CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    P.S. / ป.ล......(โดยดาร์วิลเดีย)



    ชั่วโมงกว่าแล้วที่ผมยังนั่งอยู่ในท่าเดิม สองขาไขว้ หลังเอนพิงกับพนักพิง ร่างกายอยู่ในอิริยาบถสบายๆ ดอกกุหลาบแดงในแจกันสีขาวกลางโต๊ะที่คลุมด้วยผ้าสีครีมคล้ายกำลังมองกลับมายามทิ้งสายตาไปที่มัน

    แสงจ้าฉาบฉายกลีบนวลละเอียดราวกำหยี่ทำให้สีเข้มแดงคล้ายจะหยดไหลเป็นโลหิต เป็นจินตภาพที่สวยงามได้มุมมอง ธรรมชาติไม่ได้เคยเข้าคลาสเรียนศิลปะแต่ก็สร้างสรรค์ผลงานได้อย่างน่าชื่นชม

    แดดที่สาดส่องผ่านหน้าต่างร้านเจิดจ้าหากร้อนแรงไม่ ฟิล์มสีชาที่เคลือบกระจกไว้ได้ลดทอนความร้อนลงเกือบสมบูรณ์ เครื่องปรับอากาศภายในจึงทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ภายนอกและภายในร้านดูแล้วเหมือนอยู่คนละโลก

    ข้างนอกทั้งร้อนและสับสนวุ่นวายทว่าหากข้างในนี้กลับสงบเย็นรื่น สองด้านของแผ่นกระจกใสเสมือนเส้นแบ่งมิติที่กางกั้นสองโลกนี้ไว้ ผมเบนสายตากลับมาที่ดอกกุหลาบแดงอีกครั้ง มันยังคงจ้องอยู่และถามว่าเอาแต่จ้องเป็นนานสองนานไม่เบื่อหรือไง?

    ที่จริงดอกไม้ไม่ได้พูดอะไร เป็นความคิดฆ่าเวลาคอยลำดับที่เท่าไหร่ไม่รู้ของผมต่างหากที่บ่น ผมเงยหน้ามองไปยังทิศทางที่คาดหวัง

    ริมฝีปากเม้มแน่นอย่างลืมตัว ตรงนั้นยังเงียบเหงาไร้ชีวิตชีวาท่ามกลางมวลชนแปลกหน้าข้างนอกนั่น พลิกข้อมือดูนาฬิกา เข็มสั้นขยับขึ้นหน้าอีกนิด ส่วนเข็มยาวนั้นก็วนไปวนมาบรรจบที่เก่าตรงชั่วโมงที่แล้ว

    กลิ่นกาแฟกับเพลงของโชแปงที่พร่างพรูเข้าทักทายผมราวสหายเก่านั บแต่เปิดประตูร้านเข้ามาต่างยังวนเวียนคลอเคลียอยู่ที่ปลายโสตก ารฟังและรับกลิ่น ช่างผลงานการสร้างสรรค์บรรยากาศที่น่าผิดหวังเหมือนสมัยที่ยังเ ป็นนักศึกษา ผมยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบ

    แทบไม่รู้สึกเลยว่าเวลาได้ผ่านมาห้าปีแล้ว ด้วยว่าการรอคอยของผมยังไม่เปลี่ยนแปลง กระวนกระวายหัวใจเต้นแรงในวินาทีแรกที่มาถึงก่อนแล้วจึงค่อยๆสงบ สุดท้ายก็อ่อนใจหลังเวลาล่วงเลยจนไม่อยากยกนาฬิกาขึ้นดู อาจรู้สึกไปเองก็ว่าได้

    การได้มากลับมาอยู่ในสถานที่ที่เคยเป็นประวัติศาสตร์ทำให้รู้สึ กคล้ายเวลาได้ย้อนกลับไปครั้งกระนั้น ผมกอดอกแน่นขณะจ้องมองแสงอ่อนที่ทอกระทบขอบหน้าต่าง แสงสะท้อนทำให้แสบตาจนน้ำใสรื้น

    ผมแตะขอบตาพลางภาวนา ขออย่าให้มันเป็นเพียงแสงสะท้อนจากมิราจ อย่าเป็นจินตภาพลมแล้งที่ไม่มีลำดับของผม อย่าเป็นภาพฝันที่ไม่อาจแตะต้องที่ผมมักเห็นเสมอยามอยู่ที่อื่น

