ดาวพราว สดใสใกล้มือ เหมือนว่าอยู่แค่เอื้อม แต่ที่จริง...แสนไกล
ฉันเคยล้อเล่นกับดวงจันทร์ กำ...กุมมันไว้ในมืออยู่นานจนเมื่อยแขน
ใช่...ฉันยื่นมือขึ้นไปในฟ้า สายตามองตาม ภาพจันทร์ใกล้มือไม่ขยับหนี ฉันขยับนิ้วแตะเพียงขอบวง บรรจงอย่างที่สุด เพราะมือที่สั่นอาจทำให้ฝันไม่อาจเป็นจริง
ใช่...ฉันคิดว่าได้กุมดวงจันทร์เอาไว้ในมือ มันเป็นมุกควายที่ใครสักคนเคยเล่น ชูมือขึ้นในอากาศ กำมือบังดวงจันทร์นั่นไว้ แล้วก็ตู่ว่า กำพระจันทร์มาไว้มอบให้จากหัวใจ
ผู้ชายบางคน...
ช่างตอเ_เหลได้น่ารักขนาดนั้น
คืนนี้ไม่มีพระจันทร์
นิยายเรื่องแรกที่ฉันได้อ่านสมัยวัยแตกเนื้อสาว
ก่อนจะตามอ่าน ทองประกายแสด...และ...คนเริงเมือง เป็นเรื่องถัดมา
ทุกวันนี้ฉันยังใช้ชื่อตัวเองตามนั้น
พริ้ง
ใช่...คืนนี้ไม่มีพระจันทร์
ทั้งฟ้าจึงดารดาษ ไปด้วยดวงดาว หมื่นล้านพันแสน กระพริบๆ วิบๆ วับๆ ไม่บ่อยนักกับฟากฟ้าจากมุมนี้ ที่ดาวที่รักของฉัน จะยิ้มทักกันได้เต็มที่
แหงนหน้ามองได้ครู่เดียว ความวิงเวียนก็มาเยือน หัวโคลงช้าๆ จนต้องหลับตา ตั้งสติ ขยับแขนพาดยึดพนักเก้าอี้ยาว อีกมือคว้าขวดเซี่ยงชุนมาซุกไว้ระหว่างซอกขา ใช้ต้นขาด้านในช่วยหนีบยึดขวดเหล้านี้ไว้อีกชั้นหนึ่ง
ปล่อยให้ลมโกรกเนื้อหนังอยู่อึดใจ ก่อนค่อยลืมตา
นั่นแน่ะ ยอดปราสาทพระราชวัง สวยงามและเงียบเหงา วังเวงและว้าเหว่
ความสง่าตระการตาช่างน่าจับต้อง
จนผู้ชายตอเ_เหล)คนหนึ่ง เคยใช้มือบังฐาน ประมาณว่ามีทั้งราชวังวางบนมือมามอบให้
ครั้งนั้นฉันสะบัดลุกพรวดขึ้น เดินห่างออกมาพอพ้นระยะเท้าตามถีบ แล้วหันไปชี้หน้าด่าลั่น
ไอ้พวกไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เมียเป็นมะเร็งปากมดลูกหรือไง ถึงมาเล่นพิเรนทร์แถวนี้
คืนนี้ปราสาทยังโอฬาร
ใกล้ตาและเดินไปแตะต้องได้
แต่ป่วยการ เพราะทหารล้อมวังรุ่นนี้ มันพากันรังเกียจฉันเสียแล้ว ไม่เหมือนรุ่นก่อนๆ วันไหนฉันไม่เฉียดกายเข้าไป มันก็ พากัน มาตามหาถึงตรงนี้
ฉันยกขวดเซี่ยงชุนขึ้นจิบ ที่จริงเตรียมแก้วเป๊กมาด้วย แต่กลัวจะเป็นการดัดจริตเกินไป หรือไม่ก็ถูกหาว่าสติไม่เต็มเต็ง
แถวนี้คนดีๆ ถูกมองว่าเป็นคนบ้ามีออกถม
ฉันปล่อยอารมณ์ให้ผ่านไป ทอดสายตาเข้าไปในลานกว้าง ไฟสนามจากเสาสูง สาดแสงลงมาเพียงบางดวง พอแค่ให้เห็นเงาตะคุ่ม คล้ายกองอุจจาระเรี่ยราดน่ารังเกียจ
ไม่ได้สิ...
