ค่าย นักศึกษาวิชาทหาร ชั้นปีที่ ๓
วันที่ ๑
__หกสิบคนขึ้นนั่ง__________หนึ่งคัน
ออกค่ายเกือบห้าวัน_________จากบ้าน
เขาชนไก่ไปกัน____________ม.หก
ได้ฝึกศาสตร์อีกด้าน________ฝึกรู้การทหาร
__ออกค่ายน่าตื่นเต้น_______คงสนุก
เตรียมฝึกวิธีรับรุก__________สกัดป้อม
ทุกข์กายแต่จิตสุข___________พร้อมฝึก
แม้ถูกครูทหารซ้อม_________จักไร้บ่นโวย
__มื้อเช้ายังบ่ได้___________กินมา
เพราะไม่มีเวลา____________แดกข้าว
รีบเร่งมุ่งไปหา____________ศูนย์ฝึก
รถออกหกโมงเช้า__________เกือบแล้วเกือบสาย
__เกือบชั่วโมงไป่ใกล้______เมืองกาญจ์
ไม่ขยับนั่งอยู่นาน_________ปวดก้น
ปวดเมื่อยเกิอบต้านทาน_____บ่อยู่
ด้วยเลือดไทยยังข้น_________จึ่งได้ทนไหว
__เจ็ดโมงเริ่มสว่างแล้ว______รุ่งสาง
นั่งอยู่บนที่ทาง_____________ต่ำพื้น
เก้าอี้บ่พอวาง_______________หกสิบ
คนนั่งหลับไม่ฟื้น___________หลับได้อิจฉา
__นั่งพื้นก็ได้แต่ง___________บทโคลง
แต่งกาพย์ช่วยจรรโลง________จิตข้า
แต่งเรื่อยๆแปดโมง__________แต่งอยู่
แม้ถูกมองว่าบ้า_____________แต่งได้ต่อไป
__ถึงถิ่นถึงที่แล้ว____________เขาชน ไก่แฮ
มีกว่าห้าร้อยคน_____________อยู่ด้วย
ห้าวันที่ต้องทน______________อยู่ฝึก
ต้องบุกเขาลงห้วย____________แน่แล้วเตรียมใจ
__สักการะพระมงกุฎเกล้า_____สดุดี
เทิดเกียรติพระบารมี__________ปกฟ้า
ห้าร้อยชุดกากี_______________ยืนสงบ
แม้แดดแสงจัดจ้า_____________นิ่งได้ทนไหว
วันที่ ๒
__จัดพลเตรียมจัดเข้า__________ชุดยิง
ลมนิ่งไม่ไหวติง______________สุดร้อน
หมวกถอดปัดประวิง__________พัดโบก
รอถูกครูเรียกต้อน_____________ต่อเข้ายิงปืน
__พลยิงนั่งอยู่หน้า_____________เป็นแถว
หกสิบคนตั้งแนว______________ฝึกซ้อม
สายตาจดจอแวว_______________ตรงจุด
ธงสะบัดบอกให้พร้อม__________เริ่มได้ยิงเลย
__ปืนยิงยิงถูกเป้า_______________รูกลาง
ธงเปลี่ยนสีปืนวาง______________เก็บเป้า
ล้วนออกวิ่งเป็นทาง_____________ไปกลับ
คู่ฝึกก็สลับเข้า__________________อยู่พร้อมรอธง
__บ่ายสามเดินไต่ขึ้น____________ภูเขา
แม้เหนื่อยแต่ตัวเรา______________บากหน้า
แม้แดดจักแผดเผา_______________เดินต่อ
เห็นวัด ณ ขอบฟ้า_______________หมดล้าเดินไหว
__ขึ้นเขาโคตรอยากน้ำ__________หิวกระหาย
แดดส่องแผดกระทบกาย_________โหดร้าย
เมื่อยเหนื่อยเกือบวอดวาย ________ลงสลบ
แต่กลับรอดมาได้______________เนื่องด้วยจุดหมาย
__ถึงวัดจึงกราบไหว้___________นมัสการ
ความเหนื่อยยากทรมาน_________หลุดพ้น
ไหว้พระถิ่นเมืองกาญจ์__________จิตสงบ
ด้วยเลือดไทยเข้มข้น____________เปี่ยมล้นประทับใจ
__สองทุ่มได้ขับร้อง_____________ฟังเพลง
ครูฝึกร่วมบรรเลง_______________เสนาะเร้า
กระเทยบ่กลัวเกรง______________เต้นสนุก
สามทุ่มจึงกลับเข้า_______________หลับพื้นนอนฝัน
วันที่ ๓
__หกโมงเดินเข้าป่า_____________พงไพร
ลมโบกต้นไม้ไกว_______________แกว่งก้าน
แดดแสงเริ่มเล็ดไร______________สว่างส่อง
เห็นทัศน์ทิวอีกด้าน_____________ถิ่นนี้มีงาม
