CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    จะเก็บรักนี้ไว้..ลึกสุดใจ

    ฉันยืนอยู่บนลานกว้าง เบื้องหน้าคือ สถานธรรมอันเงียบสงบ ซึ่งตั้งอยู่บนไหล่เขา ท่ามกลางมวลไม้ครึ้มเขียวและดอกไม้สีสันสวยงามแปลกตา  ไม่ไกลจากเมืองมากนัก  ตรงจุดกึ่งกลาง คือลานหินกว้าง เป็นที่ประดิษฐานขององค์พระพุทธองค์ ฉันเดินเข้าไปใกล้ ก่อนย่อตัวลงนั่งในท่าเทพธิดา ยกมือพนมค่อยประจงกราบก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบเนตรอันอ่อนโยนของพระองค์

    ช่างเป็นแววตาที่เปี่ยมไปด้วยเมตตานัก แค่นี้ หัวใจอันร้อนรุ่มของฉันก็รู้สึกราวกับสัมผัสไอเย็นอันแสนพิสุทธิ์  หากแต่เป็นเพียงความรู้สึกชั่วครู่  ต่อเมื่อถอนสายตาจากพะเนตรอันเปี่ยมไปด้วยความเมตตานั้น จิตใจของฉันก็กลับมาหม่นหมองและรุ่มร้อนเช่นเดิม

    “อรหังสัมมา สัมพุทโธ........”

    ยินเสียงสวดมนต์แว่วมาจากทางศาลาหลังเล็กซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก  มันเป็นบทสวดที่แสนจะคุ้นเคย หากแต่ไม่เคยสำเหนียกสักกระผีกว่า ความหมายอันลึกซึ้งนั้น เป็นเช่นไร  ยังคงท่องบ่นไปราวกับเป็นแค่กิจที่ปฏิบัติสืบๆกัน  ต่อเมื่อใจมีทุกข์เช่นนี้ หูของฉันจึงรู้สึกถึงรสอันซาบซึ้งจากน้ำเสียงอันเยือกเย็นและอ่อนโยนนั้น จนต้องหยัดกายลุกขึ้นยืน แล้วเดินตามเสียงไป  กระทั่งเข้ามาถึงบริเวณด้านในศาลาหลังเล็กโดยไม่รู้ตัว

    ภาพที่เห็นคือ แม่ชีในชุดขาว กำลังนั่งหลับตาสวดมนต์ ซึ่งคงเป็นการทำวัตรเช้านั่นเอง   ฉันค่อยลงนั่งในท่าพับเพียบ ก้มลงกราบพระประธาน แล้วยกมือพนมในท่าอัญชลี  แล้วว่าตามบทสวด   น่าแปลก  ขณะที่ปากของฉันกำลังท่องบทสวดมนต์  แต่ใจของฉันหาได้สงบไม่ มันยังคงเตลิดไปไกล  เรื่อยเปื่อยไร้จุดหมาย  แม้จะพยายามดึงใจกลับ แต่สุดท้ายใจเจ้ากรรมก็ยังฟุ้งซ่าน ไร้ทิศทาง

    “กาเมสุมิจฉาจะรา...เวรมณี........”

    ถึงบทนี้  เหมือนเข็มนับร้อยทิ่มลงมาตรงกลางใจ  ใจที่กำลังเตลิด พลันนิ่งงัน  แล้วน้ำตาเจ้ากรรมก็รื้นขึ้น ทำไมหนอ มันถึงได้เสียดแทงจนเจ็บปวดได้ถึงเพียงนี้

    “ผมรักคุณ...”

    เพราะคำๆนี้ใช่ไหม ที่เป็นเหมือนบ่วงร้อยรัดหัวใจฉันจนเหมือนยิ่งดิ้นก็ยิ่งรัด จนแทบขาดใจ

    “คุณคือคนที่ผมรอคอยมาทั้งชีวิต…”

    เพราะประโยคนี้ใช่ไหม ที่เป็นเหมือนโซ่ตรวน ล่ามหัวใจ เลือดเนื้อ และวิญญาณของฉันให้ภักดีกับเจ้าของคำพูดราวกับทาสผู้สัตย์ซื่อและโง่เขลา   ภักดีอย่างโง่ๆ ทั้งที่ไม่มีแม้โอกาสได้พิสูจน์ว่า คำพูดเหล่านั้นมันจริงจากหัวใจ หรือแค่คำมักง่าย ที่หลุดออกมาตามกระแสธารแห่งอารมณ์ปรารถนาเพียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น

