แปลจาก เรื่อง เมล์ ออร์เดอร์ คิด ของ จ๊อยส์ แมคโดนัล ค่ะ อ่านภาษาอังกฤษแล้วมันเขี้ยวอยากจะแปล หนังสือเล่มนี้ได้มาร้านในตลาดนัด ริมทะเลสาบโรโตรัว ที่ นิว ซีแลนด์ ซื้อมาในราคาถูกมาก อ่านตะลุยไม่ต้องหลับต้องนอนกันเลย สนุกมาก ลองอ่านกันดูนะคะ
น้องนอกไส้
แม่สั่งให้ทางไปรษณีย์
หมาจิ้งจอกของผมกำลังคอยผมอยู่แล้ว ตอนที่ผมกลับจากโรงเรียน... แล้วก็แม่ด้วย
ถูกเป๊ะเลย แม่คอยอยู่ตรงหน้าประตูซะด้วย... ...
จากสีหน้าของแม่ ผมนึกภาพออกเลยว่า กระเป๋าเสื้อผ้าของผม ต้องถูกแม่เอาเสื้อผ้าใส่ไว้ให้เรียบร้อย และเจ้ากระเป๋าพวกนั้นก็คงจะต้องถูกวางไว้ในห้องโถง แบบว่าพร้อมที่จะออกจากบ้านได้ทันทีน่ะ
แต่แทนที่จะเห็นกระเป๋าเสื้อผ้า กลับกลายเป็นกรงลวดหนึ่งใบ แล้วอย่างนี้จะให้ผมยิ้มได้ไง และกลางกองกระดาษหนังสือพิมพ์ที่ถูกฉีกเป็นฝอยยาว ก็คือเจ้าหมาจิ้งจอกของผม ตัวเล็กๆ สีสนิมปนขาว และมีจมูกสีดำมันแผล็บ
เอาละ ....อย่างน้อยที่สุดผมก็คิดว่ามันต้องเป็นตัวเมีย เพราะผมสั่งซื้อไปยังงั้น และที่แน่ๆก็คือผมตั้งชื่อมันไว้เรียบร้อยแล้วด้วย ผมจะเรียกมันว่า วิคกี้ วิคกี้...แม่จอมฉุนเฉียว
ตอนนี้ เจ้าทูน่าแมวของเรา กลับขึ้นไปอยู่ที่ตีนบันไดแล้ว ทำเสียงฟ่อๆ ส่อเค้าว่าจะต้องมีพายุใหญ่จากมันแน่ หางของเจ้านี่อ้วนใหญ่เหมือนไม้เบสบอลล์ ตอนนี้แม่ยังไม่พูดอะไร ได้แต่ยืนกอดอก มองแม่วิคกี้ของผม ผมว่าแม่น่าจะเอาแขนลงนะ ไม่งั้นผมเสียวไส้ว่า แม่คงจะต้องห้ำหั่นผมแน่ ไม่วินาทีใด ก็วินาทีหนึ่ง
โอเค ผมยอมรับละ ว่าแม่ก็น่าจะตกใจหรอก เพราะจะว่าไปแล้วผมก็ทำสิ่งนี้โดยพละการ โดยลืมบอกแม่ว่าผมได้สั่งหมาจิ้งจอกตัวนี้มา ก็ผมเห็นโฆษณาให้สั่งซื้อหมาได้ จากในนิตยสารที่พ่ออ่านนี่นา
คือยังงี้ ถ้าคุณอาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆที่ห่างไกลจากความเจริญ คุณก็ใช้วิธีสั่งซื้อของ ตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบได้ทางไปรษณีย์ เพื่อนผมตั้งครึ่งห้อง ใส่เสื้อผ้าเหมือนกันเด๊ะ...แต่ไม่ได้เจตนานะครับ เพียงแต่ว่าบรรดาแม่ๆใช้วิธีสั่งซื้อเสื้อผ้าตามแคตตาล็อกในนิตยสารนั่นเอง
