 |
นกทั้งสี่ .... หากจะเทียบกับนก คนก็คงแบ่งได้เป็นนกสี่แบบ
เรื่องนี้เกิดขึ้น..หลังจากที่ไปได้ยินพี่ๆคุยกันเรื่องวิชาปรัชญาโดยบังเอิญ เราก็รู้สึกสะกิดใจกับประโยคบางประโยคในเนื้อหาของวิชาเข้า มีคำพูดๆหนึ่งที่พี่เขาพูดขึ้นมาว่านกน่ะอาจจะไม่ได้รู้สึกอิสระเสรีที่ตนเองมีปีกที่สามารถบินไปไหนต่อไหนก็ได้
และปลาก็อาจจะไม่รู้สึกว่ามันได้แหวกว่ายไปในท้องน้ำอย่างสบายใจ
เราก็คิดว่านั่นสินะ เหมือนอย่างที่มนุษย์ก็ไม่ได้รู้สึกว่าการที่เราสามารถเดินได้ วิ่งได้ เป็นอิสระเสรี
แน่ล่ะ คนเรามักจะคิดว่าสิ่งที่ตนเองไม่มีนั้นดีกว่าเสมอ
เหมือนที่ผู้หญิงบางคนอยากมีผมที่ตรงยาวสลวย จนถึงกับต้องไปเสียเงินทำให้ผมของตัวเองตรงสมใจ
ในขณะที่ผู้หญิงบางคนกลับเสียเงินทำให้ผมของตัวเองหยิกหยอยซะได้
นี่แหละคือความไม่พอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่
ลูกนกในรังจะเคยฝันถึงวันที่มันได้กางปีกออกโผบินรึเปล่านะ
หรือมันจะคิดว่าไม่อยากฝึกบินเลย เพราะหลังจากนั้นมันจะต้องดูแลตัวเอง หาอาหารเอง ปกป้องตัวเอง
อยู่โดยปราศจากการดูแลของพ่อแม่
แต่สำหรับคนแล้ว เท่าที่ประสบการณ์และมุมมองแคบๆของเราจะมองเห็นได้นั้น ถ้าเทียบกับนก...คนก็คงแบ่งได้เป็นนก 4 แบบ
...นกตัวแรกเป็นนกที่ถูกเลี้ยงเอาไว้ในกรง พร้อมไปด้วยอาหารและของเล่นมากมาย หน้าที่ของมันไม่ต้องทำอะไรมากเลย เพียงแค่มีชีวิตอยู่เท่านั้น
แค่มีชีวิตอยู่ กินอาหารที่คนเอามาให้ กระโดดไปมาอวดโฉมของตน หรือส่งเสียงร้องเป็นเพลง
นกตัวแรกเติบโตขึ้นมาเป็นนกที่คิดว่ากรงของมันคือโลกทั้งโลก เพียงแค่มันยังมีชีวิตอยู่ มีคนนำอาหารมาให้ มีคนทำความสะอาดกรงให้ แค่นั้นมันก็สุขใจแล้ว
...ส่วนนกตัวที่สองเป็นนกที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติ ทุกๆวันมันตื่นแต่เช้าและรีบออกไปแย่งอาหารกับนกตัวอื่นๆ วันทั้งวันของมันไม่มีอะไรมาก เพียงแค่หาอาหารให้อิ่มท้องก็เป็นหน้าที่ที่หนักหนาแล้ว
ไหนจะอาหารที่น้อยลงๆ ไหนจะศัตรูทั้งแมว นกตัวที่ใหญ่กว่าหรือว่ามนุษย์ มันรีบตื่น รีบกิน รีบนอน ใช้ชีวิตอย่างรีบเร่ง
ด้วยความคิดที่ว่าพรุ่งนี้จะลองไปหาอาหารที่ใหม่ดีไหมนะ หรือว่าจะลองไปที่ๆมันเคยไปดูแล้วก็ผลอยหลับไป
...นกตัวที่สามเป็นนกที่อาศัยอยู่บนต้นไม้ที่สามารถมองเห็นกรงของนกตัวแรกได้ แต่มันไม่ได้เป็นนกที่ถูกเลี้ยงไว้ในกรง ทุกๆวันมันต้องตื่นแต่เช้าเหมือนๆกับนกตัวที่สอง ใช้ชีวิตแทบจะเหมือนกันทุกอย่าง
แต่ว่า...ทุกๆวันมันจะเจียดเวลาของตัวเองมาแอบมองนกตัวแรก แล้วก็ฝันหวาน ทำยังไงนะ มันถึงจะได้ใช้ชีวิตแบบนกตัวแรกบ้าง มันจะจ้องมองนกตัวแรกทุกวันจนตะวันใกล้จะตกดินแล้วจึงกลับไปที่รัง
แล้วก็เฝ้าฝันถึงวันที่มันจะได้ไปอยู่ในกรงที่มีคนดูแล วันๆไม่ต้องทำอะไรนอกจากร้องเพลงและมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย
...นกตัวสุดท้ายเป็นนกที่อยู่ในกรงเหมือนนกตัวแรก และก็มีคนดูแลเหมือนๆกันด้วย เรียกว่าทุกๆวันของมันแทบจะเหมือนเดิมและเหมือนนกตัวแรกไม่มีผิด
