ว่ากันว่า....การเรียนรู้ย่อมไม่มีวันสิ้นสุด...ตราบที่เรายังคงมีชีวิต..........แต่ผม......ปรารถนาเหลือเกินที่จะให้มันสิ้นสุดลงเสียที.................
...............................................................
ละอองฝนพรั่งพรู่ลงมาจากท้องฟ้าสีดำทะมึนเด็กหนุ่มยืนเงยหน้ามองกำแพงสูงตะหง่านเบื้องหน้าด้วยดวงตาสีฟ้าเหม่อลอยเรือนผมสีน้ำตาลเปียกลู่เป็นมันเงา กลิ่นหญ้าฉ่ำน้ำฝนฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณลวดหนามแหลมคมบนยอดกำแพงวาววับเมื่อยามที่เส้นสายฟ้าฟาดลงมา
ฉับพลันเด็กหนุ่มก็กระโจนตัวขึ้นปีนป่ายกำแพงสูงสุดกำลัง เขาต้องไปจากที่นี่.....เสียงไซเรนดังกระหึ่มทั่วบริเวณขณะที่ตัวเขาเปียกโชกลื่นไถลอยู่บนผนังกำแพงเย็นยะเยือกนั่น กระแสไฟฟ้ากำลังมหาศาลแล่นผ่านตัวเขาเมื่อกำแพงปล่อยไฟฟ้าออกมา ร่างผอมลอยละลิ่วตกลงมากระทบพื้น...ภาพความทรงจำมากมายไหลผ่านทุกอณูภายในร่างกายของเขา.........คงจะดีหากเขาตายไปซะตอนนี้...........
..............................................
มาร์คัสรู้สึกตัวอีกครั้งในห้องพยาบาลเขากระพริบตายกฝ่ามือขึ้นพลิกมองอย่างเชื่องช้าร่างกายของเขายังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ดีทั้งๆที่ตัวเขาน่าจะไหม้เกรียมไปแล้ว เป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่เขาพยายามจะหนีออกจากที่นี่....เพื่อกลับไปหาครอบครัวของเขาอีกครั้ง.....เป็นเวลาสามปีแล้วที่มาร์คัสไม่เคยได้พบหน้าพ่อกับแม่และน้องสาวจดหมายสักฉบับก็ไม่มีมาถึง ทั้งๆที่เวลาผ่านไปแค่นี้แต่ทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่ามันยาวนานกว่านั้น ราวกับว่าเขาไม่มีทางไปจากโรงเรียนประจำกลางป่าทึบแห่งนี้ได้.......
ฤดูร้อนเมื่อสามปีที่แล้วเขายังจำได้ดีตั้งแต่เปิดกล่องรับจดหมายและรู้สึกดีใจมากแค่ไหนที่ได้เข้าเรียนต่อในโรงเรียนที่ใฝ่ฝัน แต่ในระหว่างที่เดินทางกลับเกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นมีคนกลุ่มหนึ่งสวมเครื่องแบบแปลกๆเข้ามาในห้องโดยสารรถไฟของเขา สติของเขาดับวูบไปจนกระทั่งตื่นมาอีกครั้งก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงเรียนประจำแห่งนี้ แม้มันจะเป็นโรงเรียนเดียวกันกับที่เขากำลังจะไปแต่มันไม่ใช่แน่นอนถึงชื่อจะตรงกัน....
เขารู้จักโรงเรียนที่เคยเลือกไว้เป็นดีว่าเป็นยังไงถึงได้เลือกมาเรียนแต่มันไม่ใช่ที่นี่ จะต้องมีสิ่งผิดพลาดเกิดขึ้น......ที่แย่ก็คือเขาไม่สามารถติดต่อครอบครัวหรือออกไปข้างนอกได้...ไม่มีใครสักคนออกตามหาเขาเลยด้วยซ้ำ....ไม่มีโทรศัพท์ทุกอย่างถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง...
