CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    :+:HIV การต่อสู้กับเลือดสีนี้จนสิ้นลม (::ตอนที่ 3 เปิดฉากการต่อสู้::):+:

    ตอนที่ 3 ::: เปิดฉากการต่อสู้

    เพื่อนของผมเคยบอกว่าเมื่อเราตรวจเจอเชื้อ HIV ในตัวเรา
    เหมือนเราหลุดเข้าไปอยู่ในโลกใบใหม่...

    มันแตกต่างจากคนปกติเขามากมาย
    เหมือนโลกทั้งโลกเขาเป็นสีสันสดใส แต่ตัวเราเป็นสีขาวดำ...

    ตอนนั้นผมได้แต่ต่อว่าพวกมันไปว่าพวกมันช่างอ่อนแอ ทำตัวเสเพลไปวันๆ
    ไม่รู้จักลุกขึ้นสู้  มันได้แต่เถียงว่า “แกไม่ได้เป็น  แกไม่มีวันเข้าใจชั้น”

    ไม่นึกเลยว่าพระเจ้าจะรักพวกมันมาก  ผมเลยได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้
    พระเจ้าบอกเอาไปเลยรุ่นตูจัดให้...  
    สุดท้ายเลือดผมก็เลยกลายเป็นสีเดียวกับพวกมัน

    .....

    หลังจากที่ทราบว่าในตัวเรามีเจ้าตัวน้อยมาอาศัยอยู่ด้วยแล้ว
    ผมนั่งมึนอยู่หน้าโรงพยาบาล 3 ชั่วโมง
    คนแรกที่ผมนึกถึงก็คือแฟนของผม
    .
    .
    .
    ทำไมต้องเป็นแฟน ... ทำไมไม่เป็นพ่อเป็นแม่   เป็นคนในครอบคร้ว
    คำตอบก็คือ... คุณคิดว่าโรคนี้มันติดต่อกันได้ทางไหนหล่ะครับ..?

    ผมไม่รู้ว่าแฟนผมคิดอย่างไรพอได้ทราบเรื่อง
    น้ำเสียงเขายังคงเรียบ   เราไม่มีการโทษกันไปกันมาว่าใครติดใคร
    แต่เราตกลงกันว่าเราจะไปตรวจซ้ำ  ตรวจด้วยกันทั้งสองคน

    .....

    การมีเจ้าตัวน้อยนี้มาอยู่ในตัว  ทำให้ผมได้รับความรู้เกี่ยวกับ HIV มากมาย
    กลไกการป้องกันตัวเองของมนุษย์ยังคงทำงานได้ดีอยู่เสมอ
    เมื่อทราบว่ามีโรคร้ายอยู่ในตัว... ผมยิ่งต้องหาข้อมูล  ต้องรู้จักมันให้มากที่สุด
    หามันเข้าไป  ...ดีกว่ามานอนร้องห่มร้องไห้หน่า..  ผมบอกตัวเองแบบนั้น
    .
    .
    .

    เมื่อข้าศึกบุกเข้ามาในดินแดนของเรา...
    และเราไม่สามารถขับไล่พวกมันออกไปจากอาณาเขตของเราได้..
    ...จำเป็นด้วยหรือที่เราจะต้องนอนรอความตาย...
    หรือเราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับข้าศึกโดยที่มิให้พวกมันทำร้ายอาณาเขตของเราไปมากกว่านี้

    ที่ผมเปิดเรื่องมาแบบนี้เพราะอยากให้คุณมองว่าถึงแม้เราจะคิดว่าร่างกายนี้
    มันเป็นของแต่มันก็ต้องมีวันเสื่อมไปเพราะปัจจุบันนี้เชื้อโรคต่างๆ เยอะแยะมากมาย
    แล้วร่างกายเราจะทำอะไรได้บ้างครับ
    เรามารู้จักทหารกล้าที่คอยปกป้องอาณาเขตของเรากันดีกว่าครับ...

