สวัสดีขอรับ
ไม่ได้เจอกันนานพอสมควร กับซีรีส์นี้ เพราะก้อนดินกำลังมุ่งอยู่กับนิยาย
เรื่องที่สองอยู่อย่างเพลิดเพลิน ตอนนี้ก็คืบหน้าไปได้ด้วยดีทีเดียว
สำหรับไม่ได้ตั้งใจ ให้เหงา 10 มาพร้อมกับเรื่องสั้นของเพื่อนสนิท
ซึ่งหลายๆ ท่านคงเคยผ่านประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน เอาเป็นว่าไปติดตามอ่าน
กันเลยดีกว่าขอรับ
...................................................................................................
//ช่างไม่รู้อะไรเลย
โดย ก้อนดินเดียวดาย
เสียงเพลงเชียร์และเสียงหัวเราะสรวลเสเฮฮาบ่งบอกถึงความสนุกสนานซึ่งดังลั่นไปทั่วบริเวณ
ที่มีทิวสนเรียงรายยาวไปจนเกือบสุดขอบเขตรั้วของคณะวิศวกรรมศาสตร์ วันนี้เป็นอีกวันที่
รุ่นพี่ในคณะนัดรุ่นน้องที่เพิ่งฝ่าฟันการสอบแข่งขันกับคนจำนวนหลายพันคนเพื่อที่จะได้เข้า
มาเป็นน้องใหม่ของคณะวิศวกรรมศาสตร์ในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงแห่งนี้ วันนี้เป็นวันที่
สามแล้วและเป็นวันสุดท้ายที่รุ่นน้องจะได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมสัมพันธ์น้องพี่หรือจะเรียก
ตามความชินปากว่ากิจกรรมรับน้องนั้นเองซึ่งเป็นกิจกรรมที่นักศึกษาใหม่จะได้มีโอกาสทำ
ความรู้จักกันก่อนที่จะเริ่มเปิดเรียนในสัปดาห์ต่อไป
กลับกันรึยังล่ะ เปรี้ยว
นัส ชายหนุ่มผิวคล้ำ รูปร่างผอม สูง ไว้ผมทรงรากไทร ท่าทางของนัสแลดูเคร่งขรึม เอ่ยชวน
หญิงสาวที่บุคลิกของหล่อนดูจะต่างจากนัสโดยสิ้นเชิง หล่อนเพิ่งเดินมาถึงยังจุดนัดหมาย ทั้ง
สองเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เข้าเรียนมัธยมต้นที่ต่างจังหวัดเพราะบ้านของทั้งสองอยู่ในซอย
เดียวกัน
มารอนานแล้วเหรอนัส ขอโทษทีนะ กลุ่มฉันรุ่นพี่เพิ่งปล่อยออกมาน่ะ
เปรี้ยวหญิงสาวรูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาและผิวพรรณสวย น่ารัก แม้ว่าในตอนนี้ใบหน้าของ
หล่อนจะแสดงอาการเหนื่อยอ่อนเป็นอย่างมากจนทำให้แก้มทั้งสองกลายเป็นสีแดงอมชมพู
คล้ายผลตำลึง แต่ก็ไม่อาจทำให้ใบหน้าของหล่อนคลายความสวย น่ารัก ไปได้เลย เปรี้ยวเอง
เป็นคนช่างฝันและศรัทธาในรักแท้เป้นอย่างมากตามประสาหญิงสาวช่างฝันทั่วไป
วันนี้เหนื่อยมากเหรอ
อือ...
