าตึกอย่าเชื่อช้า อา...รถเก๋งสีดำอีกแล้ว รถคันเดิมที่พาเธอเลี้ยวเข้าโรงแรมม่านรูด ผมไม่อยากนึกถึงภาพภายในโรงแรมนั้นเลย ภาพของเธอ... ไม่! มันอาจไม่ใช่ก็ได้ ขาเรียวงามของเธอกำลังก้าวลงจากรถ ใบหน้าของเธอยังคงแลดูสดใสและขาวสะอ้าน เธอเดินตรงมายังอาคารเรียนและผ่านตรงที่ผมนั่ง แว่บเดียว ผมคว้ามือนิ่มๆ ของเธอไว้ เธอสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะฉีกยิ้มและเอ่ยถาม
อ้าวชัย มีอะไรเหรอ?
ขอคุยอะไรด้วยหน่อยได้ไหม ผมถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ พลางปล่อยมือของผมออกจากมือเธอ
ได้สิ เธอตอบพลางนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามผม
เมื่อวานนุ่นไปไหนมา ผมยังคงน้ำเสียงเดิมไว้ สีหน้าของเธอดูกังวลเล็กน้อยก่อนที่จะเอียงคอบอกเป็นนัยให้ผมพูดต่อ
เมื่อวานผมเห็นรถที่มารับนุ่น พานุ่นเลี้ยวเข้า...เอ่อ...โรงแรม ผมเหลือบเห็นเธอสะดุ้งเล็กน้อยก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสีหน้าเย็นชา
แล้วชัยไปเห็นได้ไงล่ะ
เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก มันสำคัญตรงที่ว่านุ่นไปที่แบบนั้นทำไม เธอก้มหน้านิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับดวงตาที่ไร้แวว
ชัยคิดว่าชายหญิงเข้าไปทำอะไรที่โรงแรมล่ะ น้ำเสียงหวานใสของเธอแฝงไว้ถึงความกร้านโลก
เขาเป็นแฟนนุ่นเหรอ
เปล่าหรอก เขาเป็นผู้อุปการะของนุ่นเอง นุ่นเป็นเด็กของเขามาตั้งแต่ม.6แล้ว เธอพูดพลางเบนสายตาไปทางอื่น แววตาของเธอดูเหม่อลอย
ทำไมล่ะนุ่น ทำไมต้องทำอย่างนั้น
ทำไงได้ล่ะชัย บ้านนุ่นไม่ได้รวยนะ แล้วนุ่นก็จำเป็นต้องใช้เงิน ใครๆ ก็ต้องอยากมีเงินใช้เยอะๆ ทั้งนั้นแหละ เธอหันมาสบตาผมอีกครั้ง ด้วยแววตาที่ไร้ประกายความสดใส
ทำไมไม่ทำงานพิเศษอย่างอื่นล่ะ
โธ่! งานเดี๋ยวนี้ทำทั้งวันก็ได้มาแค่ไม่กี่ร้อย มันไม่พอหรอกนะ อะไรๆ ก็แพงทั้งนั้น
ผมไม่คิดเลยว่าผู้หญิงที่สวยใสอย่างนุ่นจะทำเรื่องอย่างนี้ได้
สวยใสอย่างนี้แหละชัยที่เสี่ยรวยๆ เขาชอบ สวยใสอย่างนี้แหละชัยที่หาเงินส่งเสียตัวเองเรียนได้ และเดี๋ยวนี้เรื่องอย่างนี้ที่ชัยว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรแล้ว ถ้ามีเงินซะอย่าง นุ่นไม่ปฏิเสธนะถ้าจะหาว่านุ่นฟุ่มเฟือยหรือเห็นแก่เงิน แต่สังคมมันทำให้นุ่นคิดแบบนี้ ผมไม่มีคำพูดใดที่จะถามหรือบอกเธออีกแล้ว หมดแล้ว ผมและเธอนิ่งเงียบกันไปสักพัก ก่อนที่เธอจะเป็นฝ่ายทำลายความเงียบนั้น
นุ่นขอร้องนะชัย อย่าบอกใครเรื่องนี้ นุ่นขอตัวไปเรียนก่อนนะเดี๋ยวอาจารย์ว่า
ผมไม่ขึ้นเรียนเลยในเช้าวันนั้น เพราะยังรับไม่ไหวกับสิ่งที่ได้ฟังมา แต่เมื่อคาบบ่ายมาถึงขาทั้งสองข้างก็พาร่างไร้สติไปนั่งที่ห้องเรียนจนได้
ทำไมเมื่อเช้าไม่เข้าเรียนล่ะชัย เพื่อนคนหนึ่งถามผมที่นั่งเหม่อลอยอยู่แถวหลังสุดของห้องเรียน ผมไม่มีคำตอบใดให้เขานอกจากความเงียบ ครู่หนึ่ง...ร่างบางๆ ที่คุ้นตาก็เดินผ่านประตูเข้ามา เธอยังคงยิ้มอย่างไร้เดียงสาให้กับทุกคนในห้องก่อนที่จะหย่อนก้นลงนั่งแถวหน้าสุด
ใบหน้าใสซื่อนั่นสินะที่เป็นหน้ากากปกปิดความโสมมที่แท้จริงไว้ น่าแปลกผมเคยชอบเธอมากแท้ๆ แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกรังเกียจเธอขึ้นมาทันทีทันใด อาจเป็นเพราะหน้ากากที่ขาว บริสุทธิ์นั้นไม่ได้บังตาผมเหมือนเมื่อก่อน
หลังจากนั้นไม่กี่วันผมก็บังเอิญเห็นเธอเดินควงกับนักศึกษาหนุ่มต่างคณะ เพื่อนในห้องพูดกันว่าชายคนคนนั้นคือแฟนของเธอ ผมได้เพียงแต่รับรู้มาเฉยๆ ไม่ทราบรายละเอียดมากนัก เพราะว่าไม่อยากสนใจเรื่องราวของเธออีกต่อไปแล้ว
จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมได้อ่านหนังสือพิมพ์หัวสียี่ห้อหนึ่งที่ห้องสมุด สายตาของผมได้ไปสะดุดกับรูปรูปหนึ่งที่อยู่ด้าวขวา
นุ่นนี่ ! ผมอุทานขึ้นเบาๆ รูปนั้นปรากฏภาพหญิงสาวนอนบนเตียงพยาบาล ปิดหน้าด้วยมือทั้งสองข้าง และมีรูปเล็กกำกับตรงมุมขวา บ่งบอกชัดเจนว่าสาวผู้นั้นคือหญิงงามที่เคยอยู่ในหัวใจของผม ด้วยความอยากรู้ สายตาผมจึงเลื่อนลงมาอ่านข้อความใต้ภาพอย่างรวดเร็ว
น.ส.มโนชา (ขอสงวนนามสกุล) นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง ถูกเสี่ยใหญ่บุกสาดหน้าด้วยน้ำกรดคาห้องพักได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจับได้ว่านักศึกษาสาวนอกใจไปมีความสัมพันธ์กับเพื่อนชายมหาวิทยาลัยเดียวกัน
ผมสลดใจไปกับข่าวนั้น เมื่อก่อนผมอาจรู้สึกรังเกียจเธอ แต่บัดนี้ความรู้สึกเหล่านั้นถูกแทนที่ด้วยความสงสารจับใจ ผู้หญิงสวยๆ อย่างเธอไม่น่าตกเป็นเหยื่อสังคมสกปรกเช่นนี้เลย
จากคุณ :
วลีรมย์
- [
9 ก.ย. 49 10:32:30
]