    .
    .
    .
    หากร่างกายเราเปรียบเสมือนอาณาเขตประเทศหนึ่ง
    ในประเทศของเราจำเป็นต้องมีทหารกล้าคอยป้องกันประเทศของเรา

    และทหารกล้าที่เป็นคู่ปรับกับเจ้า HIV ก็คือ CD4

    CD4 คืออะไร ?

    อย่าไปรู้เกี่ยวกับศัพท์แสงทางการแพทย์เลยครับปวดหัวเปล่าๆ
    ผมเองก็ไม่ได้เรียนแพทย์มา ผมไม่รู้หรอก เราว่ากันแบบง่ายๆ ดีกว่านะ..?

    คืออย่างนี้นะครับร่างกายคนเราเนี่ยจะมีเม็ดเลือดแดงกับเม็ดเลือดขาว
    คิดว่าหลายๆ คนคงทราบกันดี

    เม็ดเลือดขาวนั้นคอยทำหน้าที่ปกป้องอาณาเขตจากผู้รุกรานนั่นก็คือเชื้อโรคต่างๆ
    เหล่าทหารกล้าของร่างกาย  เราเรียกพวกมันว่า CD ซึ่งอาศัยอยู่ตามเม็ดเลือดขาว

    และเจ้า CD4 นี้ก็เปรียบเสมือนทหารประเภทหนึ่งของร่างกาย
    ที่ไว้ใช้ต่อกรกับเจ้า HIV โดยเฉพาะเลยครับ

    ดังนั้นค่า CD4 ในร่างกายของเราจึงเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับผู้ติดเชื้อ HIV
    เมื่อไรที่ค่า CD4 น้อย แสดงว่า เจ้า HIV ชักจะดื้อและแบ่งตัวได้มาก

    สรุปก็คือ ผู้ติดเชื้อ HIV เนี่ยนะครับจะดูค่า CD4 เพื่อตรวจสอบความเปลี่ยนแปลง
    ของภูมิต้านทานของเรา...  เราต้องแบ่งพื้นที่ให้กับน้อง H มาอยู่ร่วมด้วยอย่างสันติสุข

    น้อง H  เองก็ห้ามดื้อ เพราะถ้าดื้อจนเชื้ออื่นแทรกมาจนเราต้องตาย
    น้อง H  ก็ต้องตายด้วย !!!

    ฟังดูไม่น่ากลัวเลยเนอะ ก็แค่เพื่อนใหม่...
    แต่เพื่อนใหม่ตัวเนี้ย... ทำให้เรารู้จักกับความตายมากขึ้น  
    แหม...  คนหนุ่มอายุ 26 ปี ใครจะคิดถึงเรื่องตายๆ กันบ้าง ไม่มีหรอกครับ...
    แต่พอเกิดเรื่องนี้ขึ้นผมรู้สึกว่าคำว่า “ตาย” มันลอยห่างจากหน้าผมไม่ถึง 1 ฟุต


    กลับมาที่เรื่อง CD4 กันต่อ...
    ปกติเนี่ยนะครับ ค่า CD4 ของมนุษย์เราจะอยู่อยู่ที่ 500 – 1000 ต่อเลือด 1 cc.
    แต่หากเรารับน้อง H  เข้ามาในร่างกายเราแล้วเนี่ย ค่า CD4 ของเราก็จะลดลงเรื่อยๆ

    ปีๆ หนึ่งลดลงไปได้ 5-10% ซึ่งก็แล้วแต่การดูแลรักษาสุขภาพของเจ้าตัวด้วย
    ดังนั้น  การตรวจร่างกายสำหรับพวกเราชาวผู้ติดเชื้อจึงสำคัญขึ้นมาทันตาเห็น
    เพื่อที่จะสืบทราบความเป็นไปว่าทหารของเราเหลืออยู่มากน้อยแค่ไหน

    อีกตัวหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับ CD4 ก็คือ VL หรือ ไวรัสโหลด
    (เขียนเป็นภาษาอังกฤษว่าอะไรไม่รู้ลืม)
    VL ก็คือจำนวนไวรัส HIV ที่อยู่ในร่างกายของเรา บางคนมีเป็นพัน บางคนมีแค่หลักสิบ
    และบางรายกลัวน้อยหน้าเพื่อนพกมาเป็นหลักหมื่น หลักแสนก็มีครับ