ฉันก็เคยเช่าเสื่อนอนกลางสนามนี่ออกบ่อย
มันโปร่งโล่ง มีดาวทั้งฟ้าโอบล้อม มีลมรำเพยแตะผิว
หากไม่นับกลิ่นสาบคนที่โชยมาตามลม
สวรรค์บนดินก็อยู่ตรงนี้
สนามหลวง
ฉันใช้ซอกขาหนีบขวดเหล้าไว้อีกครั้ง
ลองทำท่าบริหารนม คือยกศอกขนานกับพื้น ประสานฝ่ามือไว้ใต้ลูกคาง ดันส้นมือหากันหนักๆ ช้าๆ ให้เนื้อนมเคลื่อนขึ้นๆ ลงๆ เป็นจังหวะ
มันเจ็บแปลบ ร้าวยอกขึ้นมาถึงไหปลาร้า สันหลังเสียวไปถึงปลายก้นกบ ความขัดยอกยังไม่จาง ยังดีที่เหลือแรงตรงซอกขา พอให้หนีบขวดไว้ได้
เซี่ยงชุนถูกกรอกลงคออีกอึกใหญ่ แล้วตามลงไปอีกสาม...สี่อึก
มันสะหัวใจเหลือเกิน
มันซ่านเข้าไปถึงเนื้อกระดูก
เนื้อหนังเหมือนถูกกรีดแทงด้วยของร้อน
ลมตีขึ้นจนเรอ แสบร้อนในลำคอ กลิ่นเหม็นเปรี้ยวคลุ้งอวลขึ้นโพรงจมูก
ฉันก้มหน้าซ่อนไว้ในเงา ซ่อนหน้าหมาขย้อนอ้วกเสียจากผู้คน
จิ้มชิ้นมะม่วงเปรี้ยว คลุกกะปิพริกน้ำปลา ยัดใส่ปาก เคี้ยวๆ แล้วกลืน
ไล่อาการขมในคอได้ชะงัด
เสียงหัวเราะหึๆ แว่วผ่าน
ฉันรีบปรับท่าให้ผึ่งผาย ปรายตามองไต่ไปตามพื้น จนถึงที่หมาย
รองเท้าหนังแก้วสีดำ ขัดมันจนล้อแสงไฟหน้ารถได้วิบวับ คล้ายประดับดาวไว้บนเกือก
กางเกงกากีขากระบอก ตึงตรงส่วนน่อง เข่า และต้นขา กางเกงอย่างนี้ไม่มีจีบหรือซิปหน้า
เนินนูนที่ดุนดันเนื้อผ้าตรงเป้าออกมานั้น จึงเป็นของจริงล้วนๆ
คุณพระช่วย!
หรือจะเป็นเขาคนเมื่อคืน คนที่มอบรสขื่นของน้ำคาว คนที่ฝังรอยแดงช้ำเป็นจ้ำไว้บนเนื้อตัว คนที่ทำให้ฉันต้องมานั่งดวดเซี่ยงชุน แกล้มมะม่วงคลุกกะปิในคืนนี้
พี่พริ้งใช่ไหมครับ
คะ...ค่ะ
พร้อมคำรับ ฉันรู้สึกได้ ระไอสาวเอ่อซึมออกมาทันที
ทำไมหนอ แค่ชุดจากพวกท่าราชฯ จึงทำให้ร้อนร่านได้ถึงเพียงนี้
ขอนั่งด้วยคนได้ไหมครับ
ค่ะ...เชอ...เชิญ
ฉันขยับที่ให้ เลื่อนถุงมะม่วงมาไว้อีกข้าง เอาขวดเหล้าซุกไว้ระหว่างขา
ตลอดเวลา ฉันยังก้มหน้า ด้วยถูกบุกรุกประชิดตัว จนไม่มีเวลาดูแล กลบเกลี่ยร่อง-รอยบนใบหน้า
ที่ทำได้คือก้มสำรวจร่องอก ยิ้มให้กับเสื้อในที่ตัวเล็กกว่าขนาด มันทำให้อกอิ่มกว่าปกติ
รอยขบถูกตบแป้ง ปิดไว้ได้ครบ แต่ปลายถันแข็งชัน เจ็บจี๊ดซาบซ่าน คล้ายคนขบยังไม่ละริมฝีปากไปไหน
พี่ประมวลแนะนำผมมา
ฉันเงยหน้าขึ้นทันที
พี่ประมวลของเขา คือรุ่นน้องฉันเกือบยี่สิบปี ชายหนุ่มคนนี้อายุน้อยกว่าประมวลคนเมื่อคืน
สูงกว่า หล่อกว่า ล่ำสันกว่า
