หาก...เทวดา คือทูตผู้นำทางดวงวิญญาณที่ดีงามไปสู่สวรรค์
หาก...ยมทูต คือทูตผู้นำทางดวงวิญญาณที่เปื้อนบาปไปสู่นรก
เทวดากับยมทูตจะต่างกันตรงไหน เมื่อหน้าที่...คือผู้นำทางเฉกกัน เมื่อสีแห่งปีก...คือมายาภาพที่ถูกสร้างเพียงเพื่อให้เหล่าดวงวิญญาณเข้าใจอะไรๆได้เร็วขึ้น
ไยมนุษย์จึงตัดสินที่จะกลัวหรือบูชาจากเพียงหน้าที่ที่กระทำ
จริงหรือ...ที่เทวดาจะเมตตา
จริงหรือ...ที่ยมทูตจะโหดเหี้ยม
--------------------------------
ค่ำคืนที่ฟ้ากระจ่าง แสงจันทร์ทอสาดส่องลงมายังถนนสายหลักของเมืองท่าเงียบสงบแห่งหนึ่ง พาให้บรรยากาศดูนุ่มนวลละมุนตาขัดกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ปอร์เช่สีแดงคันงามถูกขับซิ่งมาด้วยความเร็วสูงด้วยความคึกคะนอง แล้วทันใดนั้นเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อไฟหน้าส่องไปกระทบเข้ากับเงาร่างคน ปลุกสติของคนขับให้ถูกดึงกลับมา หากแม้จะรีบเหยียบเบรคตัวโก่ง แต่...สายไปเสียแล้ว เมื่อเสียงอันไม่พึงปรารถนาได้ดังขึ้น
เอี๊ยด! โครม!!
เงียบ...ในความเงียบที่ได้ยินแต่เสียงหัวใจของตนเองเต้น วินาทีนั้นเจ้าของปอร์เช่คันงามตัดสินใจออกรถ...ขับหนี ทิ้งความผิดที่ตนเองกระทำไว้เบื้องหลัง ทิ้ง...อีกชีวิตหนึ่งที่ยังคงมีลมหายใจเอาไว้โดยไม่เหลียวแลช่วยเหลือ
1 นาที......5 นาที.....10 นาที ลมหายใจ...สายธารแห่งชีวิตเริ่มแผ่วเบาลงไปเรื่อยๆ...แผ่ว...และจางหายไปในที่สุด สติ...ที่ตอนแรกยังคงมึนชา...เริ่มเลื่อนลอย...และดับวูบลง ความตายได้เข้ามาเยือนชีวิตที่ถูกทิ้งไว้
วิญญาณของชายหนุ่มที่ถูกรถชนลุกขึ้นมาจากซากร่างของตน มองสิ่งที่เมื่อไม่กี่นาทีก่อนยังคงสามารถขยับได้ พูดคุยได้ หากแต่ตอนนี้เป็นเพียงศพที่นอนจมกองเลือดอยู่เท่านั้นด้วยแววตาสับสน
นานเท่าไรไม่รู้กว่าที่เขาจะละสายตาออกจากร่างที่เคยเป็นของตนและหันไปสังเกตเห็นร่างอีกร่างหนึ่ง ร่างที่กำลังยืนสงบอยู่กลางถนนห่างจากเขาออกไปราวสองช่วงตัว ร่างสูงโปร่งที่สวมใส่อาภรณ์สีดำสนิทตัดกับผิวขาวนวล เสี้ยวหน้าที่เห็นดูงามราวกับเทวดา ผมสีทองสว่างแม้ในยามค่ำคืนเช่นนี้ นัยน์ตาสีม่วงอเมธิสต์คมสวยที่เหม่อมองไปยังดวงจันทร์กลมโตบนฟากฟ้า....เทวดา....
