ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อครับ วันก่อนระหว่างที่นั่งอยู่บนระเบียงบ้านซึ่งมองออกไปเห็นป่ากว้าง ผมเห็นนกสองตัวบินมาเกาะที่กิ่งไม้ใกล้ ๆ ตัวทางด้านซ้ายคงเป็นนกหนุ่มเพราะเห็นว่าดวงตายังใสแจ๋วขนสีน้ำตาลปนดำบนร่างกายก็ดูมันวับและนั่นทำให้ผมรู้ด้วยว่ามันคือนกกระจอก ส่วนอีกตัวดูเล็กกว่า ขนมีสีน้ำตาลอ่อนจาง ๆ ดูแล้วก็คงเป็นกระจิบบ้านแน่ ๆ เห็นมันส่งเสียงจิ๊บ ๆ แจ๊บ ๆ แรก ๆ ผมก็ไม่สนใจเท่าไหร่ แต่ไม่นานนักก็ต้องแปลกใจและรีบวิ่งไปหากระดาษกับดินสอมาจดข้อความ จะไม่ให้แปลกใจได้อย่างไรล่ะครับ ก็ผมดันเข้าใจที่พวกมันพูดกันน่ะสิ และด้านล่างนี้คือสิ่งที่ผมถอดความมาได้แบบคำต่อคำ ย้ำอีกนิดนะครับว่าเป็นเรื่องของนกจริง ๆ ไม่เกี่ยวกับสังคมมนุษย์อันสุดประเสิรฐเลิศล้ำและมีกฎเกณฑ์อันเป็นระบบระเบียบอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ เลย
นี่ได้ข่าวหรือยัง ป่าของเรามีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ กลุ่มนกอินทรี ได้ทำการยึดอำนาจจากเหล่านกกาแล้ว เจ้านกกระจอกเปิดเรื่อง
จริงหรือ ทั้ง ๆ ที่ได้รับมอบหมายให้ทำการปกป้องป่านะเนี่ย กลับมาทำลายระบบเสียเอง ก็ดีเหมือนกันฉันเองก็ไม่ชอบพวกนกกาอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าจะดีกว่าพวกก่อนในหลาย ๆ ทาง แต่ก็มีบางอย่างที่รับไม่ได้อยู่เหมือนกัน แล้วหัวหน้าของพวกกาไปอยู่ที่ไหนเสียล่ะ นกกระจิบตอบและถามกลับในทีเดียว ดูท่ามันเพิ่งจะรู้ข่าวนี้เอง
ได้ข่าวว่าอยู่ที่ป่าใหญ่ฝากตะวันตก กำลังเจรจาต่อรองเรื่องการแลกเปลี่ยนเมล็ดพันธ์อยู่ พอรู้ข่าวก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว ทางนี้เหล่าพวกพ้องโดนกักตัวกันไปหมด นี่ฉันก็กังวลอยู่เหมือนกันว่าทำไมมันดูง่ายดายไปหมด
ไม่น่าเชื่อนะ ก่อนที่จะเกิดเรื่องเจ้าจ่าฝูงตัวนี้ดูจะควบคุมอำนาจเบ็ดเสร็จไปแล้ว แถมอีกไม่นานยังมีกำหนดเลือกผู้ปกครองกลุ่มใหม่แล้วด้วย นี่คงกลัวว่าพวกนกกาจะกลับมาอีกสมัยกระมัง แล้วทางกลุ่มอินทรี บอกเหตุผลไหม
เห็นออกมาประกาศว่าเนื่องจากเหล่านกกาที่ได้รับการรับเลือกมานั้นแม้จะทำการพัฒนาป่าไปอีกระดับแต่ก็สร้างความเสียหายให้แก่ป่ามากมายมหาศาล ถ้าไม่ทำการตัดไฟเสียแต่ต้นลม เหล่าลูกหลานนกคงจะไม่มีป่าให้อยู่อีกต่อไป หลังจากนั้นก็ทำการยกเลิกกฏป่าที่ทุกตัวต่างร่วมมือกันสร้างขึ้นมาด้วยนะ
