นานชาติจะเขียนเรื่องสั้นแนวเลิฟๆ
กับเค้าซะที (ที่จริงถูกบีบคอให้เขียน)
ยังไงก็ขอฝากเนื้อ ฝากตัว ฝากคอมเม้นท์ และฝากฝัง (ศพ)
คนเขียนด้วยแล้วกันนะคะ
ขอบคุณค่า
**********************************************************************
MAN FROM VENUS : ผู้ชายจากดาวศุกร์
ในความฝัน แป้งเห็นตัวเองกำลังล่องลอยอยู่ท่ามกลางความมืดที่ประดับประดาด้วยแสงวับวาวจากดวงดาว ซึ่งกำลังกระพริบพราวราวกับทักทายเธออยู่ในที น่าแปลกใจ...แม้เคว้งคว้างในดินแดนอันเวิ้งว้าง หญิงสาวกลับไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด มีเพียงความเย็นเยียบเท่านั้นที่ทำให้ผิวกายสะท้านบ้าง แต่ยังคงปล่อยร่างบางเคลื่อนอย่างอิสระตามแต่ อะไรบางอย่าง จะพาไป แล้วจู่ๆ ท่ามกลางความหนาวเหน็บนั้น แป้งก็ค่อยๆ สัมผัสได้ถึงไออุ่น เธอจึงพยายามมองหาที่มาจนกระทั่งพบดาวดวงหนึ่ง
ตอนเช้าแป้งงัวเงียลุกขึ้นจากเตียง ความฝันที่ชัดเจนเมื่อครู่เริ่มเลือนราง ทิ้งไว้เพียงความทรงจำจางๆ และความประหลาดใจจนหญิงสาวต้องนึกทบทวนอีกครั้งว่าเหตุใดถึงฝันถึงห้วงอวกาศ ระหว่างครุ่นคิดก็เหลือบเห็นนาฬิกาบอกเวลาใกล้แปดโมง จึงลุกพรวดจนผมซอยสั้นแค่คอไหวตาม พลางทำความสะอาดร่างกายอย่างรวดเร็ว ก่อนเดินทางสู่มหาวิทยาลัย เพราะกลัวเข้าสอบปลายภาคในชั้นปีสุดท้ายไม่ทัน
เมื่อออกจากห้องสอบ แป้งก็มาสมทบกับเพื่อนๆ ตรงม้าหินประจำกลุ่มใต้ต้นก้ามปู พูดคุยถึงข้อสอบที่เพิ่งผ่านไป รวมถึงเรื่องค้างคาใจเมื่อเช้า
เมื่อคืนฉันฝันแปลกๆ แป้งเอ่ยเบาๆ กับนุช-เพื่อนสนิทที่สุดของเธอ ขณะคนอื่นๆ เริ่มทยอยกลับบ้าน
ทำไม ฝันว่าอนาคอนด้ามารัดเหรอไง เพื่อนรักของแป้งพูดอย่างไม่ให้ความสำคัญนัก เพราะกำลังสนใจถุงขนมบนโต๊ะมากกว่า
บ้า ไม่ใช่! ฉันว่าตัวเองเหาะอยู่ในอวกาศ แป้งพูดพลางทำท่าบิน อย่างงี้ๆ
อ้อ...ฝันว่าตัวเองเป็นนักบินอวกาศ ฝันจริงๆ ว่ะแก นุชย้อนหลังจากเคี้ยวขนมเสร็จ ประโยคนี้ทำให้แป้งต้องรีบแก้ความเข้าใจผิดของเพื่อนอย่างทันควัน แต่ไม่ทันพูดจบคู่สนทนาก็แทรกขึ้นก่อน
จ้า...ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ อย่ามัวแต่โม้อยู่เลย ไหนว่าจะรีบอ่านหนังสือ ประเดี๋ยวเถอะได้ตกเหมือนยานชาเลนเจอร์ นุชเปรียบเทียบแป้งกับยานอวกาศลำหนึ่งที่ระเบิดขึ้นขณะปฏิบัติการ
จริงสิ แป้งส่งเสียงสูง รีบเก็บหนังสือ โบกมือลาเพื่อนซี้แล้วเดินอย่างรีบเร่งไปยังป้ายรถเมล์ หญิงสาวใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาทีก็มองเห็นหอพักสีขาวตั้งตระหง่านในชุมชนที่มีคนค่อนข้างพลุกพล่าน เมื่อลงจากรถประจำทาง แป้งตรงไปยังจุดหมายโดยไม่ทันระวังตัวว่าแก๊งหมาวัดกำลังแยกเขี้ยวจ้องเธอเขม็ง แต่โชคดีที่มีรั้วกั้นอยู่ พวกมันจึงได้แค่เห่าหญิงสาวเสียงดัง แต่แค่นั้นก็มากพอจะทำให้ผู้สวมชุดนักศึกษากลัวจนหน้าถอดสี จนเมื่อเห็นพวกมันทำได้แค่เห่าเท่านั้น เธอค่อยใจชื้นขึ้นก่อนยิงฟันและส่งสายตาท้าทายบรรดาคู่ปรับ