ไงก็แล้วแต่ โฆษณาอันนี้ บอกไว้ว่า ผมสามารถสั่งสัตว์ที่เจ๋งๆ อย่างเช่น หมาจิ้งจอกพันธุ์ท่อนซุง หรือ หมาจิ้งจอกแดงได้นี่นา
หมาจิ้งจอกแดง... ผมรู้สึกปิ๊งขึ้นมาจริงๆ
ผมเห็นภาพตัวเองเดินไปตามถนน มีสายหนังจูงหมาจิ้งจอกไปด้วย...โอ้ ช่างโก้ซะนี่กระไร และที่นอกเหนือจากนั้นก็คือ ผมอยากจะมีสมบัติที่เป็นของตัวเองกับเขาบ้าง
เจ้าแมวทูน่าน่ะมันเป็นของแม่ แล้วมันก็เป็นแมวบรมเซ่อ เลยละ เช่นตอนที่เราดึงสายหนัง มันจะนอนไถเถือกกับพื้นเหมือนเป็นงู จนสายหนังที่เราจับอยู่นี่หนักเป็นตันได้ละมัง มันน่าขายหน้าออกเวลาที่เจ้านี่ทำฤทธิ์ ผมคิดว่า หมาจิ้งจอกคงไม่ทำอย่างนี้หรอก ...หมาจิ้งจอกเจ๋งอยู่แล้ว
มันต้องใช้เงินเยอะเหมือนกัน ในการสั่งซื้อหมาจิ้งจอก แต่โชคดีที่ผมมีเงินอยู่ในถุงเท้าพอที่จะซื้อได้ คือยังงี้ครับ ผมจะเก็บสตางค์ค่าขนม รวมทั้งเงินที่ผมหาได้จากการรับจ้างตัดหญ้าในสนามในช่วงฤดูร้อน ไว้ในถุงเท้า แล้วก็เอาใส่ไว้ในลิ้นชัก ผมถึงมีเงินสั่งซื้อหมาจิ้งจอกได้ไง
ผมไปขอให้ มิสเตอร์ เพิร์ลมัทเทอร์ ที่ไปรษณีย์กรอกใบสั่งซื้อให้ เพราะว่าในใบสั่งซื้อเขาระบุว่า ส่งเช็ค หรือ เงิน
แม่ยังคงยืนกอดอกอยู่ เพราะฉะนั้นผมก็เลยคิดว่า วิธีที่ดีที่สุดคือ ต้องทำหน้าตายไม่รู้ไม่ชี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมถนัดมาก
แม่ครับ...เยี่ยมจังเลย ใครส่งมาให้ครับ
นี่ลูกกำลังจะบอกแม่เรอะว่า ลูกไม่รู้เรื่องหรือ ฟิลลิป โดธี
เมื่อไรที่แม่เรียกผมเต็มยศว่าฟิลลิปละก็ ผมรู้ว่าผมจะต้องเดือดร้อนแน่ เพราะปกติแม่จะเรียกผมว่า ฟลิป ใครๆก็เรียกผมยังงี้ อ้าว... ทำไมผมจะต้องรู้ด้วยล่ะครับ ผมถาม
แม่กำลังจะเอามีดมาจิ้มๆๆมันนะ รู้ไว้ด้วย แม่พูด มันเป็นเรื่องบังเอิญงั้นซี ที่มีชื่อของลูกอยู่บนป้ายบนกล่อง
กรรม... แม่เห็นด้วยหรือ
แต่มืออย่างผม มีหรือจะจน ผมก็หาข้อแก้ตัวได้ในเวลาเดี๋ยวเดียว
แม่ครับ... ผมทำเสียงโกรธ อันนี้ไม่ได้หมายความว่าผมจะต้องเป็นคนทำนะครับ คนที่ส่งของมาอาจจะโมเมใส่ชื่อผมก็ได้ แม่ก็รู้นี่ว่ามันอาจจะเป็นไปได้ ...ว้าว ข้อแก้ตัว เข้าข่ายอัจฉริยะได้เลยนะเนี่ย แม่กับพ่อ จะออกอาการโกรธเกรี้ยวอยู่บ่อยๆเวลาที่ได้รับ ของที่ส่งมาทางไปรษณีย์ พ่อว่า สงสัยว่า ชื่อของทุกๆคนในหมู่บ้านนี้ คงจะไปอยู่ในบัญชีรายชื่อเชิญชวนซื้อสินค้าของบริษัทต่างๆแน่