แต่ว่ามันร้องเพลงน้อยกว่านกตัวแรก และก็กินอาหารที่คนนำมาให้น้อยกว่าด้วย
ทุกๆวันมันจะเกาะอยู่ที่คอนและก็มองดูนกตัวที่สองที่มีรังอยู่ใกล้ๆกันแล้วก็คิดว่าเมื่อไหร่กันนะที่มันจะสามารถบินไปมาได้อย่างอิสระเหมือนนกตัวที่สองบ้าง มันเฝ้ามองท้องฟ้า เฝ้าคิดถึงโลกภายนอกที่มันไม่เคยเห็น
หลังจากอ่านเรื่องของนกทั้งสี่ตัวจบแล้ว คิดว่าตัวเองเป็นนกแบบไหนกันบ้าง
นกตัวแรกที่มีชีวิตอย่างสุขสบายในโลกแคบๆของมัน
หรือว่านกตัวที่สองที่ใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ
หรือว่าเจ้านกช่างฝันตัวที่สาม
หรือจะเป็นแบบนกที่ใฝ่หาอิสระอย่างตัวที่สี่
เอาละ อาจจะมีใครเปรียบเทียบตัวเองได้แล้ว ในขณะที่บางคนอาจจะยังไม่แน่ใจ หรือบางคนก็อาจจะแย้งว่ามีนกแบบอื่นๆอยู่อีก
แต่ตอนนี้เราอยากจะถามว่านกตัวไหนที่มีชีวิตอย่างเป็นสุขมากที่สุด
บางคนอาจจะตอบทันควันเลยว่านกตัวแรก
งั้น...มาฟังเรื่องราวหลังจากนั้นของนกตัวแรกกันก่อน
หลังจากมันมีชีวิตอย่างมีความสุขได้ซักระยะ
วันหนึ่ง...มนุษย์ที่เคยเอาอาหารมาให้มันก็เริ่มหายไป
จากที่เอามาให้ทุกๆวันก็เริ่มกลายเป็นสองวันครั้ง สามวันครั้ง
กรงที่เคยสะอาดสะอ้านก็เริ่มสกปรกมากขึ้นๆ
แล้วในที่สุดก็มีมนุษย์เอามันไปปล่อย
นกตัวแรกบินขึ้นไปเกาะที่ต้นไม้ใกล้ๆอย่างงงๆ มันบินวนไปมาอย่างไม่เข้าใจ
แล้วก็ได้แต่เฝ้ารอมนุษย์ให้หาอาหารมาให้อยู่เช่นเดิม โดยที่ไม่มีวี่แววว่ามันจะสมหวังเลย
คิดว่าอ่านมาถึงตรงนี้คงจะเข้าใจแล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปกันนะ ส่วนนกตัวที่สองมันก็ใช้ชีวิตอยู่แบบนั้นนั่นแหล่ะ รีบตื่น รีบหาอาหาร รีบกิน กลับรัง ทำความสะอาดรัง หาคู่ มีลูก รีบหาอาหารมาให้ลูก
จนวาระสุดท้ายของมัน
สำหรับเจ้านกตัวที่สามนั้นมันก็ใช้ชีวิตเหมือนเดิมเช่นกัน จนรังของมันเริ่มจะสกปรกเพราะมันไม่คิดจะดูแลทำความสะอาด ร่างของมันก็ผอมลงๆเพราะมันหาอาหารได้ไม่พอ
ในที่สุดมันก็ไม่มีแรงที่จะบินอีกต่อไป
แล้วเจ้านกตัวสุดท้ายล่ะ มันจะเป็นนกที่มีความสุขที่สุดรึเปล่านะ
เจ้านกตัวสุดท้ายได้แต่เฝ้ามองโลกภายนอกและเริ่มไม่ร้องเพลง
ในที่สุดเจ้าของชาวมนุษย์ของมันก็ปล่อยมันไปจริงๆ มันบินขึ้นฟ้าอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ สำลักกับอิสรภาพที่มันได้รับ
มันเที่ยวบินไปที่นั้นที ที่นี้ทีอย่างสุขสำราญ
แล้วสุดท้าย...ก็ไปจบลงที่กรงเล็บของอีกาตัวใหญ่แถวๆนั้น
อ้าว แล้วอย่างนี้นกตัวไหนคือนกที่มีความสุขที่สุดกันล่ะ
ในเมื่อนกตัวแรกก็ไม่ได้มีความสุขตลอดไป
นกตัวที่สองก็ไม่เคยพบกับความสุขเลย
ตัวที่สามก็จบลงทั้งๆที่ฝันที่มันวาดไว้ไม่มีโอกาสได้เป็นจริง
และนกตัวสุดท้าย...ก็จบแบบหักมุมอีกต่างหาก
(มีใครอยากกระทืบคนเขียนรึเปล่าคะเนี่ย)
ทีนี้ก็ขอย้อนกลับมาถามซะหน่อยว่า แล้วคิดว่าอะไรคือความสุขที่พวกเราใช้ตัดสินนกเหล่านั้น
การได้บินเหรอ? อย่างที่นกตัวสุดท้ายต้องการ?
