หวาน...เพียงถ้อยหวานที่ผ่านมา
สุข...สุขนักหนายามรักหวาน
เหงา...ค่ำคืนที่เหงาหรือเพราะรักจืดจาง
รักแรมร้าง...ดั่งสายลมผ่านพัดจากไป
คืนนี้เธอก็ต้องอยู่คนเดียว...
รีโมตทีวีที่ถูกกดเวียนไปมาอยู่ครึ่งชั่วโมงถูกวางลงช้าๆ บนเบาะนั่ง
เสียงถอนหายใจค่อยๆ ดังขึ้นแข่งกับเสียงทีวีที่ดูท่าว่าจะเรียกความสนใจใดๆ จากเจ้าของบ้านมิได้เลย
ร่างบางนั่งนิ่งอยู่นานเท่าใดก็ไม่รู้ จวบจนเสียงกริ่งโทรศัพท์แผดร้องดังขึ้น
รอยยิ้มที่ครั้งหนึ่งใครบางคนเคยชมเสมอว่าแสนหวานแต้มขึ้นที่ริมฝีปากอิ่มอีกครั้ง
ดวงตาพราวขึ้นอย่างมีความหวัง รีบลุกขึ้นเดินไปยังต้นเสียงแล้วกดรับสาย
สวัสดีค่ะ เสียงหวานเอ่ยทักปลายสายอย่างอ่อนหวาน
เกดว่างรึเปล่า
รอยยิ้มค่อยๆ จางหายไปจากใบหน้าของธัญสินี ก่อนเจ้าตัวจะฝืนยิ้ม
ปั้นเสียงร่าเริงตอบไป ก็...ว่างสิ มีอะไรเหรอจิ
ดีเลย คืนนี้พวกหนูนา วี อัน ทิพย์ ลงมาจากเชียงใหม่ เกดจะออกมาหาเพื่อนๆ มั้ย
จิรวดีบอกก่อนจะเอ่ยชวนอีกฝ่าย
ธัญสินีนิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกช้าๆ...
แล้วจะอยู่บ้านไปเพื่ออะไร รอคนบ้างานที่ไม่รู้เมื่อไหร่จะกลับบ้าน
ทั้งๆ ที่วันนี้เป็นวันสำคัญแท้ๆ จึงตัดสินใจโดยพลัน
ได้สิจิ เพื่อนๆ อุตส่าห์มาทั้งที แล้วจะไปเจอกันที่ไหนดีล่ะ
ร้านเดิมเลยเกด 2 ทุ่มนะจ๊ะ แต่งตัวสวยๆ ล่ะ บอกก่อนจะวางสายไป
ธัญสินียกหูโทรศัพท์ค้างเอาไว้ นิ่งมองเสมือนมันเป็นสิ่งประหลาด
ไม่สิ! ที่น่าประหลาดน่าจะเป็นใครอีกคนที่วันนี้ไม่มีมาแม้แต่เสียงนุ่มทุ้มที่คุ้นเคย
ดีล่ะ! ไม่มาก็อย่ามา งั้นจะไม่เกรงใจล่ะนะ
+++++++++++++++++
สองทุ่มตรง ร่างบางในชุดแซกสีขาวก้าวลงจากรถแท็กซี่ที่หน้าร้าน กาลครั้งหนึ่งถึงความรัก
ร้านอาหารที่เป็นที่สิงสถิตประจำของเธอและเพื่อนๆ สมัยเรียนมหาวิทยาลัย
ตัวร้านเป็นไม้สีน้ำตาลเข้ม ตกแต่งด้วยพรรณไม้นานาพันธุ์ ส่วนใหญ่เป็นไม้ในวรรณคดี
(ไอเดียตกแต่งร้านเหล่านี้เป็นของพวกเธอด้วย) อากาศยามค่ำในช่วงปลายฝนต้นหนาวพัดผ่านผิวให้ใจไหวสะท้าน
ปกติเธอไม่ได้มาอย่างโดดเดี่ยวเช่นวันนี้...
คิดพลางสั่นศีรษะราวกับจะให้ใครคนหนึ่งที่ยังคงอยู่ในทุก
ห้วงคำนึงหลุดออกไปตามแรงสะบัดนั้น แต่ก็ไม่สำเร็จ จึงต้องย้ำด้วยคำพูด
อย่าคิดถึงคนใจร้ายแบบนั้นเด็ดขาดนะเกด วันสำคัญของเราแท้ๆ ทำไมถึงลืมไปได้...