เสื้อยืดคอกลมสีขาว ขลิบแขนและคอด้วยสีกรมท่า ตัวเล็กกว่าคนสวม
ต้นแขนกำยำด้วยมัดกล้าม แผงอกหนา กระทั่งลอนหน้าท้อง ล้วนขึงเสื้อยืดตัวเล็กให้ตึงไปทุกส่วน
เขาวางก้นไว้หมิ่นชายเก้าอี้ เอนหลังพิงพนัก วางมือไว้ข้างลำตัว นั่งแยกขาตามสบาย
ในท่านั่งอย่างนี้ เป้ากางเกงจึงยิ่งนูนเด่น เห็นรายละเอียดกระทั่งองศาการทอดลำ
ฉันลอบกลืนน้ำลาย เสยกเซี่ยงชุนกรอกลงคออีกสามอึกรวด ขืนใจไว้ไม่ให้เรอ ลมตีออกทางหูจนอื้อ
...ผมชอบอย่างพี่
คำแรกเขาว่าอะไรฉันได้ยินไม่ถนัด
พี่ชอบ...อย่าง...ของผมนี่บ้างไหม
พร้อมพูด เขาใช้สองนิ้วประกบรูดตามรอยลำ มันเริ่มจากขอบกางเกงด้านซ้าย ไล่ขยายมาถึงศูนย์กลาง ฉันสังเกตเห็นปุ่มปมเล็กๆ หลายเม็ด
เหมือนจะอ่านสายตาฉันออก เขากระซิบ ขยิบตาบอกเบาๆ
เก้าเม็ด
ฉันขนลุกซู่ เผลอลูบต้นแขนด้วยใจหวาดหวั่น ของประมวลย่อมกว่า มีมุกแค่ห้าเม็ด ยังทำให้ฉันตกประหม่า มือไม้ปากคอสั่น เมื่อคืนการกระแทกกระทั้นเสยแซะแต่ละครั้ง มันฝังแรงเสียดสีประหลาด เจ็บซ่านจนลืมความเจ็บปวดอื่นใด ที่ทั้งโหมขบกัด ตบฟาด พร้อมกระหน่ำบด...ควง...ขยี้
ลีลาผมสู้พี่ประมวลได้สบาย...
นั่นประไร เขาต้องบอกให้กันรู้ เล่าสู่กันฟังว่าฉันรับได้แค่ไหน
...พี่ประมวลว่าห้าร้อยได้ครบทั้งประตูหน้าประตูหลัง
ดูเขาไม่กระดากสักนิดกับสิ่งที่พูด ฉันได้แต่พยักรับ ส่งสายตาสำรวจใบหน้าให้ชัด
คนวิตถารหน้าตาอย่างนี้น่ะหรือ
ผมเกรียนติดหนังหัว ตัดตรงเป็นทรงลานบินบนกระหม่อม คิ้วเข้มแหว่งไปนิดหนึ่งเพราะแผลเป็น ตาคมขนตายาว จมูกใหญ่โด่งเป็นสัน แก้มและกรามขึ้นรูปชัด ทำให้รู้สึกเหี้ยมขึ้นเล็กน้อย แต่ปากบางเล็กสีสดช่วยผ่อนคลายไปได้ เค้าโครงหน้าดูรู้ว่าเป็นพวกลูกน้ำเค็มจากทางใต้
คนวิตถารหน้าตาดีขนาดนี้เชียวหรือ
ผู้ชายที่ฉันใฝ่ฝันมาทั้งชีวิตชัดๆ
ทั้งรูปร่าง หน้าตา และขนาดตรงหน้าตัก
พี่รังเกียจผมหรือ
มะ...ไม่ ไม่ค่ะคุณ ทำไมคิดอย่างนั้น
เห็นพี่เหมือนไม่อยากพูดกับผม
อยาก...อยาก อยากค่ะ
ฉันพูดอะไรออกไปกันนี่ แต่เมื่อพูดออกไปแล้วมีหรือจะเรียกคืนมาได้ ฉันยกเซี่ยงชุนขึ้นกระดกอีกครั้ง มันพร่องไปเกือบถึงก้นขวด คิดว่าน่าจะกลืนที่เหลือลงคอได้ในรวดเดียว
เขารั้งขวดเหล้าออกจากปาก ด้วยมือใหญ่สากหนาที่ประกบกุมมือฉัน น้ำเหล้าหลุดจากปาก หยดลงในร่องอกนิดหนึ่ง เขายิ้ม...
พวกผมสามคน แต่รวมเงินกันได้แค่พันสอง พี่ตกลงไหม
สามคน!