    ค่าของ VL จะผกผันกับค่า CD4 เสมอ
    VL สูง CD4 ต่ำ
    มองง่ายๆ ก็คือข้าศึกมากทหารก็ม่องเท่งเยอะ
    แล้วทำยังไงหล่ะ... ให้ VL เราต่ำๆ  คำตอบคือ ทำอะไรไม่ได้ครับ
    ยกเว้นคุณจะรับยาต้านแล้วเท่านั้น... สิ่งในตอนต่อไปผมจะแนะนำให้คุณผู้อ่าน
    ได้รู้จักยาต้านไวรัสเอดส์อีกทีหนึ่ง

    ทีนี้ก็เกิดความเข้าใจแบบผิดๆ ว่า เอดส์ หรือ HIV เนี่ยเป็นแล้วนอนรอไปสวรรค์
    อันนั้นมันเมื่อ 20 ปีก่อนนะครับ...  โลกได้เปลี่ยนไปและโรค(เอดส์) ก็ได้เปลี่ยนไป

    ค่า CD4 ของเรานั้นสะลัดสะบัดขึ้นๆ ลงๆ อยู่ตลอดเวลา
    อย่าคิดเอาเองว่ามันจะดิ่งลงแบบบันจี้จั้มป์อย่างเดียว
    ออกกำลังกาย... กินอาหารที่มีประโยชน์  ค่า CD4 มันก็จะขึ้นครับ
    แต่มันก็จะขึ้นๆ ลงๆ เป็นหุ้น  อย่าหวังรวยพรวดพราดเหมือนถูกหวย
    ไม่มีทางที่ CD4 จะพุ่งปรี๊ดๆ  ณ วันหนึ่ง CD4 ของผู้ติดเชื้อทุกคนก็ต่อลดลง
    จนเหลือต่ำกว่า 200 อยู่ดี

    “แล้วจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อค่า CD4 ของเราต่ำกว่า 200”

    เอาหล่ะทีนี้ถึงพระเอกของเราออกโรงแล้ว
    เมื่อค่า CD4 ของเราลดลงจนต่ำกว่า 200 เราจำเป็นต้องรับยาต้านไวรัสเอดส์
    แล้วยาต้านไวรัสเอดส์คืออะไร…?

    สิบคนก็อธิบายไม่เหมือนกัน  ผมก็ขออธิบายตามความเข้าใจของผมแล้วกัน
    ยาต้านไวรัสเอดส์ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่าเอาไว้ต้านไวรัสเอดส์
    เมื่อเรากินยาต้านฯ เข้าไป ฤทธิ์ของยาจะไปกดน้อง H เอาไว้ไม่ให้ฮึกเหิม
    การแบ่งตัวก็ลดลง

    ส่วนมากผู้ที่รับยาต้านแล้วถ้าทำตัวดี ไม่ขี้เกียจกินยา
    ค่า VL จะลดลงเหลืออยู่ที่ 50 เสียเป็นส่วนใหญ่ ผลที่ตามมาก็คือ
    ข้าศึกน้อย... ทหารไม่ถูกสังหาร  CD4 พุ่ง หูยยยย... แฮปปี้เอ็นดิ้งเสียไม่มีหล่ะ...

    ไงหล่ะบอกแล้วพวกเราไม่ได้เป็นโรคเรื้อนนะ ถึงได้รังเกียจกันนัก
    พวกเราแค่เป็นโรค “ควบคุมความประพฤติ” เท่านั้นเอง

    น้อง H คุมเราไว้ไม่ให้กินเหล้า  เมริงกินเหล้า... เมริงตาย...!!!
    น้อง H คุมเราไว้ไม่ให้สูบบุหรี่   สูบบุหรี่...เมริงก็ตาย...!!!