เขาคงคิดเช่นนั้นหากไม่เพราะสำนึกในการกระทำที่ผ่านมาของตนตลอดช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่และปีกสีดำที่อยู่บนหลังของร่างตรงหน้า....ยมทูต
ชายหนุ่มอดนึกแปลกใจกับท่าทีของยมทูตเบื้องหน้าไม่ได้ มาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่...ในเมื่อมาแล้วทำไมไม่ทำธุระให้มันเสร็จๆไป...ยืนรออะไรอยู่ หรือ...จะรอเขาอยู่ รอให้เขาได้จ้องมองร่างตัวเองจนพอใจ รอให้เขาทำใจให้ได้กับความจริงที่เกิดขึ้น
ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้คิดอะไรมากไปกว่านี้ ยมทูตผมทองก็ค่อยๆหันมาเผชิญหน้า ริมฝีปากบางเริ่มขยับเปล่งคำพูด มาร์ค เจอร์แมน อายุขัยของเจ้าได้หมดลงแล้ว เราคือทูตผู้นำทางดวงวิญญาณของเจ้า จงตามเรามา
จบคำ เคียวสีเงินเล่มใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในมือของยมทูตชุดดำ ก่อนจะตวัดวูบก่อให้เกิดรอยบากขนาดใหญ่ตรงพื้นถนนระหว่างพวกเขาทั้งสองคน แล้วรอยบากนั้นก็เริ่มขยายออกเป็นหลุมโพร่งมืดมิดที่ไม่อาจคะเนความลึกได้
ดะ...เดี๋ยวก่อน ผมขอร้อง ก่อนที่จะพาผมไป ให้โอกาสผมได้ทำสิ่งที่อยากทำก่อนเถอะ ได้โปรด ชายหนุ่มร้องขอ แววตาฉายแววมุ่งหวังและสิ้นหวังอยู่ในที
ดวงหน้ารูปสลักของยมทูตผมทองยังคงนิ่งสนิท ไม่สื่อให้รู้ถึงความคิดในขณะที่เอ่ยปากถาม เจ้าอยากทำอะไร แก้แค้นคนที่ขับรถชนเจ้างั้นรึ
เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น ชายหนุ่มรีบส่ายหน้าปฏิเสธ เรื่องนั้นผมไม่สนหรอก ผมต้องการเพียงโอกาสที่จะได้บอกลาคนสำคัญของผมสักครั้งเท่านั้น เพราะความละอายใจในความผิดที่ผมได้เคยทำไว้ ทำให้ผมต้องหลบหน้าเธอมาตลอด จนกระทั่งวันนี้ วันที่ผมไม่สามารถที่จะกลับไปหาเธอได้อีกต่อไป ผมอยากจะบอกลาเธอเป็นครั้งสุดท้าย
เสียใจ เราไม่มีสิทธิ์อนุญาตให้วิญญาณไปปรากฏต่อหน้าคนเป็น วาจาห้วนจากปากยมทูตผมทอง ฉุดกระชากความหวังและกำลังใจของชายหนุ่มไปจนสิ้น แต่เขาก็ยังไม่คิดที่จะยอมแพ้ ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบตากับนัยน์ตาสีม่วงลึกลับคู่นั้น ก่อนจะวอนขอ...เป็นครั้งสุดท้าย ได้โปรดเถอะ อย่างน้อยขอให้ผมได้นำดอกกุหลาบขาว ดอกไม้ที่เธอชอบมากที่สุดไปวางไว้ที่หน้าบ้านแทนการบอกลา ได้โปรด