__สิบโมงฝึกศาสตร์ด้าน________พรางตัว
ทาทั่วจนหน้ามัว______________ขุ่นคล้ำ
หน้าเปื้อนเปรอะเนียนัว________คงตลก
ครูฝึกท่านยังย้ำ_______________อย่าล้างฝุ่นสี
__ตกบ่ายได้ฝึกเฝ้า_____________หมอบคลาน
ทรายตลบโคตรทรมาน_________ฝุ่นฟุ้ง
โผวิ่งอย่างแบบทหาร___________เหนื่อยเหน็ด
ฝึกเสร็จเหงื่อคละคลุ้ง___________เปรอะเปื้อนดินทราย
วันที่ ๔
__ออกแนวบุกประชิดใกล้_______เข้าตี
ระเบิดตกหมอบทันที ___________ฝุ่นฟุ้ง
แสงแดดแผดธรณี______________ตลบอบ
ปืนสาดเสียงแทบสะดุ้ง__________ถล่มด้วยปืนปลอม
__ทำลายรุกบุกป้อม____________ตีฐาน
ล้างถล่มยึดปราการ_____________หน่วยพร้อม
แม้ถูกศึกรุกราน________________เราสกัด
วันสี่สนุกฝึกซ้อม_______________สอบกล้ากำลัง
__ตกเย็นรีบบุกร้าน____________สวัสดิการ
ไปเผื่อมีอะไรทาน_____________อร่อยได้
ได้ซื้อแดกอาหาร______________จนอิ่ม
รู้สึกรสเหมือนคล้าย____________กับข้าวโรงเรียน
__ทหารสั่งเต็นท์เช็ดไซร้________ปัดถู
ปัดเสร็จสะอาดกว่ากู____________อีกนั้น
เชือกหลุดนั่งตอกตะปู__________สมอบก
ตอกเสร็จรีบด้นดั้น____________อาบน้ำเช็ดตัว
วันที่ ๕
__เก็บของเตรียมกลับบ้าน_______เย็นใจ
ของจัดยัดโดยไว_______________เก็บเข้า
เหนียวตัวไม่เป็นไร_____________ทนอยู่
อีกนิดจักหายเศร้า______________กลับบ้านหลับใหล
__สิบสถานีเล่นได้_____________สนุกกัน
วิ่งป่ายปีนสุดมัน_______________เหนื่อยไร้
คูเนินอกไก่อัน_________________ขวางกีด
มิอาจกั้นเราไว้_________________ผ่านได้ง่ายดาย
__ก่อนกลับถูกเหยียบนิ้ว________เจ็บมือ
คุณเพื่อนคงสะลึมสะลือ_________เหยียบได้
แต่เพื่อนจักไม่ถือ______________เอาผิด
เพื่อนสนิทแม้เรื่องร้าย___________ปล่อยไว้อภัยมัน
__ปล่อยรถออกวิ่งแล้ว__________โดยไว
หมายจุด ณ ที่ไกล______________ถิ่นบ้าน
สุขสบายนั่งรอไหว_____________ทนอยู่
ทนต่อจนถึงย้าน________________จอดแล้วเมืองหลวง
__ห้าวันที่ฝึกเฝ้า_______________ศาสตร์ทหาร
ออกค่าย ณ เมืองกาญจ์__________ถิ่นนั้น
ห้าวันผ่านไม่นาน______________ก็จบ
ลำบากเพียงช่วงสั้น_____________จบแล้วสบายเอย
__หลายโคลงที่แต่งไว้__________เกินจริง
หลากบทนั้นอ้างอิง____________จิตข้า
หากผิดโปรดติติง______________บอกกล่าว
เพียงแต่งเพื่อคลายล้า _________แต่งแล้วสบายใจ
แต่งผิดพลาดยังไง ก็แนะนำได้เลยนะครับ
ขอขอบคุณไว้ล่วงหน้า
*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*.*
ที่แต่งไว้เนี่ย ประมาณว่า แต่งใส่สมุดพก เล่มเล็กๆ ดำๆ ที่ครูเขาให้ซื้อไว้ทุกคน
ตอนไหนที่ว่างเขียนได้ ก็เขียนไปเลย (เช่นตอนนั่งรอต่างๆ + นั่งรถกลับบ้าน)
แล้วพอวันที่ ๓ กับ ๔ มันก็ลุยทั้งวัน ไม่มีเวลาจะเขียน
มันเลยสั้นๆ หนะครับ....
ป.ล. มีคำหยาบปนอยู่ด้วย ขออภัยจริงๆ ครับ ตอนนั้นไม่ทันระวัง
แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 49 21:30:14
แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 49 21:28:43
จากคุณ :
Nuras
- [
20 ก.ย. 49 18:49:31
]