นักเรียนที่นี่มีไม่เยอะเท่าที่ควรจะเป็นและทุกคนต่างถูกพาตัวมาแบบเขาเหมือนกันหมดถึงแม้สภาพภายในโรงเรียนจะเหมือนกับโรงเรียนประจำชายล้วนทั่วๆไป ต่างกันที่ไม่มีประตูเข้าออกสู่โลกภายนอกแต่กลับมีกำแพงโลหะสูงหนาล้อมรอบแทน ทุกคนล้วนมีข้อกังขาแต่ก็ไม่เคยมีใครได้รับคำตอบ คนที่โวยวายเรียกร้องขอคำตอบเกี่ยวกับปริศนาเหล่านี้หรือทำผิดกฎพยายามจะหนีออกจากที่นี่ จะถูกพาไปที่ห้องพักครูพิเศษพวกเขาเหล่านั้นจะหายไปสักสองสามวันพอกลับมาก็จะดูสงบเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและพอกลับมาทำเหมือนเดิมอีกก็จะถูกพาไปอีกเรื่อยๆราวกับเป็นวัฏจักรที่น่าประหลาด
ไม่มีใครรู้ว่าเบื้องหลังบานประตูสีขาวขุ่นของห้องพักครูพิเศษนั้นมีอะไรซ่อนอยู่แต่ทุกคนที่พยายามจะหาคำตอบมักหายหน้าไปและกลับมาในลักษณะที่เหมือนกับมาโรงเรียนเป็นครั้งแรก
สิ่งที่พอจะทำให้นักเรียนทุกคนสงบและมีความหวังอยู่บ้างก็คือเมื่อทุกคนเรียนจบครบสามปีก็จะได้กลับบ้าน ล่าสุดมีนักเรียนรุ่นพี่ปีสามที่ดีอกดีใจพอจะจบการศึกษา...แต่พอเช้ามาพวกเขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยข้าวของทุกชิ้นถูกเก็บหายไปราวกับไม่เคยมีพวกเขาอยู่ที่นี่ ไม่มีหนังสือรุ่น ไม่มีข้อมูลระบุถึงรุ่นพี่พวกนั้นอีกเลยและไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาได้กลับบ้านแล้วจริงๆหรือไม่....
ข่าวสารจากภายนอกที่ได้รับมาออกฉายทางโทรทัศน์ของโรงเรียนไม่เคยมีข่าวประเภทโหดเหี้ยม สงครามนองเลือด หรือเซ็กซ์ มันถูกผ่านกระบวนการมาอีกทีราวกับว่าพวกเขาจะพยายามทำให้นักเรียนที่นี่สมบูรณ์แบบในแง่ความคิดสติปัญญาทั้งร่างกายและอารมณ์
ผู้ถูกเรียกตัวว่าอาจารย์ต่างมีลักษณะท่าทางที่เข้มงวดไม่เป็นมิตรกับนักเรียนเท่าไหร่ทุกคำพูดของพวกเขาล้วนเป็นสิทธิขาดห้ามขัดคำสั่งแม้ไม่มีใครรู้ว่าคนที่ปฎิเสธคำสั่งจะโดนอะไรบ้าง
มาร์คัสรู้ดีว่าจะไม่มีใครได้กลับบ้านแม้เขาจะเคยถูกพาเข้าห้องพักครูพิเศษหลายครั้งต่อการขัดคำสั่งและพยายามหลบหนี แต่ก็ไม่เคยจำได้เลยสักครั้งว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองในห้องนั้นมีหลายครั้งที่เขาพยายามฆ่าตัวตาย เช่นโดดลงมาจากที่สูงหรือแม้แต่กรีดข้อมือด้วยของมีคม แต่ทุกอย่างจะดับวูบลงทุกครั้งหลังจากที่เขาทำเช่นนั้นและจะตื่นขึ้นมาบนเตียงห้องพยาบาลในสภาพที่ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนแต่อย่างใด
ทุกวันล้วนแต่เป็นไปอย่างซ้ำซากเขาต้องใช้เวลานั่งอยู่ในห้องเรียนรวมกับคนอื่นๆเพื่อฟังการสอนของอาจารย์ในวิชาต่างๆ ที่เขารู้จนหมดแล้วหนังสือทุกเล่มที่มีในห้องสมุดเขารู้สึกเหมือนจะเคยอ่านจนครบทุกเล่ม ความรู้ถูกอัดเข้าสู่สมองจนจะไหลทะลักออกมาจากทุกรูขุมขนบนร่างกาย เขาเคยเป็นผู้รักในการเรียนเป็นอย่างมากแต่เวลานี้เขาตระหนักดีว่าความรู้จะไม่มีทางมีประโยชน์ต่อเขาอีกหากยังต้องอยู่ที่นี่ และสิ่งเดียวที่เขาปรารถนาคือการได้กลับบ้านไปหาพ่อกับแม่ของเขา
ภาพบ้านในความทรงจำที่แสนมีความสุขสุนัขที่เขาเลี้ยงดอกไม้ที่เขาเคยปลูกล่องลอยอยู่ในความคิดคำนึงของเขา ห้องนอนห้องนั่งเล่น เกมส์โปรดของเขาที่เคยเล่นกับเจนน่าน้องสาวของเขา ลานหญ้ากว้างที่ไปปิกนิคกับครอบครัวบ่อยๆ บ้านบนต้นไม้ในสวน.......