ส่งคืนไปนะ ฟลิป
ขนาดนั้นเลยหรือครับ
เดี๋ยวนี้ วันนี้ นี่คือคำขาด แม่พูดชัดเจนหรือเปล่า
ทำไมคนที่เป็นพ่อแม่ เขาชอบพูดกันอย่างนี้นะ ....แม่พูดชัดเจนหรือเปล่า... ทำยังกับว่าพวกเราไม่รู้ภาษาอังกฤษหรือไม่รู้ภาษายังงั้นแหละ
ผมพามันไปเดินเล่นหน่อย ไม่ได้หรือครับ ผมตีลูกอ้อน แค่จูงเดินสักหนึ่งช่วงตึก ไม่ได้หรือครับ
แม่มีสัตว์บ้าบิ่นอยู่ในบ้านสองตัวแล้ว แม่พูด
ถ้าคุณถามผมว่าแม่กำลังพูดอะไรอยู่ ผมก็ขอบอกว่า นั่นเป็นเวลาที่แม่จนคำพูดเวลาเขาพูดถึงลูกๆ เล่นเอาผมอึ้ง พูดอะไรไม่ออกไปเลย ...
แม่ส่ายหัวลูกเดียว หมาจิ้งจอกเป็นสัตว์ที่ต้องอยู่ในป่า ใครก็ตามที่ขายหมาจิ้งจอกทางไปรษณีย์....
จาการอาการเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ผมบอกได้เลยว่าแม่ผมเริ่มจะโกรธจริงๆจังๆแล้ว
แม่ก็สั่งนายทอดด์ทางไปรษณีย์เหมือนกัน ผมเถียง ก็ต้องทำกันอย่างนี้แหละ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการกระทำที่ไม่ดีก็ตาม แต่ผมหมดทางแล้วนี่
เจ้าทอดด์นี่เป็นน้องชายของผม อายุอ่อนกว่าผมสี่ปี และเขาเพิ่งเริ่มเรียนเกรดห้า จริงๆแล้วทอดด์ไม่ใช่น้องชายแท้ๆของผมหรอก เขาเป็นลูกบุญธรรม แล้วเขาก็ไม่ได้เป็นคนอเมริกันด้วย เขามาจากเกาหลี ชื่อจริงของเขาคือ แด วูน แต่พ่อกับแม่ทั้งชื่อให้เขาว่า ทอดด์
แม่สูดลมหายใจลึก แล้วจ้องหน้าผม ทำหน้าละเหี่ยใจ มันไม่เหมือนกัน คนละอย่างกันเลย
ใช่ เพราะเขาอาจจะไม่ได้ถูกส่งมาในกรง เถียงได้ไม่เลวนะ....ผมบอกตัวเอง
น้องชายของเธอไม่ได้ถุกส่งมาทางไปรษณีย์นะ ฟลิป แม่พูด มองผมด้วยแววตาเจ็บปวด
แม่ครับ...ก็แม่เห็นรูปในจดหมายข่าว แล้วแม่ก็เขียนจดหมายไป แล้วเราก็ไปรับตัวเขาที่สนามบิน ...ฟังๆดูแล้วมันก็เหมือนๆกันล่ะน่า
แม่จะไม่ยืนเถียงอยู่กับลูกตรงนี้ละ เดี๋ยวจะต้องพาคนไปดูบ้าน แม่ก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ จากนั้นก็เอาหวีขึ้นมาหวีๆผมตรงหน้ากระจกในห้องโถง
แม่ผมทำงานเป็นเอเย่นต์ขายบ้าน ดังนั้นแม่ก็มักจะออกไปที่โน่นที่นี่เพื่อขายบ้าน
