กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
ณ.ดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ที่ไกลโพ้น
ในอาณาจักรเล็กๆมีพระราชาและพระราชินีที่เปี่ยมไปด้วยคุณธรรม
บ้านเมืองก็ร่มเย็นและเงียบสงบ
พระราชาทรงโปรดสัตว์หายากทั้งหลาย
และพระองค์โปรดให้สร้างสวนอันสวยงามให้สัตว์เหล่านั้นอาศัยอยู่
วันหนึ่งเสนาบดีได้นำลูกนกสีฟ้าตัวเล็กที่ขนเป็นประกายสวยงามมาถวายแก่พระราชา
เมื่อเสนาบดีเห็นเจ้านกนี้ครั้งแรก เค้าก็รีบซื้อมันมาจากพ่อค้าเร่ เพราะเขามั่นใจเหลือเกินว่าพระราชาจะต้องทรงโปรดลูกนกสีฟ้าตัวนี้
พระราชาทรงโปรดเจ้าลูกนกสีฟ้านี้มากกว่าที่เสนาบดีได้คาดไว้เสียอีก โปรดเสียจนไม่ยอมให้มันอาศัยร่วมกับสัตว์อื่นๆในสวน
พระองค์สั่งมหาดเล็กให้เตรียมห้องสำหรับเจ้านกน้อยตัวนี้ แถมยังสั่งให้ช่างฝีมือถักทอรังนกด้วยเส้นไหมที่ดีที่สุด ส่วนกรงนกนั้นก็ทำมาจากทองคำ และเจ้านกน้อยจะได้อาหารชั้นเลิศจากในครัวทุกวัน
พระราชาเลี้ยงเจ้าลูกนกสีฟ้าอย่างสุขสบาย ทำให้มันเป็นนกที่แสนจะขี้เกียจ วันๆมันเอาแต่กินแล้วก็นอน มันจะบินออกจากกรงอยู่เพียงช่วงเวลาเดียวของทุกวัน คือช่วงเวลาที่พระราชาเข้ามาหามัน
มันชอบที่จะบินไปเกาะที่บ่าของพระราชาแล้วร้องเพลงอย่างที่มันคิดว่าไพเราะที่สุด และบางทีมันอาจจะบินแบบแปลกๆอวดพระราชา มันรูว่าพระราชาชอบให้มันทำแบบนั้น เมื่อพระราชามีความสุขมันก็มีความสุข
วันหนึ่งพระราชินีมีแขกจากแดนไกลมาเยี่ยม หลังจากถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ พร้อมกับบทสนทนาสัพเพเหระอีกนิดหน่อย แขกจากแดนไกลก็พูดขึ้นมาว่า
"กระหม่อมได้ผ่านสวนสวยอันเป็นที่ขึ้นชื่อของพระราชาแล้วก็เกิดวิตกยิ่งนัก"
"เจ้าเป็นห่วงเรื่องอะไรกัน สัตว์พวกนั้นมันก็อยู่กันอย่างสงบดี ไม่เคยจะทำร้ายกันเลย ตอนแรกข้าก็เป็นห่วงจะแย่ว่าเจ้าเสือขาว หรือเจ้าสิงโตสีน้ำตาล มันจะทำร้ายเจ้ากวางสี่เขาหรือว่าว่าเจ้ากระต่ายสีทอง แต่มันก็อยู่ด้วยกันเรียบร้อยดี"
"นั่นแหละที่ทำให้ข้าพระองค์เป็นห่วง นักล่าที่ไม่มีสัญชาตญาณการล่ากับเหยื่อที่ไม่มีสัญชาตญาณการหนี จะมีชีวิตอยู่รอดอย่างไรได้ในป่า"
"แต่ที่นี่ไม่ใช่ป่า เหตุใดข้าจึงต้องห่วง"
"แต่แล้วถ้าวันหนึ่งมันจำเป็นต้องกลับสู่ป่าล่ะพะย่ะค่ะ มันจะเป็นอย่างไร"
หลังจากวันนั้นพระราชินี้ก็ครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ ในที่สุดพระองค์ก็ตัดสินพระทัยที่จะส่งสัตว์พวกนี้กลับคืนสู่ป่า พระราชินีทรงถามความคิดเห็นพระราชาในเรื่องนี้ พระราชาบอกว่าตามใจพระราชินี เพียงแต่อดที่จะบ่นเสียดายสัตว์หายากทั้งหลายไม่ได้