เสียงในตอนท้ายเครือแผ่วเบา อย่างจะตัดพ้อใครคนนั้น
เกดมาแล้ว เสียงทักที่ดังขึ้นจากจิรวดีทำให้เธอต้องสูดลมหายใจลึกๆ
ไล่อาการบ่อน้ำตาตื้นทิ้งไปโดยพลัน ยิ้มรับคนที่เดินตรงดิ่งเข้ามาหาก่อนจะพาลากเข้าร้านไป
เสียงทักทายเซ็งแซ่ของสี่สาวเหนือที่นานๆ จะว่างบินลงมาที่เมืองหลวง
ร้องทักเพื่อนคนสุดท้ายที่เพิ่งมาถึงอย่างดีใจ
นึกว่าเกดจะมาไม่ได้แล้วสิ หนูนาหรือนาราวัลย์ทักทายขึ้น
ใช่ เราก็คิดว่าเธอจะออกมาไม่ได้ซะอีก เพราะพวกเรามาถึงก็เย็นแล้ว
แถมไม่ได้นัดเธอล่วงหน้าอีก โชคดีนะเนี่ยที่เกดว่าง วีรกานต์เสริม
มาได้สิ ถึงไม่ว่างเราก็จะออกมา ก็เพื่อนอุตส่าห์มาทั้งที
อะไรก็คงไม่สำคัญแล้วล่ะ ธัญสินีตอบยิ้มๆ เห็นหน้าเพื่อนๆ แล้วทำให้ลืมบางเรื่องไปได้บ้าง
ก็อยากจะมาบ่อยๆ หรอกนะ แต่ยัยอันนะสิ ชวนทีไรก็บอกว่า ยุ่ง ยุ่ง ยุ่ง ทั้งปี
นี่ก็เพิ่งบังคับให้หยุดงานแล้วลากลงมาหาเกดกับจิได้เนี่ยล่ะ
ทิพญาดาพยักเพยิดไปทางคนต้นเรื่องที่ทำให้ขึ้นมากรุงเทพฯไม่ได้บ่อยๆ
แหม ก็กำลังจะขยายสาขาร้านนี่นามันก็เลยยุ่งๆ น่ะ
เออ ว่าแต่วันนี้คุณพระเอกไม่มาเหรอ ทำไมปล่อยให้นางเอกของเราฉายเดี่ยวได้ล่ะ
ปกติเห็นหวงเกดจะตาย อันติมาหันซ้ายหันขวาอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยกระเซ้า
สีหน้าของคนถูกถามเผือดลงเล็กน้อย ก่อนจะอ้อมแอ้มแก้แทน
คนที่เคย หวง เธอนัก พัธงานยุ่งเลยไม่ได้มาส่งเราน่ะ
ไม่ใช่แค่งานยุ่งนะ...ไม่ได้บอกด้วยซ้ำว่าฉันออกมาเนี่ย
เพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตาซ่อนรอยของความน้อยใจที่กำลังพุ่งขึ้นมาอีกครั้ง
ทำให้เธอไม่ได้เห็นจิรวดีเอามือตีคนที่พูดสะกิดแผลนั้น
บรรยากาศที่เริ่มจะกร่อยทำให้จิรวดีต้องรีบคลี่คลายให้มันสดใสขึ้น
ด้วยการเรียกคุณลุงเจ้าของร้านออกมาทักทาย ย้อนให้คิดถึงบรรยากาศเก่าๆ
เสียงพูดคุยเรื่องราวต่างๆ ถูกนำมาบอกเล่าให้สมกับที่ไม่ได้พบกันนาน
สลับกับเสียงร้องเพลงคาราโอเกะ เรียกรอยยิ้มอ่อนให้ปรากฎขึ้นได้
แต่ใจของธัญสินีกลับไพล่คิดไปถึงคนที่ตอนนี้คงนั่งหัวปั่นที่ออฟฟิศ
อีตาบ้า! จะสี่ทุ่มอยู่แล้ว จะมีใครบ้างหนอที่ยังคงขลุกอยู่ออฟฟิศในเวลา
ที่ดึกอย่างนี้...ก็เขาไง ปวิณพัธ
มือบางเปิดกระเป๋าก่อนจะค่อยๆ ล้วงเอาโทรศัพท์มือถือเครื่องจิ๋วออกมาดู
หน้าจอยังเป็นปกติ ไม่มีข้อความ ไม่มี miss call ไม่มีอะไรเลย...
เกด เกด เสียงเรียกของเพื่อนทำธัญสินีสะดุ้ง
รีบเก็บโทรศัพท์และปิดกระเป๋า เงยหน้าขึ้นยิ้มแหยๆ ให้กับเพื่อนสาวทั้งห้า
อะ...อะไรเหรอ
ใจลอยไปถึงไหน เรียกตั้งนานแล้วไม่ได้ยินเหรอ เพลงโปรดเกดมาแล้วล่ะ
วีรกานต์เอ่ยพร้อมกับยื่นไมค์ให้
มือบางรับไมค์มาจากมือเพื่อนสาว เสียงหวานค่อยๆ
เอื้อนเอ่ยเรียงร้อยออกมาเป็นท่วงทำนองที่แสนหวาน...เจือไว้ด้วยกลิ่นไอของความเศร้า
เป็นแค่คนหนึ่ง...ในโลกใบเก่า
ชีวิตช่างเงียบเหงา ไม่เคยได้เห็นความจริง
มีพร้อมทุกอย่าง และมีในทุกสิ่ง
อยากบอกว่าความจริงฉันเดียวดาย
เธอนั้นก็อยู่...ในโลกใบหนึ่ง
ที่ฉันเอื้อมไม่ถึง และยังไม่เคยได้เข้าใจ
เธอเหมือนลมผ่าน ผ่านมาในหัวใจ
แต่งเติมชีวิตฉันให้สดใส
แค่เพียงได้พบเธอ แค่เพียงได้รักเธอ
อยากอยู่กับเธอตลอดไป
จะนานเพียงไหน...ใจฉันก็มีแต่ภาพเธอ
แม้ความจริง ไม่เห็นว่าเธออยู่ข้างกาย
หลับตาก็ยังพบกัน ไม่มีวันลบเลือนไป
ถึงแม้ว่าเธอจะอยู่ที่ไหน
ก็อยากจะขอ...ให้ฉันมีเธออยู่เรื่อยไป
แค่มีเธอ เคียงข้างดูแลและเข้าใจ
ไม่เคยมีใครเหมือนเธอ ที่ทำเพื่อฉันมากมาย
ใจฉันจะมีเธออยู่อย่างนี้ ตลอดไป*
จบเพลงพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มหยด
อารมณ์น้อยใจที่สะสมมาตลอดสามเดือนปะทุได้ด้วยเพลงที่เธอเคยมอบให้เขาคนนั้น
มีต่อค่ะ
แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 49 02:32:34
จากคุณ :
@ลูกท้อแช่อิ่ม@
- [
18 ก.ย. 49 02:32:10
]