เปรี้ยวตอบสั้นๆ และทำหน้าหมดอาลัยตายอยาก ตามประสาคนที่ไม่ค่อยได้ทำอะไรจริงจังนัก
ฉันบอกแกแล้วไงว่าอย่าเลือกคณะนี้ ส่วนใหญ่มีแต่ผู้ชายเขาเรียนกัน
นัสย้อนไปถึงคำเตือนที่เขาเคยเตือนเปรี้ยวไว้ตั้งแต่แรก ให้หล่อนฟังอีกครั้งแต่หล่อนไม่สนใจ
เถอะน่า...นัส วันนี้วันสุดท้ายแล้ว เดี๋ยวเปิดเรียนอะไรๆ คงดีขึ้นแหละ อุตส่าห์สอบเข้า
มาได้แล้วหนิ
ใบหน้าที่แดงกล่ำด้วยความเหนื่อย กลายเป็นจ๋อยสนิทเมื่อโดนนัสเอ่ยพ้อเอา
ว่าแต่ตัวเองเถอะ อยากเรียนสถาปัตย์ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมเปลี่ยนใจมาเลือกเรียนวิศวะเสียล่ะ
หญิงสาวเปลี่ยนมาย้อนถามนัสในข้อสงสัยที่หล่อนนึกสงสัยมานาน ทำเอานัสอึ้งไปครู่หนึ่งเพราะ
เขากำลังคิดหาเหตุผลอื่นที่ไม่ใช่เหตุผลอันแท้จริงมาบอกกับหล่อน เพราะเหตุผลที่แท้จริงนั้นนัส
ไม่สามารถเปิดเผยให้เพื่อนสนิทอย่างเปรี้ยวรับรู้ได้ในตอนนี้
ความคิดคนเรามันก็เปลี่ยนกันได้ตลอดเวลานั้นแหละ
นัสตอบไปอย่างนั้น โดยที่ไม่กล้าแม้แต่จะสบสายตาของผู้ฟัง แม้เหตุผลจะดูไม่ได้เรื่องนักแต่ก็
ไม่ทำให้หญิงสาวรู้สึกโต้แย้งอะไรมากนักและตรงกันข้ามหล่อนดูจะคล้อยตามเสียด้วยซ้ำไป
นัสเองนึกไม่ออกเลยจริงๆ ว่าเปรี้ยวจะรู้สึกอย่างไรหากเขาบอกความจริงไปว่าแท้จริงแล้วการ
ที่เขาเลือกเรียนวิศวกรรมนั้นเพียงเพราะเขารู้สึกเป็นห่วงเป็นใยหล่อนมากนั่นเอง เพราะเขารู้
ดีว่าเปรี้ยวเป็นคนเรียนไม่ดีนัก แต่ที่สอบเข้ามาได้นั้นอาจเป็นเพราะหล่อนตั้งใจอ่านหนังสือ
และมีการกวดวิชาที่ดีนั้นเอง เรื่องนี้ตัวของเปรี้ยวเองก็ยังเป็นกังวลอยู่ไม่น้อยด้วยเกรงว่าตน
เองจะเรียนไม่ไหวเมื่อสอบเข้ามาเรียนได้สมใจแล้ว แต่เหนืออื่นใดแล้วเหตุผลที่แท้จริงอีกอย่าง
ของนัสก็คือเขารู้สึกผูกพันกับเพื่อนสนิทอย่างเปรี้ยวมากเสียจนเขาเองอยากจะนึกว่ามันเกินกว่า
คำว่าเพื่อนเสียด้วยซ้ำ แต่กระนั้นนัสเองก็ไม่อาจจะยอมรับกับความคิดนั้นของตนเองได้
จริงซิ ตอนแรกนะ ฉันอยากเรียนการแสดงเพราะฉันอยากเป็นดารามากๆ แต่สุดท้ายฉันก็
เลือกเรียนวิศวะเพราะฉันน่ะอยากเป็นวิศวกรหญิง เก่ง เท่ห์ไม่หยอกเลยนะแก
เปรี้ยวทำท่าทางเพ้อฝันขณะเอ่ย ซึ่งความจริงหากหล่อนคิดจะเป็นดาราตามที่หล่อนฝันไว้แต่
แรกก็คงไม่ยากด้วยบุคลิกรูปร่างและใบหน้าที่สวยเด่นของหล่อนนั้นเอง และมันคงจะเหมาะ
กว่าสิ่งที่หล่อนเลือกในตอนนี้เสียด้วยซ้ำ
แกอยากมาเรียนใกล้ๆ กับพี่เอ็มของแกมากกว่าเปรี้ยว
นัสพูดดักคอเปรี้ยวไว้ก่อนด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทำเอาหล่อนชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อถูกรู้ทัน เอ็มคือ
รุ่นพี่ในคณะซึ่งคบหาเป็นแฟนกับเปรี้ยวมาตั้งแต่ปีที่แล้ว จนกระทั้งเอ็มเรียนจบมัธยมปลายและ