    ยังประโยชน์อันใดอีก  แม้ปากบอกว่ารักสุดแสน  แต่การกระทำมันกลับสวนทาง
     
    ริมฝีปากที่เม้มแน่นสั่นริก หูทั้งสองไม่ยินสรรพเสียงใด ดวงตาทั้งคู่มีน้ำใสเอ่อ ทั้งที่เปลือกตาปิดสนิท นานเท่าใดไม่รู้ที่ฉันนั่งอยู่ในท่านั้นราวรูปปั้น

    “บางทีน้ำตาก็ไม่ได้หมายความว่าเราอ่อนแอเสมอไปหรอกนะ”

    น้ำเสียงเยือกเย็น แต่ทว่าอบอุ่น ปลุกฉันให้คืนสติ  ภาพใบหน้าอันอิ่มเอิบ ของแม่ชีในชุดขาว ที่มานั่งอยู่เมื่อใดไม่รู้ ทำเอาฉันรู้สึกละอายแก่ใจยิ่ง  ละอายที่กระทำการอันน่าอดสู เอาความขมขื่น ความทุกข์ และน้ำตามาแปดเปื้อนสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้

    “กราบแม่ชีค่ะ...” ฉันป้ายน้ำตาด้วยหลังมือ แล้วก้มลงกราบท่าน

    “ไม่เคยเห็นหน้า คงจะเพิ่งเคยมาที่นี่”

    “ค่ะ”

    “ยึดมั่นถือมั่นมากไปก็เป็นทุกข์นะ รักมากไปก็เป็นทุกข์ ทุกอย่างต้องเดินสายกลาง ใจจึงจะสัมผัสได้ถึงความสุข...”

    คำพูดอันอ่อนโยน รอยยิ้มอันอบอุ่น  และแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตา ราวกับน้ำทิพย์ช่วยชโลมใจ  มันทำให้จิตใจฉันเริ่มรับฟัง ไม่ดื้อดึง และโลดแล่นไปไหนอีกแล้ว

    “มันไม่ง่ายเลยนะคะ ที่จะลืมคนที่เรารัก”

    ฉันเริ่มต้นเอ่ยความในใจ สภาพแบบฉัน ไม่บอกแม่ชีก็คงพอจะรู้ว่าสาเหตุแห่งความทุกข์ตรมนั้นคืออะไร

    “ใครบอกให้ลืมละ....จงรักเขา..และรักตลอดไป.. แต่ต้องรักให้เป็นนะ รักด้วยจิตใจที่เมตตา รักด้วยปรารถนาให้คนที่เรารักเป็นสุข ไม่ใช่เพราะปรารถนาจะครอบครองตัวเขา ...เช่นนั้นใจเราก็จะเป็นทุกข์ไม่จบสิ้น”

    ฉันนิ่ง  พยายามทำความเข้าใจกับคำพูดนั้น แต่อีกใจมันกลับแข็งขืนและต่อต้าน ฉันสูดลมหายใจเข้า พยายามกดความรู้สึก ราวกับต่อสู้กับสิ่งชั่วร้ายอยู่นานก่อนจะผ่อนลมหายใจแผ่วเบา  รู้สึกว่าความอัดอั้นในใจเริ่มคลายลงบ้างแล้ว

    “ที่คนเราเป็นทุกข์ด้วยความรักอยู่ทุกวันนี้ก็เป็นเพราะรักด้วยการขาดสติ ลุ่มหลงในรสรัก ติดหลงในรสหวานที่ต่างปรนเปรอให้กันและกัน จนทึกทักว่าสิ่งนั้นมันจะช่วยร้อยรัดดวงใจทั้งสองให้สนิทเสน่หาและจีรังยั่งยืน”

    “หนูบาปไหมคะ ที่รักเขาทั้งๆที่รู้ว่าเขามีพันธะผูกพันแน่นหนา...”

    ฉันถาม พลางก้มหน้า ไม่กล้าสบตา

    “บาปหรือไม่...ขึ้นอยู่กับเจตนาของเรานะลูก เรารักเขา หวังดีกับเขา ไม่บาปหรอก เพราะเราไม่ได้คิดร้ายกับเขา แต่หากถ้าวันใดเราลุกขึ้นไปแย่งชิงเขามา จนสร้างความเดือนร้อนให้คนอื่น นั่นแหละบาปมันถึงจะกัดกินหัวใจของเราให้หมองไหม้ ”

    “หนูไม่เคยคิดจะแย่งชิง หนูแค่อยากอยู่ใกล้ๆและ ได้รักเขา..”

    แต่...ที่ฉันเป็นทุกข์อยู่ทุกวันนี้ก็เพราะปรารถนาครอบครองทั้งตัวและหัวใจของเขามิใช่หรือ น่าอายสิ้นดี ที่ฉันยังมีหน้ามาพูดปด ปากกับใจไม่ตรงกัน

    จากคุณ : กีรติมา - [ 16 ก.ย. 49 01:08:14 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com