ยกเลิกกฎป่าเลยหรือ!!! แล้วท่าทีของนกตัวอื่น ๆ ล่ะ ฉันมีลูกอ่อนมัวแต่ออกหาอาหารไม่ได้แวะที่ไหนเลย เพิ่งได้พักเมื่อครู่นี้เอง ถึงว่าตั้งแต่ตอนเช้าไม่เจอตัวอื่น ๆ เลย กระจิ๊บร้องเสียงดังด้วยความตกใจจากนั้นจึงลดเสียงลงถาม
บ้างก็สนับสนุนบ้างก็คัดค้านไปตามเรื่อง แต่ต่างก็กระวนกระวายและไม่มั่นใจในอนาคตของตนและป่า ด้วยกันทั้งสิ้น ที่หัวอ่อนหน่อยก็เชื่อตามกลุ่มนกน้อยในไร่ส้มที่อยู่ทางตะวันออกของป่าที่ส่วนมากถูกควบคุมไปแล้ว อีกทั้งบางส่วนของกลุ่มนี้ก็ยังมีเรื่องกับพวกนกกาอยู่ก่อนเพราะการขัดกันของผลประโยชน์ อย่างที่รู้ ๆ แต่ที่ดูจะเสียใจและไม่เห็นด้วยที่สุดก็ได้แก่เหล่านกพิราบที่เป็นกำลังสำคัญในการได้มาซึ่งกฏป่าฉบับที่ถูกทำลาย เหล่าวีรชนนกที่ต้องเสียชีวิตไปเพื่อกฏป่าฉบับนี้นั้นมากมายเสียจนนับไม่ถ้วน ว่ากันว่าต้นหน้าร้อนในปีนั้น สีของใบไม้แทนที่จะเป็นสีเขียวอ่อนกลับกลายเป็นสีน้ำตาลเพราะถูกเลือดของเหล่าวีรชนชโลมย้อม
อืม นั่นเป็นตำนานอีกบทของป่าเราเลย ถ้าลองคิดดูดี ๆ ก็น่าเห็นใจพวกเขาเหมือนกันเพราะสิ่งที่พวกเขาใช้ชีวิตแลกมา ใช้เวลายาวนานถ่ายทอดกันรุ่นต่อรุ่นด้วยอุดมการณ์กว่าจะได้มา กลับถูกทำลายเพียงชั่วข้ามคืน กระจิบพูดเบา ๆ
พ่อของกันก็เคยเข้าร่วมด้วยครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นแกก็ไม่เคยบินได้อย่างปกติอีกเลย เพราะปีกเสียสมดุลย์ไปเนื่องจากการโดนจิกในการปะทะใหญ่ครั้งหนึ่ง แต่ทุกทีที่แกพูดถึงก็เอ่ยด้วยความภาคภูมิใจทุกที เจ้ากระจอกยืดอกตอบด้วยความภาคภูมิราวกับตัวมันเองได้เข้าร่วมในเหตุการณ์ครั้งนั้นด้วย
แต่ก็ยังดีหน่อยการยึดอำนาจครั้งนี้ยังไม่มีข่าวเหตุการณ์รุนแรงออกมา
เชื่อได้แค่ไหนกัน ก็พวกในไร่ส้มที่เป็นแหล่งกระจายข่าวหลักของป่า ถูกควบคุมไปแล้วไม่ใช่หรือ กระจิบถาม หลังจากก้มหัวใช้จะงอยปากไซร้ขนอกตัวเอง
อืม ก็คงฟังได้บ้างล่ะถ้าเกิดเหตุการณ์รุนแรงจริง ๆ ปิดก็คงปิดไม่อยู่ แต่ฉันก็ไม่ได้เชื่อเลยนะนี่ก็ได้ถามพรรคพวกดูบ้าง เห็นหลาย ๆ ตัว ถามต่อ ๆ กัน ก็ยืนยันว่าไม่มีอะไร ก็คงพอเชื่อได้บ้างว่ายังสงบดีอยู่ ถ้ามีก็คงนิด ๆ หน่อยเท่านั้น นี่หลาย ๆ ตัวก็เริ่มออกหากินตามปกติแล้ว กระจอกหนุ่มเงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้า ทำให้เจ้ากระจิบต้องมองตามและมันก็เห็นกางเขนสองตัวบินวนไล่แมลงอยู่
