5 ทุ่มเศษ ๆ 19 ก.ย. 2549 บนถนนเจริญกรุง ฝนตกพรำ ๆ
ไฟทางหลวงสองข้างทางเดี๋ยวติดเดี๋ยวดับ ไม่มีรถสักคันวิ่งบนถนน แต่อีกประเดี๋ยวจะมีรถถัง !
เป็นปกติที่ ปฏิพัทธ์ นิสิตชั้นปี 2 มักจะกลับบ้านดึกเสมอ เขามีพรสวรรค์ด้านการตีกลอง ความฝันของเขานอกจากการเป็นมือกลองอันดับหนึ่งแล้ว ก็ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง
"ยุ้ยน่ะ เธอชอบคบกับนักดนตรี ถ้าแกยอมเป็น
มือกลองให้กับวงของเรา เราจะติดต่อยุ้ยให้แก"
"เออ ดีเหมือนกัน ตีกลองปังเดียวได้นกสองตัว"
ปฏิพัทธ์ หน้าจืด ตกลงรับข้อเสนอของเพื่อนทันที เมื่อเขารับหน้าที่มือกลอง เขาได้ทำในสิ่งที่รัก แถมเขายังได้เป็นแฟนกับยุ้ยอย่างง่ายดายอีกด้วย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เขาพยายามจีบเธอเท่าไรก็ไม่เป็นผล
ทุกครั้งที่ได้กุมมือยุ้ย หัวใจของปฏิพัทธ์เป็นต้องเต้นตามจังหวะ
"รักยุ้ย ตึง ๆ รักยุ้ย ตึง ๆ ปะโลง โป๊ง ชึ่ง"
เขาสังเกตว่า สาวยุ้ยดูจะปลื้มที่มีแฟนเป็นมือกลองอย่างเขา และเธอก็ไม่เคยขัด หากว่าเขาจะขอเล่นบทมือกาวบ้างในบางครั้ง ดูเธอจะชอบเสียด้วยซ้ำไป ดีสิ เขาก็ชอบ
"รักยุ้ย ตึง ๆ รักยุ้ย ตึง ๆ ปะโลง โป๊ง ชึ่ง"
เมื่อรักราบรื่น ฝีมือกลองก็ก้าวหน้า พาเอาวงดนตรีชนะเลิศการประกวดหลายต่อหลายครั้ง เพื่อนร่วมวงคนหนึ่งถึงกับเอาพวงมาลัยสามสีมาผูกไว้ที่ไม้ตีกลอง เอาทองคำเปลวมาปิด และพากันเรียกเขาว่า ปฏิพัทธ์มือเทวดา
จนเย็นวันหนึ่งที่ข่าวไม่เป็นมงคลหลุดมาจากปากของเพื่อน
"แกรู้เรื่องยุ้ยหรือยัง"
ถ้าปฏิพัทธ์สังเกตุสักนิด เขาจะรู้ได้เองว่าสาวยุ้ยเริ่มทำตัวเหินห่างมาพักใหญ่แล้ว อาจจะด้วยเขากำลังทุ่มความสนใจให้กับการซ้อมมากเกินไปก็เป็นได้
"สงสารแกจริง ๆ ว่ะเพื่อน มัวแต่ตีกลอง ปล่อยให้ไอ้หัวเกรียนที่ไหนก็ไม่รู้ลักลอบตีหม้อ เอ๊ย ตีสนิทแฟนตัวเองได้ เฮ้อ.."