หลังจากสัตว์ต่างๆค่อยๆถูกฝึกให้คุ้นเคยกับการอยู่ในป่าแล้ว สัตว์ก็ถูกปล่อยคืนสู่ป่าทีละตัว ทีละตัว จนสวนสวยของพระราชาเหลือเพียงต้นไม้ ดอกไม้เท่านั้น
จะเหลือก็แต่เจ้านกสีฟ้าตัวนั้น ที่ตอนนี้มันไม่ใช่ลูกนกอีกต่อไปแล้ว
พระราชาบอกกับพระราชินีว่า "เหลือไว้สักตัวเถอะนะ ข้ารักมันมากเหลือเกิน ข้าปล่อยมันไม่ลงหรอก แล้วมันก็ไม่ได้แข็งแรงเหมือนสัตว์อื่นๆด้วย ถ้าขืนข้าปล่อยไปมันคงตายพอดี"
พระราชินีพยายามชักแม่น้ำทั้ง5มาพูดให้พระราชาเปลี่ยนใจ พูดดีๆก็แล้ว ข่บังคับก็แล้ว ทรงใช้ทั้งไม้อ่อน ไม้แข็ง และมารยาทุกเล่มเกวียนที่พระองค์มี พระราชาก็ยังคงยืนยันในคำตอบเดิม นี่อาจเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีที่พระราชากล้าขัดใจพระราชินี
พระราชินีมีไม้ตายสุดท้ายนั่นก็คือ พระองค์แอบเปิดหน้าต่างห้องเจ้านกสีฟ้าเพื่อหวังจะให้มันบินหนีไป แต่ทั้งหมดที่เจ้านกสีฟ้าทำก็คือลืมตามาดูพระราชินีอย่างเกียจคร้านก่อนจะงัวเงียหลับลงอีกครั้ง
พระราชินียืนดูเจ้านกน้อยอยู่นาน นานพอที่จะมั่นใจว่ามันคงจะไม่ออกมาแน่ๆ พระราชินีจึงปิดหน้าต่างลงพร้อมกับบ่นพึมพำว่า "เจ้านกโง่" ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
ที่อาณาจักรใกล้เคียง เพิ่งได้พระราชาองค์ใหม่เป็นพระราชาที่กระหายสงคราม ไม่นานหลังจากพระราชาองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ พระองค์เลิกล้มระบบการทูตและยกกองทัพอันเกรียงไกรมายังเมืองอันอุดมสมบูรณ์ เมืองที่แสนจะสงบและร้างลาจากสงครามมานาน ใช้เวลาไม่นานเลยที่พระราชากับพระราชินีจะพ่ายแพ้ต่อพระราชาผู้กระหายสงครามอย่างย่อยยับ ทั้งสองพระองค์ตายกลางสนามรบอย่างสมพระเกียรติ
เจ้านกสีฟ้าที่อาศัยอยู่แต่ในห้องโดยคิดว่าห้องนี้คือโลกของมัน ไม่ได้รับรู้ถึงความวุ่นวายของโลกจริงๆภายนอก
มันเพียงแต่แปลกใจว่าอาหารหายไปไหนและสงสัยว่าพระราชาหายไปไหน
มันควรจะเริ่มออกบินแล้วช่วยเหลือตัวเอง แต่ทั้งหมดที่มันทำก็คือหลับต่ออีกงีบหนึ่งเพราะมันคิดว่าเมื่อมันตื่นมันคงเจออาหารตรงหน้าเหมือนเคย
มันตื่นมาครั้งหนึ่งแล้วพบเพียงความว่างเปล่า มันบอกตัวเองว่าฉันคงนอนไม่นานพอ หลับต่ออีกงีบหนึ่ง และอีกงีบหนึ่ง และอีกงีบหนึ่ง ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมคือความว่างเปล่า
เจ้านกสีฟ้าทีเคยอ้วนพีซูบผอมลงทุกทีๆ แต่มันก็คงนอนรออาหาร นอนรอพระราชาอยู่ในกรง
ในความฝันสุดท้าย ตอนนี้มันไม่หิวอีกแล้ว แต่มันยังรักพระราชาอยู่ พระราชามารับมันไปอยู่ร่วมกับพระราชาและพระราชินีในดินแดนแห่งความสุขชั่วนิรันดร์
จากคุณ :
wormearth
- [
13 ก.ย. 49 21:19:42
]