คุณยาย
"ยายจ๋า หนูจากิงหนม"
เสียงแหลมเล็กของเด็กหญิงราวสี่ขวบ แก้มยุ้ย ผิวขาวผ่องเป็นยองใย ที่แก้มใสนวลเนียนด้วยแป้งฝุ่นที่ถูกผัดมาอย่างดี ผมยาว ดำขลับ ถูกรวบขึ้น มัดแกละไว้สองข้าง ดังขึ้นเบา ๆ
สายตาออดอ้อน กับนิ้วป้อม ๆ กระตุกเบา ๆ ที่มือเหี่ยวย่น อย่างน่ารัก มีหรือที่คนเป็นอายุมากกว่าจะทานทนไหว
"จะเอาขนมอะไรล่ะลูก"
เสียงสั่นเครือที่ดังออกจากริมฝีปากที่แย้มยิ้มนิด ๆ ดังขึ้นอย่างปราณี
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคำบัญชาจากปากจิ้มลิ้มย่อมได้รับการตอบสนองอย่างทันท่วงที
เห็นแล้วก็ทำให้ฉันอดคิดถึงคนแก่อีกคนที่บ้านไม่ได้
ไม่ว่ายายคนไหน ก็ล้วนแล้วแต่มีภูมิตานทาน(หลานรัก)บกพร่องไม่ต่างกัน
ลงเจอลูกอ้อนเข้าไปแบบนี้ ร้องทั้งร้อย ยอมทำทุกอย่างแบบถวายหัว เพื่อนรอยยิ้มอย่างมีความสุขของเจ้าตัวเล็ก
ภาพวัยเด็กผ่านเข้ามาในหัว
"ยายจ๋า ยาย ของตุงไปซื้อแตงโมชิ้นละบาท"
เด็กหญิงผิวขาว ตาโต แก้มยุ้ย วิ่งหน้าตั้ง ตะโกนก้องมาแต่ไกล
ทั้ง ๆ ที่ คุณยายพร่ำสอนนักหนา ว่าเป็นลูกผู้หญิงต้องค่อยลุก ค่อยเดิน อย่าเอะอะ ตึงตัง
แต่ดูเหมือนแตงโมชิ้นโต สีแดงแป้ด จะยั่วใจ จนคำสอนของยายหายไปหมด
แก้มยุ้ยแดงเป็นพวง ลมหายใจขาดห้วงด้วยความเหนื่อย เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดขึ้นใต้ไรผม และเหนือริมฝีปาก
ผมที่ถูกหวีซะเรียบแปร้ มัดไว้เรียบร้อย หลุดลุ่ย จนลูกผมปลิวล้อลมอยู่หยอย ๆ
"อะไรนะลูก" น้ำเสียงปราณีไม่ต่างจากคุณยายที่จูงมือป้อม ๆ จากไป หลังจากที่หลานได้ขนมหวานถุงโต สมใจ ดังขึ้น
งง เพราะไม่เข้าใจว่ายายหลายตัวจ้อยต้องการจะสื่ออะไร
"ก็แม่ค้าที่ขายแตงโม เค้าบอกว่าแตงโมชิ้นละบาท ถ้าอยากกินก็ไปขอตุงแม่มา แต่แม่ไม่อยู่ หนูของตุงยายละบาทหน่อยสิค้า" เสียงแจ้ว ๆ ดังขึ้น พูดผิดพูดถูก สลับกับหอบเป็นระยะ
ริมฝีปากแดงปลั่งขยับขึ้นลงอย่างมั่นใจ
ดวงตาใสแจ๋ว เปล่งประกายแวววับด้วยความหวัง
"เอาจ๊ะ ตังค์ บาทนึงใช่มั๊ย ยายให้สามบาทเลย ซื้อมาเผื่อยายด้วย ถือไหวมั๊ยลูก"
คุณยายใจดียื่นเหรียญให้สามเหรียญ แต่ผลตอบแทนคือ..
"ไม่เอา หนูไม่เอาสามบาท สามบาทซื้อแตงโมไม่ได้ แม่ค้าบอกว่าแตงโมชิ้นละบาท แตงโมชิ้นละบาท ยาย ขอตุงละบาท จะไปซื้อแตงโมกิน"
เสียงแว้ด ๆ ดังขึ้นพร้อมกับน้ำตาคลอตา หลายสาวตัวเล็กทำท่าจะแผงฤทธิ์เมื่อไม่ได้ดังใจ
เอ้า ซะงั้น
คุณยายนิ่งไปพักหนึ่ง สมองอันชาญฉลาดเร่งทำงาน ปรับกลยุทธ์ใหม่ เพื่อรับมือแก้วตาดวงใจตัวจ้อย
"นี่ไงลูก ละบาท ได้แตงโมชิ้นที่หนึ่ง ของหนู" คุญยายหยิบเหรียญบาทเหรียญแรก ใส่มือจ้อย ๆ ของหลายสาว ที่ยืนมอง งง ๆ ทั้งที่น้ำตาคลอตา
"ละบาทต่อมา ได้แตงโมชิ้นที่สอง ให้ยาย" โลหะชิ้นที่สอง มูลค่าหนึ่งบาท ถูกวางซ้อนทับลงใปบนเหรียญแรก
"ละบาทที่สาม ได้แตงโมอีกชิ้น เผื่อหนูกินชิ้นแรกไม่อิ่ม หรือถ้าหนูกินไม่หมด ยายค่อยกินช่วย ดีมั๊ยลูก" จบคำ รอยยิ้มเจิดจ้า ก็กลบคราบน้ำตาจนหมดสิ้น
"ว๊าว ละบาทตั้ง 3 อันแน่ะ ได้แตงโม 3 ชิ้นเลย"
เด็กน้อยยิ้มร่า วิ่งกลับไปพร้อมละบาท 3 เหรียญในมือ เพื่อไปซื้อแตงโม ชิ้นละบาทที่แม่ค้าวางขาย
แตงโม 3 ชิ้นในถุง หนักอึ้งจนแทบจะเกินกำลัง แขนเล็ก ๆ ที่รับน้ำหนัก
แต่ด้วยความพยายาม และความคิดที่ว่าจะได้กินแตงโม..จาได้กินแตงโมแย้ว ร้องเป็นท่วงทำนองเร้าใจอยู่ในหัว เป็นกำลังสำคัญที่กระตุ้นให้หิ้วถุงแตงโมมาได้ถึงบ้าน
และแล้วสองยายหลาน ก็ได้นั่ง กินแตงโมบนแคร่ไม่ไผ่ ใต้ต้นไม้หน้าบ้านอย่างมีความสุข
ความสุขเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ ถึงแม้ช่องว่างระหว่างวัย จะเข้ามามีบทบาทบ้าง
แต่เมื่อเรารู้จักให้เวลา และแก้ลดปัญหาด้วยความเข้าใจ
ท้ายที่สุด ความรัก ในหัวใจสองดวงก็เปล่งประกายด้วยกัน
อย่างอิ่มเอิบ
คิดถึงยายจัง
สวัสดีค่ะ
เพิ่งเข้ามาหาอะไรอ่านในนี้ เลยเอาผลงานติดมือมาให้ช่วยอ่าน ติ ชมกัน เม้นท์ได้เต็มที่เลยนะคะ ไม่เกี่ยงว่าผลจะออกมาเป็นยังไง เพราะคำติคือตัวที่จะช่วยเกลางานชิ้นต่อไปให้ดีขึ้น กว่าชิ้นเดิม
จากคุณ :
แร่ใยหิน
- [
26 ก.ย. 49 01:03:27
]