เพื่อนเล่าว่ากิ๊กใหม่ของยุ้ยเป็นนักเรียนเตรียมทหารหน้าตาคมคายหล่อเหลาคมคาย คบกันได้พักใหญ่แล้ว
เท่านั้นเอง โลกทั้งใบที่หมุน ๆ อยู่ก็หยุดลงแบบกระทันหัน
ปฏิพัทธ์ได้ยินเพียงเสียงในสมองที่ดังซ้ำซากเป็นจังหวะ
"รักยุ้ย ตึง ๆ รักยุ้ย ตึง ๆ ปะโล้ง โป้ง ชึ่ง"
เสียงเดิม แต่ความรู้สึกเปลี่ยน รอบนี้เจ็บปวดเกินบรรยาย หูสองข้างแม้จะยินเสียงเพื่อนคนสนิทพูดปลอบให้กำลังใจ แต่กลับไม่ได้ใจความใด ๆ ทั้งสิ้น อย่าว่าแต่ตอนนี้เขาไม่อยากรับฟังอะไรอีกแล้ว
"กูอยากจะเป็นบ้าให้รู้แล้วรู้รอด จะได้ไม่ต้องรับรู้อะไร ฮือ ๆ"
เหมือนเพื่อนจะรู้ว่าคงไม่มีอะไรดีไปกว่าปล่อยให้ความเงียบช่วยเยียวยาเขา
ด้วยความเป็นห่วง เพื่อนเรียกรถแท็กซี่ส่งปฏิพัทธ์กลับบ้าน ตลอดเส้นทาง เขาคล้ายเห็นภาพหลอนเป็นระยะ ๆ เป็นภาพยุ้ยกำลังเล่นหัวอยู่กับหนุ่มผมเกรียนนายทหารที่เขาไม่เคยเห็นหน้าบ้าง สลับกับภาพเมื่อครั้งที่เขาเคยสวีทสวาทกับสาวยุ้ย
พอถึงที่หมาย เขาได้แต่หอบร่างไร้วิญญาณลงจากรถไปตากฝน
5 ทุ่มเศษ ๆ บนถนนเจริญกรุง ฝนตกพรำ ๆ ไฟทางหลวงสองข้างทางเดี๋ยวติดเดี๋ยวดับ ไม่มีรถสักคันวิ่งบนถนน แต่อีกประเดี๋ยวจะมีรถถัง !
ปฏิพัทธ์มุ่งหน้ากลับบ้านด้วยดวงจิตที่ไม่สู้ปกติดีนัก จู่ ๆ ก็มีเสียง
"ตึง ๆ ตึง ๆ"
หรือว่าท่วงทำนอง "รักยุ้ย ตึง ๆ " ประจำใจเขา บัดนี้ขาดห้วงไปแล้ว
น่าเห็นใจหนุ่มผู้นี้ ชีวิตเขามีแต่เสียงกลองจังหวะหัวใจไว้คิดถึงคนรักเท่านั้นจริง ๆ
แต่เสียง ตึง ๆ นี้คล้ายดังมาจากทางด้านหลังของเขามากกว่า เขาเหลียวมองตามสัญชาตญาณ และเห็นภาพ
หลอนอีกแล้ว รอบนี้เป็นภาพรถถังที่ดูเหมือนจริงมาก ๆ
ไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด รถถังจะมาทำอะไรกันแถวบ้านเขา
ปฏิพัทธ์ ผู้ไม่รู้เรื่องราวการบ้านการเมืองแม้แต่น้อย ชีวิตเขาหมกตัวอุทิศให้แก่เสียงกลองและวงดนตรี ข่าวลือเรื่องการปฏิวัติรัฐประหารอะไรเป็นสิ่งที่ไม่ได้อยู่ในข่ายการรับรู้หรือสนใจของเขาเลยแม้แต่น้อย
ดังนั้น เขาจึงร้องไห้ออกมาโฮใหญ่ หลังรถถังลับตาไปได้ครู่หนึ่ง
"อะไรจะหลอนกูอีก ก็ออกมาให้หมด รีบมาซ้ำกูเลย โดนไอ้หัวเกรียนทหารแย่งแฟนไม่พอ เสือกมีภาพหลอนรถถังมาซ้ำเติมกูอีก มา มาให้หมด หลอนให้กูเป็นบ้าเป็นหลังไปเลย ฮือ ๆ"
นี่ก็หลายชั่วโมงแล้ว เชื่อว่าตอนนี้นายปฏิพัทธ์คงรู้จากข่าวทางโทรทัศน์หรือวิทยุบ้างแล้วว่า รถถังที่เขาเห็นเมื่อคืนนี้น่ะ
มันไม่ใช่ภาพหลอน !
แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 49 17:15:31