น้ำตาไหลอาบแก้มของเขาเมื่อคิดว่าคงไม่มีวันที่จะได้กลับไปหาสิ่งเหล่านี้อีกแล้ว.....จะมีใครพยายามตามหาว่าเขาอยู่ที่นี่บ้างหรือเปล่านะ.....ป่านนี้พ่อกับแม่อาจจะพยายามอย่างเต็มกำลังในการตามหาเขา......
มาร์คัสแหวกผ้าม่านลุกจากเตียงและสวมเครื่องแบบนักเรียนเดินออกไปจากห้องพยาบาลที่ว่างเปล่าดูเหมือนจะมีเขาคนเดียวที่นอนอยู่ เป็นเรื่องปกติไม่เคยมีนักเรียนในโรงเรียนป่วยเลยสักคนตั้งแต่เขามาอยู่ที่นี่ คนคุมห้องในเครื่องแบบสีขาวเหลือบมองเขาเดินออกมาด้วยสายตาที่คอยจับผิด แสงแดดยามเช้าส่องผ่านหน้าต่างของระเบียงทางเดินนักเรียนเข้าห้องกันหมดแล้ว
..เข้ามาแล้วนั่งให้เรียบร้อย.....มาร์คัสอาจารย์ไซมอนสั่งและมองเขาผ่านแว่นตาหนาเตอะนั่น
เพื่อนๆ ในห้องต่างมองเขาเป็นตาเดียวด้วยความสนใจใคร่รู้คงจะลือกันทั่วแล้วว่าเขาผ่านเข้าสู่ห้องพิเศษอีกครา ชั่วโมงการเรียนผ่านไปเรื่อยๆอย่างที่เคยเป็นแต่ตอนนี้มาร์คัสไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว
......ไม่นานพวกเราก็จะเรียนจบแล้วทำไมนายไม่อดทนอีกหน่อยละ......อีกสองเดือนพวกเราก็จะได้กลับบ้านแล้วนิคกล่าวขณะที่พวกเรานั่งอยู่อย่างเป็นระเบียบในโรงอาหาร
........จะไม่มีใครได้กลับไปนายก็รู้ไม่ใช่เหรอ.....พวกเราจะถูกฆ่าทิ้งเหมือนพวกรุ่นพี่.....ที่มาร์คัสพยายามหนีก็เพราะรู้ดีที่สุดต่างหาก..โอดีนสมทบด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
.....พวกเขาจะทำไปทำไม......ถ้าพวกเขาจะฆ่าเราจริงก็น่าจะฆ่าตั้งนานแล้วทำไมต้องรอให้พวกเราเรียนจบก่อนละ แล้วพวกเขาจะเอาความรู้ใส่หัวพวกเราไปทำไมนิคขัดอย่างไม่เชื่อเขาเป็นเด็กชายตัวเล็กสุดในกลุ่มพวกเราผมสีฟางยุ่งเหยิงไม่เคยเรียบร้อย
.......แล้วนายเชื่อเหรอว่าพวกมันจะพาเรากลับบ้าน.......พวกมันต้องทำอะไรสักอย่างกับพวกเรา ที่มันลักพาตัวพวกเรามาก็เพื่อจุดประสงค์บางอย่างแน่ๆ อยู่แล้ว พวกเราไม่มีกำลังมากพอจะสู้มันได้รั้งแต่จะถูกจับล้างสมองเหมือนคนอื่นๆมากกว่า.....โอดีนโต้เขาเป็นคนตัวสูงที่สุดท่าทางเอาเรื่องผมดำขลับดวงตาสีเขียว
นิคทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เมื่อความหวังที่พอจะมีดับลงเพราะต่างก็มีความรู้สึกคิดถึงที่ที่เคยจากมาเหมือนๆกันแต่ไม่อาจทำอะไรกับพวกผู้ใหญ่กว่าได้ พวกเราอายุเพียงแค่16 ปีแต่ต้องติดอยู่ที่นี่......ในโรงเรียนลึกลับใจกลางป่าทึบ.......