พริบตานั้นชายหนุ่มเห็นริมฝีปากยมฑูตผมทองกระตุกขึ้นราวกับจะยิ้ม แต่ก็เพียงวูบเดียวเท่านั้นก่อนที่จะจางหายไปอย่างรวดเร็วจนไม่อาจแน่ใจ หากแล้วการกระทำต่อมาของยมทูตชุดดำก็ทำให้เขาลืมสิ่งที่ได้เห็นไปจนสิ้นด้วยความดีใจท่วมท้น เมื่อเคียวสีเงินเล่มเดิมถูกตวัดวูบลงมาอีกครั้งพร้อมกับการหายไปของหลุมโพร่งมืดมิดเบื้องหน้า
ถ้าแค่นั้น ก็ตามมา คำพูดยังคงความห้วน น้ำเสียงที่ใช้ก็แฝงแววรำคาญอย่างไม่ปิดบัง แต่สำหรับชายหนุ่มแล้วมันฟังราวกับเสียงสวรรค์เลยทีเดียว
--------------------------------
ณ ใจกลางกรุงของมหานครที่เต็มไปด้วยความศิวิไล มหานครที่ค่ำคืนสว่างไสวไปด้วยแสงไฟหลากสี มหานครที่ไม่เคยหลับใหล หลายชีวิตยังคงดำเนินกิจกรรมต่อไปอย่างเป็นปกติในเมืองที่กลางวันและกลางคืนแทบไม่มีความแตกต่างกัน หนึ่งในนั้น...ก็เช่นกัน คุณหมอหนุ่มอนาคตไกลกำลังเดินออกมาจากร้านคอนวีเนี่ยน สโตว์ หลังจากที่เพิ่งเลิกเวรกะค่ำของวันนี้ได้ไม่นาน โดยที่เจ้าตัวไม่มีโอกาสได้รับรู้เลยว่าตนเองจะไม่มีวันได้อยู่เวรกะใดๆอีกต่อไป เมื่อเหตุการณ์อันน่าโศกสลดกำลังจะเกิดขึ้น....
พริบตาเดียวที่เขาเห็นเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งวิ่งข้ามถนนอย่างไม่ดูตาม้าตาเรือ พริบตาเดียวที่เขาเห็นรถคันหนึ่งขับตรงมาอย่างเร็ว และ...พริบตาเดียวที่เขาพุ่งออกไปช่วยเด็กวัยรุ่นคนนั้นตามสัญชาตญาณ จากนั้นภาพตรงหน้าก็ดับวูบลง
เมื่อแพทย์หนุ่มรู้สึกตัวอีกครั้ง เขาก็เห็นผู้คนกำลังรุมล้อมมุงดูอยู่รอบๆร่างๆหนึ่ง...ร่างของตัวเขาเอง ด้วยสติอันมั่นคงที่เป็นคุณสมบัติสำคัญของคนอาชีพแบบเขา ทำให้แพทย์หนุ่มเข้าใจได้ในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ...ความรู้สึกต่างๆโหมประดังเข้ามามากมาย ทั้งเศร้า โกรธ ผิดหวัง ขมขื่น สับสน... ก่อนจะจบลงที่...ว่างเปล่า ชายหนุ่มถอนหายใจเบา กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้า ชีวิตนี้เคยเห็นคนตายมาก็มาก แต่ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เห็นตัวเองตาย
เสียงหัวเราะเบาดังขึ้นทันทีที่เขาพูดจบ ทำให้แพทย์หนุ่มหันขวับไปทางต้นเสียง ก่อนจะเบิกตากว้างกับภาพที่ได้เห็น ชายหนุ่มร่างสูงในชุดขาวปลอด กำลังจ้องมองมาที่เขา ริมฝีปากแย้มส่งรอยยิ้มมาให้อย่างอารมณ์ดี ขณะที่นัยน์ตาสีดำดุจรัตติกาลเช่นเดียวกับสีผมฉายแววขบขัน ส่งให้ใบหน้าคมเข้มดูอ่อนโยนและเป็นกันเอง แพทย์หนุ่มคงจะยิ้มตอบคนตรงหน้าไปแล้ว หากไม่ใช่เพราะหนุ่มผมดำคนนี้กำลังลอย...ไม่สิ บินอยู่ในอากาศ ด้วยปีกสีขาวคู่งามที่กระพือน้อยๆอยู่บนกลางหลัง