ครับ มีทุกอย่างเท่ากับผม และ...พวกเราอยากเล่นกับพี่
แต่ว่าสามคนมัน...เอ่อ
มีแค่พันสองจริงๆ ครับ และอยากเล่นกับพี่จริงๆ
หนุ่มน้อยวางมือบนหน้าตักตัวเองอีกครั้ง ทาบกำมือเน้นส่วนนั้นชัดๆ จึงเห็นว่านี่เป็นขนาดที่ยังไม่สู้มือ เขาละมือนั้นมาที่ขวดเซี่ยงชุนที่ระหว่างขาของฉัน เขากระชับมือกับคอขวดเป็นเชิงให้เห็นขนาดจริง พร้อมกันก็ออกแรงดันขวดเบาๆ หยอกล้อกับน้องน้อย ที่เขาไม่รู้หรอกว่าตอนนี้มันชื่นฉ่ำขนาดไหน
ฉันแหงนหน้าหนี จงใจแยกขารับความเย็นเยียบของผิวขวด แต่เขาหยุดไว้แค่นั้น คงมองตามสายตาฉัน เขาเอ่ยขึ้นเบาๆ
คืนนี้ไม่มีพระจันทร์
ค่ะ
แต่มีพี่พริ้ง
คะ...?
หากมีพระจันทร์ ผมก็จะเด็ดลงมาให้พี่
มุกนี้น่ารัก พี่ชอบ เอื้อมมือไปบังจันทร์ กำไว้แล้วตู่ว่าดวงจันทร์อยู่ในกำมือ
ผิดหรือครับที่เราจะฝัน
ไม่ค่ะ...พี่บอกแล้วว่าพี่ชอบ แต่...สามคนจะฝันเหมือนกันไปได้อย่างไรคะ
ฉันบ่ายหัวข้อสนทนาไปสู่จุดเริ่มต้นการต่อรอง ชั้นเชิงเรื่องนี้ฉันไม่เป็นรองใคร ไม่เคยหยาบจนกระด้าง หรืออ่อนจนปวกเปียก มากคนกว่านี้ ดิบเถื่อนกว่านี้ ใช่ว่าไม่เคยเจอ
มันอยู่ที่ขั้นตอนนี้ต่างหาก
การเจรจา
ว่าจะจับหัวใจฉันไว้ได้หรือไม่
การกระทำทั้งหมด ตั้งแต่เสียงหัวเราะในลำคอเพื่อดึงดูดความสนใจ จนถึงตอนขยับขวดให้ชิดเนื้อ เขาทำได้ดี ผ่านการพิจารณาได้หมด
ยกเว้น
อีกสองคนไหน
ไหนล่ะคะ ที่ว่า...เพื่อนอีกสองคน
โน่นครับ นั่งกินเหล้ารออยู่กลางสนาม แต่เป็นเหล้าขาว-น้ำแดง พี่พริ้งคงไม่รังเกียจ
ฉันกวาดสายตาตามนิ้วที่ชี้ไป สองหนุ่มที่นั่งอยู่ไม่ไกลโบกมือให้ จากระยะนี้ยังเห็นชัด เหมือนกับหนุ่มน้อยในฝันคนที่นั่งใกล้นี่จริงๆ
ฉันอมยิ้ม
ไม่ผิดหรอกที่จะฝัน
พี่ชอบเหล้าสี เซี่ยงชุนนี่หอมนะ
ฉันยื่นขวดให้เขายกขึ้นดื่มจากปาก แค่สองอึกก็หมดขวด ท่าทางขื่นๆ ทำให้ฉันนึกขัน
หอมดี...เหมือนกันครับ
มันหมดแล้วน่ะสิ พี่กินได้แต่เซี่ยงชุน
พวกผมเอ่อ...ไม่เหลือ...
ไม่เป็นไร เอาเงินในพันสองนั่นแหละซื้อ ให้พี่ขวดเดียวก็พอ แล้วน้องอยากได้อะไรอีกก็ซื้อมา
แสดงว่าพี่...
เขายิ้มเต็มหน้า คงสมใจเต็มที่ ฉันได้แต่พยักหน้ารับนิดหนึ่ง
รีบไปซื้อเถอะ พี่จะไปนั่งรออยู่กับพวกเพื่อนๆ คุณ
ฉันยืนส่ง จนเขาเดินพ้นไป ค่อยหันกลับมาทางสองหนุ่มที่นั่งรอ ก้าวเท้าตรงไปหาอย่างมั่นคงที่สุดเท่าที่จะทำได้
นึกภาวนาในใจ
ขออย่าให้ใคร เล่นมุกควายเชิญปราสาทไว้บนฝ่ามือ ในคืนนี้เลย
************
แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 49 14:03:55
จากคุณ :
น.ส.สแตนเลส
- [
21 ก.ย. 49 14:02:03
]