    น้อง H บังคับให้เราต้องยิ้มแย้มแจ่มใส... น้อง H ไม่ชอบความเครียด
    ไม่งั้นน้อง H จะขย้ำ CD4 ของเรา....

    พอก่อน...เดี๋ยวจะกลายเป็นบทความชักชวนให้ทุกคนเป็นเอดส์กัน...

    ทีนี้หลายๆ คนก็เกาหัวกันใหญ่  
    “อ้าวแล้วทำไมต้องรับยาต้านฯ ตอน CD4 ลดลงเหลือ 200 ด้วยหล่ะ”

    ทึ่จริงแล้วที่เมืองนอกเมืองนา...หากตรวจพบเชื้อ HIV เนี่ย เค้าให้เริ่มยาต้านฯ กันเลยนะ
    CD4 จะ 200...300.. 700 หากมีเชื้อ HIV รับยาต้านทันที

    แล้วทำไมเมืองไทยไม่เป็นอย่างนั้น
    หลายๆ คนก็ต่างให้ความคิดเห็นต่างกันออกไป
    บ้างก็ว่า... ยามันแพง... คนไทยไม่ค่อยมีเงินซื้อ  บ้างก็ว่าหมองกยา
    .
    .
    .
    แต่ในเมื่อเป็นเรื่องราวของผม ผมก็ขอยึดความคิดเห็นของผมเป็นที่ตั้งแล้วกัน
    ผมคิดว่าการที่แพทย์เมืองไทยให้เราเริ่มต้นรับยาตอน  CD4 ต่ำเหลือ 200 นั้น
    น่าจะมีเหตุผลดังนี้นะครับ

    ปกติการรับยาต้านไวรัสเอดส์ เมื่อไรก็ตามที่เราเริ่มทานแล้วเราจะต้องทานตลอดชีวิต
    ไม่มีทางหยุดยาเพราะเมื่อไรหยุดยา  เชื้อ HIV จะดื้อยาทันที
    ทีนี้ CD4 ของเราก็จะร่วงแอ๊ก!!!  

    เพราะฉะนั้น..ไม่ว่าคุณจะเริ่มกินที่ CD4 200 ... 300 หรือ 500
    คุณก็ต้องกินไปตลอดชีวิต

    ซึ่งตรงจุดนี้นี่เอง... ที่คนไทยเราไม่ค่อยมีวินัยเหมือนกับฝรั่ง
    ไม่ได้ว่าคนไทยไม่ดีนะครับแต่หากเรากินบ้าง ลืมบ้าง  เชื้อดื้อยา...อะไรจะเกิดขึ้น
    เพราะตราบใดที่ CD4 เราสูงกว่า 200  โอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนยังน้อยมาก
    เพื่อป้องการการกินยาผิดเวลา  แพทย์ไทยส่วนใหญ่จึงให้เราเริ่มกินยา
    เมื่อค่า CD4 เราต่ำกว่า 200  หรือหากใครต้องการเริ่มทานยาก่อนก็ได้นะครับ
    มีข้อแม้ว่าต้องจ่ายเอง  ประกันสังคมเบิกไม่ได้  สามสิบบาทไม่ต้องพูดถึง
    (แล้วใครจะไปอยากจ่ายค่ายาทีหล่ะแพงๆ  กลัวจะตายเพราะจนไม่ใช่เพราะเอดส์)

    อีกเหตุผลสำคัญที่การแพทย์ของเราไม่คิดเหมือนของเขาก็คือการรักษาครับ
    การแพทย์ตะวันตกจะรักษาแบบองค์แยก
    อย่างเช่น...เขาจะมองร่างกายเหมือนเครื่องจักรกล
    นั่นคือเมื่อมันเสีย มันก็ต้องซ่อม  เสียตรงไหนก็ซ่อมตรงนั้น
    เป็น HIV ภูมิต้านทานเสียหรอ   ก็ต้องรีบกินยา