การได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย? อย่างที่นกตัวที่สามอยากได้?
แล้วนกตัวที่สองไม่เคยพบกับความสุขเลยจริงๆเหรอ แล้วถ้าจะบอกว่าความสุขของมันคือการได้กลับมานอนอย่างสงบในรังของมันอย่างปลอดภัยกันล่ะ?
ส่วนนกตัวแรก การได้ใช้ชีวิตในกรงอย่างเป็นสุข นั่นก็คือความสุขของมันแล้วไม่ใช่เหรอ? ไม่ว่าจะสั้นหรือจะยาวความสุขก็คือความสุขใช่ไหมล่ะ?
ทีนี้...อยากเป็นแบบนกตัวไหนกันคะ?
แล้วถ้าหากว่า...เราลองเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องของเจ้านกทั้ง4กันซักหน่อย
ถ้านกตัวแรก...ไม่ได้เอาแต่รอให้คนมาให้อาหาร และเริ่มหาอาหารกินเอง และบางครั้งก็บินมาอ้อนขออาหารจากเจ้าของๆมันดูบ้าง
ถ้านกตัวที่สอง...ใช้ชีวิตอยู่คล้ายๆแบบเดิม แต่รู้จักที่จะหาเวลาว่าง มาร้องเพลงขับกล่อมผู้อื่นแลกกับเศษอาหารเล็กๆน้อยๆจากคน
แล้วถ้าหากว่านกตัวที่สาม...ไม่ได้แค่เฝ้ามองนกตัวแรก แต่ตั้งหน้าตั้งตาหาเลี้ยงชีพของตัวเองต่อไป เมื่อว่างก็อาจจะบินมาคุยและร้องเพลงกับนกที่อยู่ในกรงนั่นซะบ้าง
และนกตัวสุดท้าย ถ้ามันค่อยๆบินขึ้นสู่ฟ้าอย่างระมัดระวังมากกว่านี้และคิดถึงอนาคตของตัวเอง ก่อนที่จะเริ่มออกบินไปบนท้องฟ้าที่แท้จริงแล้วก็ไม่ได้ปลอดภัยและสวยงามอย่างที่มันคิด
เพียงแค่นั้น นกทั้งสี่ก็อาจจะเรียกได้ว่าเป็นนกที่มีความสุขที่สุดแล้ว...ใช่ไหมคะ
เอาล่ะ...ลองคิดทบทวนแล้วก็ถามตัวเองดูอีกซักทีว่าคุณอยากเป็นนกแบบไหน และมีตอนจบของชีวิตอย่างไร
ขอให้คุณโชคดีในการเลือกแล้วกันนะคะ
ป.ล. สำหรับนกตัวสุดท้ายนั้น...เพราะว่าความไม่รู้ของมัน เจ้านกตัวที่สี่จึงไม่กลัวและก็ปราศจากความระวัง เมื่อมันโผบินออกไปสู่สิ่งที่มันคิดว่าคืออิสรภาพ
การทำอะไรโดยไม่ได้คิดถึงผลตอบแทนย่อมนำมาซึ่งสิ่งที่คาดไม่ถึง (ก็ไม่ได้คาดไว้เลยด้วยแหล่ะ) บางคนก็สามารถนำสิ่งที่ผิดพลาดไปใช้เริ่มต้นใหม่ได้ ทว่าบางคนก็อาจจะไม่สามารถหาโอกาสนั้นได้พบ
ดังนั้น...ขอให้เรื่องๆนี้เป็นสิ่งเตือนใจคนอ่านถึงอนาคตข้างหน้าต่อไปซักนิดนึงก็ยังดีนะคะ
ขอบคุณทุกๆคน(ที่กรุณาอ่าน)ค่ะ ^ ^
จากคุณ :
ReNile
- [
26 ก.ย. 49 20:15:21
]
|
|
|
|
|