ได้สอบเข้าเรียนที่คณะนี้ได้ และนี้ก็เป็นเหตุผลสำคัญที่เป็นทั้งแรงผลักดันและกำลังใจให้เปรี้ยว
ตั้งใจกับการที่จะเข้าเรียนในคณะนี้ให้ได้ เพียงเพื่อหล่อนจะได้อยู่ใกล้กับคนที่รักและหล่อนก็ทำ
มันได้สำเร็จตามตั้งใจ
แหม...แกนี่ช่างแสนรู้จริงๆ เลยนะ ทำไมเหรอ คนรักกันก็ต้องอยากอยู่ใกล้กันเป็นธรรมดา
อิจฉารึไง
เปรี้ยวเองไม่ได้คิดอะไรกับคำพูดนี้ของตนเองและลืมรับรู้ถึงความรู้สึกของคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น
เพื่อนสนิทของตนว่าจะรู้สึกอย่างไร นัสบ่ายหน้าของตนไปทางอื่นเพราะไม่อยากเห็นใบหน้าของ
เปรี้ยวในตอนนี้เลย ใจหนึ่งก็ดีใจที่เพื่อนสนิทกำลังมีความสุขกับความสำเร็จที่ได้พยายามมา แต่
อีกใจก็เจ็บแปลบจนอธิบายไม่ถูกเลยจริงๆ
อีกหน่อยแกก็คงจะมีแฟนแล้วล่ะนัส หนุ่มวิศวะน่ะสาวๆ ชอบจะตายไป
เปรี้ยวเปลี่ยนมาคุยเรื่องของนัสบ้าง เพราะตั้งแต่คบเป็นเพื่อนกันมานั้นชายหนุ่มยังไม่เคยมีแฟน
เลยสักคนเดียว จนหล่อนเองอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าเพื่อนชายของหล่อนคนนี้เป็นผู้ชายเต็มร้อยหรือ
ไม่ และทุกครั้งที่หล่อนแสร้งถามเขา หล่อนก็มักจะโดนขู่ด้วยประโยคที่ว่า เดี๋ยวแกจะโดนเตะ
เป็นประจำจนเปรี้ยวเองต้องรีบหุบปากของตนเองแทบไม่ทัน แม้จะแสร้งหยอกเหย้าบ้างบางครั้ง
แต่เปรี้ยวเองก็ยังเชื่อมั่นอยู่เสมอว่านัสนั้นเป็นผู้ชายเต็มตัวแน่นอน
ถามจริงๆ เหอะเปรี้ยว ทำไมแกอยากให้ฉันมีแฟนนักว่ะ
นัสหันมาถามเปรี้ยวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่ดูจริงจัง ทำเอาเปรี้ยวปรับสีหน้าแทบไม่ทัน
ฉันก็แค่อยากให้แกรู้จักคำว่ารักบ้างเท่านั้นเอง ความรักน่ะมีอะไรดีๆ ให้แกค้นหาเยอะกว่า
โมเดลบ้านที่แกชอบทำอีกนะ
เชิญแกค้นหาไปคนเดียวเถอะ
นัสตอบห้วนๆ แล้วหันมาตั้งหน้าตั้งตาเดินต่อไป
แกนี่มันยังไง ทำตัวขวางโลกเสียจริงๆ คนอุตส่าห์แนะนำดีๆ นะ
เปรี้ยวบ่นพึมพำขณะเดินตามหลังมา โดยที่ชายหนุ่มยังเดินต่อไปอย่างไม่สนใจเสียงบ่นนั้นของ
หญิงสาว
แก รอฉันด้วยซิ
การเรียนในเทอมแรกผ่านไปเกือบเดือน นัสเองนั้นไม่ค่อยได้มีปัญหาอะไรมากนักกับการเรียน
เพราะเดิมทีเขาเป็นคนหัวดีอยู่แล้ว แต่สำหรับเปรี้ยวนั้นหล่อนดูจะมีปัญหามากกว่าฝ่ายแรกเสีย
จนนัสเองอดจะเป็นห่วงเพื่อนไม่ได้ เปรี้ยวเองดูจะเน้นเรื่องกิจกรรมในคณะเสียมากกว่า ไม่ว่าจะ
เป็นการเป็นเชียร์ ลีดเดอร์ตามประสาคนหน้าตาน่ารักอย่างหล่อน แต่อีกอย่างที่นัสเองอดที่จะเป็น
ห่วงไม่ได้คือเรื่องของเอ็มนั้นเอง
เปรี้ยว ฉันว่าแกเริ่มอ่านหนังสือได้แล้วนะ ตอนสอบกลางภาคจะได้ไม่ต้องเร่งอ่านมากจนเกินไป
นัสเอ่ยแนะนำเปรี้ยวขณะที่เดินกลับหอพักด้วยกัน วันนี้นัสตั้งใจมารอรับหล่อนเดินกลับหอพักด้วย