... ตามสบายเลยแม่..ผมคิด เวลาที่แม่เถียงไม่ออก แม่เขาจะต้องเปลี่ยนเรื่อง ....เอางานมาอ้างทุกที
แม่เริ่มเอานิ้วป้ายสีชมพูบนริมฝีปาก ผมตัดสินใจเสี่ยงดวงกับแม่อีกครั้ง แค่สองสามวันเท่านั้นนะครับ แม่ นะครับ ผมแค่อยากจะดูว่ามันเป็นยังไง เมื่อผมมีสัตว์เลี้ยงของตนเอง ที่จะต้องดูแล
มันต้องมีอะไรสักอย่างเกิดขึ้นแน่ๆ ผมไม่ได้คิดเอาเองหรอก ผมหมายความว่าสิ่งที่ผมโต้เถียงแม่คงจะเป็นการโต้เถียงที่ยอดเยี่ยม เพราะแม่ดูท่าทางคิดหนัก เอ้อ เอกสารที่เขาไปรับสินค้าจากท่าเรือก็บอกไว้แล้วว่า ไอ้เจ้าหมาตัวนี้ มันถูกยิงมา .แม่เอาลิปสติค และหวีใส่กระเป๋า แม่ไม่มีเวลายุ่งกับเรื่องพวกนี้ เราค่อยคุยกันต่อตอนแม่กลับมาก็แล้วกัน แต่ตอนนี้ต้องเอามันไว้ในโรงรถ และต้องไม่ปล่อยมันออกไปข้างนอกโดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เข้าใจ๋ ?
ไม่มีปัญหาครับ ผมรับคำ
แล้วแม่ก็ยิ้มในหน้า ผมก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่รอยยิ้มนั้นก็ทำให้ผมหนาวๆร้อนๆ
อึ้งจนพูดไม่ออกละซี แม่พูด ผมเดาว่าแม่คงจะรู้ไต๋ผม แม่ชอบทำแบบนี้แหละ
ไม่เลวนักหรอก...ฟลิปเพื่อนยาก ผมคิดในใจในขณะที่ลากหมาจิ้งจอก และกรงออกมาและเดินตรงไปยังประตูหลัง ขอเวลาผมแค่สองสามวันเท่านั้น เพราะทันที่ที่แม่เห็นว่าหมาจิ้งจอกของผม เก่งแค่ไหน ผมก็รู้ว่า แม่จะต้องใจอ่อนยอมให้ผมเลี้ยง ผมได้ยินเสียงแม่ค้นหาเสื้อแจ็คเก็ตในตู้เสื้อผ้า จากนั้นก็ออกจากบ้านไป
วิคกี้มีท่าทางเหมือนกับจะอยากกินอาหารก่อนที่ผมจะเอาตัวมันไปในโรงรถ
แต่เมื่อผมเอากรงวางไว้บนพื้นครัว ผมก็เห็นมันรีบไปซุกตัวอยู่ที่มุมกรงเหมือนกับมันกลัว
ผมเลยตัดสินใจพามันไปที่ห้องนอนของผม กะว่าแค่สักพักหนึ่ง พอให้มันคุ้นๆกับผม จากนั้นมันก็คงจะไม่ตื่นกลัวมากอย่างนี้
ผมรู้ว่าผมได้สัญญากับแม่ไว้ว่าจะให้มันอยู่ในโรงรถ
แต่ผมคิดว่าให้มันอยู่ในห้องผมสักสองสามนาทีก็คงจะไม่เป็นอะไรมั้ง
ว่าแล้วผมก็หอบวิคกี้ กรง แลอะไรต่อมิอะไร ขึ้นไปบนห้องผม
สิ่งแรกที่วิคกี้ทำเมื่อผมเอื้อมมือไปลูบตัวมันก็คือ มันขบนิ้วผม มันไม่ได้ทำให้เกิดแผลหรือรอยถลอกแต่ อย่างใด แค่ขบเบาๆ ผมก็เลยพยายามที่พูดกับมันสักสองสามนาที
จากคุณ :
พิชาภา
- [
14 ก.ย. 49 21:35:42
]