อลัน มิลเลอร์ อายุขัยของคุณได้หมดลงแล้ว กรุณาตามผมกลับไปด้วยนะครับ ริมฝีปากได้รูปขยับรอยยิ้มบางขณะเอ่ยคำพูด
คุณเป็นเทวดาหรือ แพทย์หนุ่มถามขึ้นหลังจากคลายความตกตะลึงแล้ว
เทวดาผมดำโคลงหัวแสร้งทำท่าคิด อืม...คิดว่าใช่นะ เพราะทุกคนก็เรียกผมแบบนั้น
ถึงผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องตกนรก แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีบุญขนาดได้เทวดาอารมณ์ดีมารับวิญญาณนะครับนี่ แพทย์หนุ่มยิ้มออกมาบ้าง แต่เพียงครู่เดียวแววหม่นหมองก็ปรากฏในดวงตา แต่ก่อนจะไป ผมขออะไรอย่างได้ไหมครับ
หืม...จะขออะไรล่ะครับ เทวดาชุดขาวเลิกคิ้วถาม
คือผมมีลูกสาวอยู่คนนึง แกเพิ่งอายุได้สองขวบ ขอโอกาสให้ผมได้ไปเจอหน้าแกเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหมครับ ความโศกเศร้ากำลังแผ่เข้ามาปกคลุมใจของแพทย์หนุ่ม ห่วงเพียงอย่างเดียวก็ทำให้เขาไม่อยากจากโลกนี้ไปก็คือลูกสาวคนนี้ ลูกสาวคนที่ตอนมีชีวิตอยู่เขาแทบไม่มีเวลาให้แกด้วยเหตุผลที่พ่อแม่สมัยใหม่ใช้...ไม่มีเวลา...ติดงาน จนเมื่อเวลาได้หมดลงไปจริงๆ แพทย์หนุ่มจึงได้ตระหนักว่าตัวเขายอมที่จะแลกทุกอย่าง แม้กระทั่งโอกาสที่จะได้ขึ้นสวรรค์ ขอเพียงให้ได้กลับไปเจอหน้าลูกสาวอีกครั้ง ให้ได้โอบกอด ให้ได้บอกให้รู้ว่าพ่อคนนี้รักลูกมากขนาดไหน
แต่ความจริงก็คือความจริง เมื่อเสียงนุ่มทุ้มของเทวดาผมดำดังขึ้นขัดความคิด เสียใจด้วยนะครับ แต่มันมีกฎว่าไม่ให้วิญญาณไปปรากฏตัวให้คนเห็นน่ะครับ พูดจบ เจ้าตัวก็เรียกดาบสีทองเล่มงามออกมาไว้ในมือ ก่อนจะตวัดวูบไปบนฟากฟ้า ก่อให้เกิดรอยแยกที่ยืดยาวออกเป็นบันไดทอดสูงขึ้นไปจนไม่อาจมองเห็นปลายทางได้ เทวดาชุดขาวยิ้มอย่างพอใจในผลงานของตัวเอง ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงร่าเริง ไปกันเถอะครับ
น้ำเสียงอารมณ์ดีกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ขณะที่เนื้อความและการกระทำกลับเชือดเฉือนความรู้สึกของแพทย์หนุ่ม ให้ความผิดหวัง สิ้นหวัง เข้าครอบคลุม มากไปหรือ...สิ่งที่เขาขอนั้นมันมากเกินไปงั้นหรือ เทวดาท่าทางใจดีตรงหน้าจึงมิอาจอนุญาตตามความต้องการของเขาได้ แพทย์หนุ่มรวบรวมกำลังใจครั้งสุดท้าย เอ่ยปากวอนขออีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงแผ่วระโหย ขอร้องล่ะครับ แค่...ได้เห็นหน้าก็ยังดี ขอให้ผมได้เห็นหน้าลูกเป็นครั้งสุดท้ายด้วยเถอะครับ ได้โปรดเถอะ