คิดจะงับน่องตะเกียบชั้นเหรอ ไม่มีวันซะล่ะ แป้งพูดอย่างมีชัย
200 เมตรจากหน้าปากซอย แป้งก็มาถึงหอพัก พลางกดลิฟต์ไปชั้นสูงสุด เมื่อย่างก้าวสู่อาณาเขตส่วนตัว หญิงสาวเปิดประตูกระจกด้านหลังและยืนรับลมด้านนอกซึ่งมีระเบียงยื่นออก โดยแต่ละระเบียงนั้นมีกำแพงรูปโค้งเข้าเหมือนพระจันทร์เสี้ยวกั้นอย่างเป็นสัดส่วน
ขณะยืนเพลินๆ หญิงสาวเพิ่งเห็นว่าห้องพักข้างๆ ที่ว่างมาราวสองอาทิตย์นั้น ตอนนี้มีคนเข้ามาอยู่แล้ว โดยสังเกตจากเสียงทำงานของเครื่องปรับอากาศ เมื่อปล่อยใจถึงเรื่องต่างๆ รวมถึงความฝันเมื่อคืนสักพัก แป้งจึงค่อยเข้าห้องเพื่ออ่านตำราเรียนอย่างคร่ำเคร่ง การสอบครั้งนี้เธอขยันเป็นพิเศษ เพราะหากเกรดเป็นไปตามที่หวัง เธอจะได้เกียรตินิยมอันดับสองพ่วงท้ายแถม ทันใดนั้น เสียงเปรยของพ่อก็ลอยมาตามลม
ไอ้แป้งน่ะเหรอ ท่าทางจะได้เกียจคร้านนิยมอันดับหนึ่งเสียมากกว่า
โห...พ่อทำไมดูถูกกันยังนี้ล่ะ เสียงลูกสาวคนเดียวของบ้านตัดพ้อ ก่อนเชิดหน้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูกว่า คอยดูละกัน
เออ ให้ได้จริงๆ เถอะ พ่อจะเอาแกแห่รอบเมือง และแถมควายให้ใช้อีกสองตัวเลยเอ้า พ่อแกล้งแหย่ พลางหลิ่วตากับคู่ชีวิตเป็นนัยว่า ลูกไม้เดิมๆ ประเภทแสร้งดูถูกนั้นได้ผลเสมอ
หญิงสาวอมยิ้มเมื่อนึกถึงครอบครัว พลางอ่านหนังสือต่อ เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ รู้สึกตัวอีกที แป้งเห็นว่าท้องฟ้ามืดแล้ว จึงคิดผ่อนคลายด้วยการสูดอากาศตรงระเบียงพร้อมดูดาวอย่างที่ทำเป็นประจำ ทว่ากลุ่มดาวซึ่งเคยกระจัดกระจายนั้น คืนนี้กลับมีเพียงดวงเดียวที่ส่องสว่างกระจ่างตา
สวัสดีครับ เสียงนั้นแม้นุ่มนวล แต่มีพลังพอจนหญิงสาวสะดุ้ง เมื่อเห็นอีกฝ่ายตกใจเจ้าของเสียงทักทายจึงรีบกล่าวต่อ
ขอโทษครับที่ทำให้ตกใจ ผมชื่อเมือง เพิ่งย้ายมาอยู่ข้างๆ คุณวันนี้เอง เขาเอ่ยอย่างเป็นกันเอง ในขณะแป้งยังคงอึ้ง เพราะตะลึงกับใบหน้าอันหล่อเหลาของเจ้าของเสียง ซึ่งตอนหลังแป้งคิดว่าถ้าใช้คำว่า งดงาม ถึงจะเหมาะกว่า
สะ สวัสดีค่ะ แป้งหลบตาตอบ เมื่อเงยหน้าก็เห็นอีกฝ่ายยิ้มโชว์ฟันขาวเป็นระเบียบอย่างจริงใจ พลอยให้ใบหน้าคมสันยิ่งดูดีขึ้นไปอีก จนหัวใจของผู้ถูกทักวูบไหว ยอมเสียมารยาทขอตัวเข้าห้องดื้อๆ โดยมีเหตุผลว่า ไม่ควรคุยกับคนแปลกหน้า ไม่ใช่เพราะกลัวเขาเห็น ใบหน้าแดงก่ำ ของตนเองแน่ๆ
แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 49 19:37:02
จากคุณ :
รัตตะ
- [
14 ก.ย. 49 19:33:11
]