กันเพื่อเตือนหล่อนในเรื่องนี้ เนื่องจากหมู่นี้ไม่ค่อยเขาไม่ได้เจอหล่อนบ่อยเท่าใดนัก
นี่แกยอมมานั่งรอฉันสองชั่วโมง เพราะเรื่องนี้เหรอ
หล่อนเลิกคิ้วถาม เหมือนไม่เชื่ออย่างนั้น
ใช่
เอาไว้เสร็จเรื่องงานกีฬาก่อนดีไหม เพราะช่วงนี้ฉันเหนื่อยมากเลย กลับไปก็อยากจะนอน
ท่าเดียว
เปรี้ยวเองเข้าใจว่านัสนั้นเป็นห่วงหล่อนด้วยใจจริง แต่หล่อนก็ยังทำเสียงออดอ้อนเลี่ยงไปก่อน
อย่าหาว่าฉันจุ้นน่ะ ฉันรู้ว่าแกน่ะ ซ้อมหลีดเสร็จแล้วก็ไม่ได้กลับหอทันทีหรอก
นี่เป็นอีกครั้งที่เพื่อนชายคนนี้ รู้ทันหล่อน เปรี้ยวทำหน้าเสียเหมือนรู้ว่าตนเองกำลังทำผิด
แล้ววันนี้พี่เอ็มไม่มารับหรือ
คำถามของนัสจบลงพอดีกับที่แสงไฟของรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งแล่นมุ่งตรงมายังที่ที่คนทั้งสองยืน
สนทนากันอยู่
กลับกันเถอะเปรี้ยว
เสียงเอ่ยชวนของเอ็มดังขึ้นเมื่อเสียงรถเงียบลง เปรี้ยวหันมามองหน้านัสคล้ายกับเกรงใจเพื่อน
สนิท
อ้าว นัส ไปด้วยกันไหม
เอ็มเอ่ยชวนนัส แต่ดูเหมือนจะเป็นการชวนตามมารยาทเท่านั้น
ไม่หล่ะครับพี่
นัสปฏิเสธเสียงราบเรียบตามปกติของเขา ก่อนจะหันไปทางเปรี้ยว
ไปเถอะ เดี๋ยวฉันจะเดินไปเรื่อยๆ
งั้น กลับถึงห้องฉันค่อยโทรหาแกน่ะ
ดูเหมือนคำแนะนำของนัสจะทำให้เปรี้ยวคลายความเกรงใจลงได้ แต่กระนั้นหล่อนก็ยังให้ความ
หวังเขาก่อนจากไป นัสรับความหวังนั้นด้วยการพยักหน้าแล้วเดินจากไปเพียงลำพัง
เวลาเกือบเที่ยงคืนนัสยังไม่นอน เขานั่งอยู่ที่โต๊ะอ่านหนังสือตัวเดิมของเขา สายตายังคงจดจ้องอยู่ที่
หนังสือเรียนเล่มหนาดังเช่นทุกๆ คืน แต่กระนั้นเขาก็ไม่ลืมหันไปมองตัวเลขบนหน้าปัดนาฬิกา
สลับกับเครื่องโทรศัพท์อยู่บ่อยๆ เพราะเขาเองก็อดที่จะรอเสียงโทรศัพท์ที่ควรจะดังขึ้นมาตั้งนานแล้ว
ไม่ได้ หรือว่าเปรี้ยวยังไม่ถึงห้องอีกหรือ เขาอดที่จะนึกอย่างนั้นไม่ได้
เวลาผ่านไปเกือบตีหนึ่ง ตอนนี้หัวใจของนัสเองนั้นทั้งสับสนและวุ่นวายอย่างบอกไม่ถูก นัสเองทั้ง
โมโหและเป็นห่วงเปรี้ยวในเวลาเดียวกัน เพื่อนสนิทของเขาไม่เคยเหลวไหลแบบนี้เลยตั้งแต่รู้จัก
และคบเป็นเพื่อนกันมา นัสสูดหายใจยาวเข้าจมูกและปล่อยลมหายใจนั้นออกมาช้าๆ เพื่อลดความ
กังวล ในใจลง เขาคิดอยู่ตลอดเวลาว่า ชีวิตของใครก็ของคนนั้นคงไม่อาจไปกะเกณฑ์อะไรไม่ได้
มันอาจเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้นัสจะคลายกังวลลงได้บ้าง นัสเดินตรงไปเตียงนอนและเอื้อมมือไปปิด
สวิทช์ไฟที่หัวเตียง พลันเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น นัสดีดตัวเองลงจากเตียงและปรี่ไปยังเครื่องโทรศัพท์
บนโต๊ะหนังสือ
เปรี้ยวเหรอ
นัสไม่รอให้ปลายสายทักทายก่อน
แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 49 09:07:20
จากคุณ :
ก้อนดินเดียวดาย
- [
13 ก.ย. 49 08:58:22
]