.......ตราบใดที่ยังไม่มีใครรู้ว่าอะไรรอคอยเราอยู่ก็ย่อมมีความหวังไม่ใช่เหรอผมพูดปลอบนิค
........ฉันไม่อยากทนอยู่ที่นี่อีกแล้วมาร์คัส คราวหน้าถ้านายจะหนีอีกพาฉันไปด้วยนะ ฉันไม่กลัวอะไรอีกแล้วนิคน้ำตาคลอ
...เรื่องหนีมันไม่ใช่ง่ายๆ ฉันไม่เคยกลัวว่าจะต้องเจอกับอะไร ....ไม่ว่ายังไงฉันจะต้องหาทางออกไปให้ได้เขาเอ่ยพลางมองอาหารในถาดด้วยดวงตาซึมเศร้า
.......อย่าพูดเรื่องนี้กันอีกเลย........ขืนพวกนั้นได้ยินจะแย่......ดูสิ.....เอาแต่อะไรมาให้พวกเราดูก็ไม่รู้........พวกมันคิดจะตัดเอาความรู้สึกพวกเราไปหมดไม่ได้หรอกโอดีนบ่นขณะเงยหน้ามองโทรทัศน์ที่ฉายภาพธรรมชาติสวยงาม
นักเรียนรุ่นน้องบางคนกำลังกระซิบกระซาบบางอย่างกันอยู่ไม่ไกลนักเขาได้ยินคำพูดจับใจความว่าจะแอบหาทางล้วงความลับเกี่ยวกับห้องพักครูพิเศษนั่น......มาร์คัสคิดว่าควรจะเตือนพวกเขาแต่เสียงกระดิ่งบอกหมดชั่วโมงพักก็ดังเสียก่อน
ตกเย็นหลังหมดวิชาวิทยาศาสตร์ระหว่างที่ทั้งสามเดินกลับหอพักฉับพลันเสียงกรีดร้องก็ดังก้องลงมาจากบันไดชั้นบน พวกเขามองหน้ากันก่อนจะวิ่งไปยังต้นเสียงผ่านบันไดวนราวกับจะไม่มีวันสิ้นสุดเส้นทางนี้มาร์คัสรู้ดีว่ามันมุ่งไปทางไหน........ห้องพักครูพิเศษ..........
นิคหยุดชะงักก่อนใครพอเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าเขาขาสั่นหายใจถี่เร็วด้วยความหวาดกลัว...มาร์คัสเบิกค้างตานิ่งเช่นเดียวกับโอดีน........ของเหลวสีแดงสดย้อมพื้นกระเบื้องสีขาวเปียกชุ่มทั่วบริเวณหน้าบานประตูห้องพิเศษปิดตายนั่น มีเพียงเด็กปีหนึ่งคนหนึ่งในกลุ่มที่มาร์คัสได้ยินการวางแผนเมื่อกลางวันยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางกองเลือดเหล่านั้น.........
โอดีนใจกล้าที่สุดเขาเดินย่ำพื้นเปื้อนเลือดไปหาเด็กคนนั้นอย่างระแวงภัย
....เกิดอะไรขึ้น?.......เป็นอะไรเหรอเปล่าโอดีนถาม
เด็กชายหันมาอย่างเชื่องช้าก่อนที่หัวกลมเล็กนั่นจะหลุดหล่นตุบลงมาจากบ่ากลิ้งมาที่เท้าของโอดีน......
....อ๊ากกกก!! ไม่!!.........นิคร้องตะโกนก่อนจะหันหลังวิ่งไปชนอาจารย์ไซมอนที่ยืนรอพวกเขาอยู่แล้วด้วยรอยยิ้มเย็นเยือก
จากคุณ :
muggle
- [
13 ก.ย. 49 20:44:14
A:210.246.72.238 X: TicketID:110784
]