ดวงหน้าของเทวดาหนุ่มผมดำยังปรากฏรอยยิ้มกว้างขวางอยู่เช่นเดิม ขณะที่มือนั้นตวัดดาบอีกครั้งอย่างรวดเร็ว แล้วพลันร่างวิญญาณของแพทย์หนุ่มตรงหน้าก็กลายเป็นดวงวิญญาณทรงกลมเล็กๆลอยอยู่แทน ถ้าแค่นั้นล่ะก็ ไม่จำเป็นหรอกครับ เพราะอีกไม่นานคุณก็จะถูกลบความทรงจำในภพนี้ออกไปจนหมด ถึงตอนนั้นจะได้ลาหรือไม่ได้ลามันก็ไม่สำคัญแล้ว โอ๊ะ! ลืมไปว่าถึงพูดไปก็ไม่ได้ยินแล้วนี่นะ เอาล่ะ ไปกันเถอะ
--------------------------------
กลับมาแล้วเหรอ นายไปทำงานทีไรชอบทำโอทีเรื่อยเลย เสียงเอ่ยทักพร้อมคำหยอกกระเซ้าเรียกมีดสั้นสีเงินจากมือยมทูตผมทองให้พุ่งไปเฉียดหน้าคนทัก
ที่ส่งมีดมาให้แบบนี้เพราะไม่พอใจคำหยอก
หรือว่าไม่พอใจการทำงานของฉันกันแน่นะ เทวดาผมดำยังแหย่ต่อไปอย่างอารมณ์ดี ไม่สนใจสีหน้าบูดสนิทของคนฟังแต่อย่างใด
ทำไมนายไม่ยอมให้หมอนั่นได้เจอหน้าลูก น้ำเสียงที่ถามหงุดหงิดเต็มที่ แต่คนต้องตอบก็ยังคงยิ้มส่งมาให้อย่างเคย แล้วทำไมต้องยอมล่ะ เพราะยังไงก็ต้องลืมหมดอยู่ดี
แต่ว่า
ยมฑูตพยายามแย้งต่อ แต่เทวดาก็เอ่ยขัดขึ้นมาก่อน ไม่เอาน่า เราอย่ามาเถียงกันด้วยเรื่องนี้อีกเลย นายเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าวิธีการของฉันมันไม่ผิด พอๆกับที่วิธีการของนายก็ไม่ผิดเช่นกัน
ใช่...วิธีการของหมอนี่มันไม่ผิดอะไรเลย ในเมื่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ไปปฏิบัติเสร็จเรียบร้อยอย่างถูกต้อง สมบูรณ์ เสร็จ
แบบที่สร้างความหงุดหงิดให้ตัวเขาเหมือนทุกที ยมฑูตผมทองถอนหายใจยอมแพ้ ไม่อยากต่อปากต่อคำกันอีก และนั่นเรียกให้รอยยิ้มของเทวดาชุดขาวกว้างขวางขึ้น งั้นเรามากินเค้กกันเถอะ เขาบอกมาว่าเค้กร้านนี้อร่อยมากเลยนะ ฉันแอบแวบไปซื้อมาก่อนเริ่มงานน่ะ
--------------------------------
หน้าที่คือหน้าที่ หากสามารถปฏิบัติได้สมบูรณ์โดยมิขัดต่อกฎที่ตั้งไว้ วิธีการก็มิใช่สิ่งสำคัญ
งั้นหรือ
ตราบใดที่
เทวดาคือทูตผู้นำทางสู่สวรรค์และยมทูตคือทูตผู้นำทางสู่นรก มนุษย์คงปรารถนาที่จะพบเทวดาและหลีกไกลที่จะพบยมทูตไปตลอดกาล
เพียงแต่
จริงหรือ...ที่เทวดาจะเมตตา
จริงหรือ...ที่ยมทูตจะโหดเหี้ยม
จากคุณ :
Midnight Moon
- [
27 ก.ย. 49 12:44:40
]