แต่พูดก็พูดนะ บรรดาพวกไร่ส้มหลัง ๆ ก็เชื่อไม่สนิทใจเท่าไหร่แล้ว ทั้งจากการกดดันของกลุ่มนกกา ทั้งจากพวกที่ต่อต้านกลุ่มนกกาเอง ดูแบ่งเป็นพวก ๆ ข่าวที่ออกมาก็ดูจะเป็นขาวกับดำไปเลย หาที่เป็นกลางได้ยากจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่ป้ายหน้าไร่ส้มก็เขียนไว้ชัดเจนว่าสื่อต้องรับใช้ประชากรป่า ข่าวที่ได้มาจากพวกนี้ผู้รับก็เลยต้องไม่รักที่จะเชื่อ แต่ต้องเลือกที่จะเชื่อหลังจากใช้ทั้งความคิดและความรู้ในการตัดสิน
เมื่อได้ฟังอย่างนี้ก็น่าเป็นห่วงอยู่นะ นกในป่าไม่ได้มีความคิดความรู้เท่ากันทั้งหมด ส่วนมากจะติดเอียงไปในทางที่ตัวเองได้ผลประโยชน์หรือเสียผลประโยชน์เสียด้วยสิ เมื่อไม่มีความชัดเจนสักด้าน แล้วจะอยู่เป็นสุขได้อย่างไร ป่าคงวุ่นวายแน่ ๆ
ก็คงต้องทนกันไป แหล่งข่าวอื่น ๆ ก็เหมือนกัน พูดไปมันก็เป็นวิธีการของเขา ใครจะกระทำการนี้ก็คงต้องทำเช่นเดียวกัน ตอนนี้ข่าวที่ใกล้เคียงความเป็นกลางมากที่สุดก็ได้แต่ฝากไว้กับกลุ่มข่าวของเครือข่ายนกเพื่อความเสรีของป่าเท่านั้น เห็นมีการจัดกลุ่มเล็ก ๆ ตามกฏป่ามาตรฐานสากลเพื่อร้องขอเสรีภาพคืนอยู่ และคงทีกิจกรรมไปเรื่อย ๆ คงเพื่อกดดันให้คณะอินทรีปฎิบัติตามที่บอกด้วย
แล้วจะทำอย่างไรกันดีล่ะ กับช่วงนี้ นกกระจิบถามหลังจาก เสียงเจ้าหนุ่มกระจอก หายไปเนิ่นนานและไม่มีท่าทีจะเอ่ยต่อ
สำหรับกันแม้ว่าจะไม่ชอบกลุ่มนกกา แต่ก็ไม่เห็นด้วยวิธีการเช่นนี้ของกลุ่มอินทรีเช่นกัน อย่างไรก็ดีในเมื่อเขาได้ทำการไปแล้ว เวลาก็ไม่สามารถย้อนคืนได้ อะไรที่เสียไปแล้วก็คงต้องเสียไป คงได้แต่ตามดูต่อไป ก็ได้แต่หวังว่าเหล่านกอินทรีคงทำตามที่บอกว่าจะหาผู้ปกครองกลุ่มใหม่ที่ได้รับการยอมรับ และจะมอบอำนาจคืนให้ก่อนหน้าหนาวนี้ ซึ่งถ้าไม่เป็นอย่างนั้น กระจอกอย่างกันและเหล่านกอีกหลายตัวคงได้แปลงร่างเป็นพิราบ ดำเนินการตามอย่างอดีตวีรชนเป็นแน่ กันไม่อยากให้มันเกิดขึ้นเลยจริง ๆ กระจอกหนุ่มตอบกระจิบเพื่อนเกลอด้วยน้ำเสียงที่มุ่งมั่น ก่อนที่จะแยกย้ายกันไป
นกสองตัวนั้นบินจากไปเนิ่นนาน ผมยังเหม่อมองไปทางป่ากว้างอันแสนกว้างใหญ่ ภายนอกยังมองเห็นใบไม้เสีเขียวชอุ่มดูไม่มีอะไรผิดปกติ ใครจะรู้บ้างเล่าว่าป่าแห่งนี้กำลังจะเปลี่ยนสีอีกครั้ง ผมก็ได้แต่ภาวนาขอให้ใบไม้ไม่ถูกชโลมจนเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอีกครั้ง ขอให้เป็นการผลัดใบอ่อนเพื่อสร้างความสมบูรณ์ครั้งใหม่ที่ยั่งยืน ขอให้เป็นครั้งสุดท้ายสำหรับการละเมิดกฎ แล้วป่าแห่งนี้จะสงบสุขและพัฒนาไปข้างหน้าได้เหมือนป่าอื่น ๆ กันเสียที
.............................................................................
จากคุณ :
biblio
- [
24 ก.ย. 49 18:04:26
]