    ส่วนการแพทย์ตะวันออกจะทำการรักษาแบบองค์รวม
    มองร่างกายเราเหมือนระบบนิเวศน์  สวนๆ หนึ่งต้นไม้จะงามได้
    ดินต้องดี... ต้องมีการรดน้ำ...
    หากเราต้องเริ่มทานยาต้านไวรัส ตับจะได้รับผลกระทบ
    เมื่อตับแย่ลง ก็จะส่งผลให้ส่วนต่างๆ ของร่างกายแย่ตาม
    ดังนั้นการเริ่มยาช้าที่สุดจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับแพทย์แผนตะวันออก
    ซึ่งหากเป็นการแพทย์แผนตะวันตกจะมองอีกอย่างหนึ่ง
    คือต้องรีบทานยาเพื่อรักษาภูมิคุ้มกันไว้  หากตับเป็นอะไรไปก็ค่อยรักษาตับ
    ซึ่งจะให้ผมมองว่าแบบไหนถูกหรือผิด มันไม่มีถูกมีผิดหรอกครับ
    บังเอิญที่เราเกิดในแถบตะวันออกเราก็ต้องรักษาในแบบตะวันออก

    หรือคนไทยในต่างแดนเขาก็ต้องรักษาแบบแผนตะวันตก
    จะการแพทย์แผนไหนหากชีวิตเราอยู่ในมือหมอแล้วก็ค่อนข้างมั่นใจได้ว่าเราจะปกติสุขไปอีกนานครับ

    เมื่อรู้แบบนี้แล้วเมื่อคุณมีเจ้าตัวน้อยเข้ามาอยู่ในร่างกาย
    มีข้าศึกมารุกรานอาณาเขตของคุณคุณจะทำอย่างไรครับ

    ดิ้นรนที่จะขับไล่มันจนถึงที่สุด...!!!

    ยอมตาย...!!!

    ยอมให้ข้าศึกเข้ามาแบ่งอาณาเขตไป... แต่ในขณะเดียวกันเราต้องศึกษาและเฟ้นยอดฝีมือ
    เพื่อมารับมือกลับข้าศึก  อันนี้น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าไหมครับ

    และที่สำคัญหากคนปกติธรรมดาจะแบ่งที่ให้พวกเราเดินสักนิด
    ช่วยพยุงเราเวลาเราล้มลง  สังคมเปิดทางให้เราได้ก้าวเดินอย่างเหมาะสม
    เราคงมีความสุขมากกว่านี้  เราสูญเสียร่างกายบางส่วนให้กับน้อง HIV ไปแล้ว
    บางคนสูญเสียจิตวิญญาณไปอีกด้วย  จมอยู่กับความทุกข์โศก
    โรคนี้ทำลายทั้งร่างกายและวิญญาณ...
    สิ่งที่พาพวกเรารอดมาเพื่อไปเผชิญกับโลกใบเดิมอีกครั้ง คือ “ใจ” เท่านั้น
    “ใจ” ที่เข้มแข็งจะพาเราออกมาดูโลกใบเดิมที่เคยสวยงาม
    …โลกยังคงเป็นโลกที่สวยงามใบเดิม   เพียงแต่เราหันกลับมามองโลคในมุมใหม่ๆ
    มุมที่คนแบบพวกเราเท่านั้นที่จะสามารถมองเห็น
    .
    .
    .
    แต่เชื่อหรือไม่ครับว่าพวกเราอยู่ร่วมกันได้ถึงเราจะเลือดคนละสี
    แต่ บวกและลบ  เราจูงมือไปด้วยกันได้จริง..จริง...

    -----------------------------------------------------------

    ปล.
    ตอนนี้รู้สึกจะร่ายยาวไปหน่อย   เนื้อหาสาระเพียบเลยครับ  ผู้เขียนชักจะรู้สึกมึนๆ
    เวลาเป็นสาระทีไรรู้สึกไม่ค่อยเข้ากับตัวผู้เขียนเลยครับ แหะ แหะ

    ตอนเก่าๆ ครับ


    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4651725/W4651725.html  --- ตอนที่ 1
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4673921/W4673921.html  --ตอนที่ 2

    จากคุณ : นายต้นปาล์ม - [ 12 ก.ย. 49 14:13:17 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com