    บัดดลที่รอยยิ้มคลี่ปรากฏที่กลีบปากสีชมพูกลางนวลแก้มปลั่งขาวตัดกับผมดำยาวราวนิลที่พลิ้วโรยตัวลงขนาบใบหน้า แสงจ้าขับผมสีเข้มเป็นประกายราวใยไหมคุณภาพดี ตากลมดำราวเม็ดลำไยกระพริบปริบยามจับจ้องมาที่ผม จมูกเล็กน่ารักไม่เคยมีร่องรอยการศัลกรรม สันโด่งคือของขวัญที่ธรรมชาติหยิบยื่นให้ตั้งแต่เยาว์

    ผมพูดบางอย่างที่ตัวเองก็ไม่ได้ยิน และเธอตอบกลับมา นั่นเป็นความรู้สึกเดียวที่ทำให้ผมรู้ว่าภาพลวงตาใดๆมิได้ก่อเกิดขึ้น แม้หัวใจจะกำซาบเปี่ยมสุขอย่างล้นเหลือเกินจะบรรยายทว่าที่แสดงออกไปคือยิ้มซีดๆของคนคุ้นเคย น้ำอุ่นในตาของผมแทบจะหยดไหล เออหนอสตรีในชุดสีฟ้าอ่อนตรงหน้ายังคงงดงามเหมือนวันก่อน

    “ยังคงต้องปล่อยให้เธอคอยเหมือนเดิม” เธอว่าอายๆ

    “ไม่เป็นไร ถ้าเธอมาเร็วมันก็เสียบรรยากาศเก่าๆหมดน่ะสิ” ผมยิ้มแล้วยืดตัวให้นั่งหลังตรง ข้างในของผมดิ้นขลุกขลักเมื่อสานสายตากับเธอ แต่ผมทำได้แค่ยิ้มอย่างยินดี

    “ได้รับจดหมายเมื่อ สองสามอาทิตย์ก่อน ดีใจชะมัด เมื่อไหร่จะโทรหาเสียที ค่าโทรเดี๋ยวนี้ถูกออก”

    “ผมชอบเขียนจดหมาย พูดคุยผ่านโทรศัพท์ พูดแล้วก็พูดเลย แต่จดหมายเก็บได้”

    “ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง” เธอยกมือขึ้นปัดผมที่บ่า

    “สบายดี” ผมหลงใหลทุกท่วงท่าของเธอ แต่นั่นเป็นความลับใต้บาดาลที่ไม่มีใครงมหาเจอ

    “ดีจ๊ะ”

    “ผมอยากขอโทษเพื่อนทุกคนนะที่ไปทำงานต่างประเทศทันทีที่จบ ไม่ได้ลาใครเลย”

    “มีแต่คนอิจฉาสิไม่ว่า เธอมีโอกาสที่ใครๆก็อยากได้ นี่คงไปรอบโลกแล้วน่ะสิ ที่สวยๆในฝันของพวกเราก็คงไปมาหมด”

    “ใช่ ตอนอยู่ที่โรมผมคิดถึงเธอมาก ถ้าเธออยู่ที่นั่นเธอคงเที่ยวจนทั่ว แต่เชื่อเหอะไม่มีที่ไหนสวยเหมือนบ้านเราหรอก” ผมยิ้มละไม ใช่สิ...เพราะที่นี่มีเธองัย ที่อื่นต่อให้สวยแค่ไหน แต่ถ้าผมไม่สามารถเห็นรอยยิ้ม ได้ยินเสียง ได้กลิ่นน้ำหอมของคุณ ที่สวยที่หรูหราที่ไหนก็ไร้ความหมาย

    “พูดได้ดี” เธอยิ้มแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง

    “คุณสบายดีนะ” ผมมองเธอเต็มตา

    “ค่ะ คิดถึงคุณเสมอ ”เธอเบนสายตากลับมาที่ผม

    “ดีใจจัง” ผมอยากกอดเธอเหลือเกิน พูดแค่นั้นมันไม่พอหรอก ใจผมเรียกร้องปรารถนาปานจะขาดใจแต่ก็ใจดวงเดียวกันนี่ล่ะที่เลือกไม่ทำ

    “ตอนที่เธอไม่อยู่ ฉันรู้สึกแปลกๆ ฉันรู้ว่าขาดเธอไม่ได้ แต่อย่างไงล่ะในช่วงเวลาของการเติบโตฉันต้องทำตัวให้คุ้นเคย การเป็นผู้ใหญ่สำคัญมากสำหรับชีวิต”

    “ใช่” ผมตอบเบา เธอปรับเปลี่ยนตัวเองได้ แต่ผมยังคงเหมือนเดิม

    “เธอยังรักฉันเหมือนเดิมใช่ไหม?” เธอหันมาเอียงคอยิ้มล้อเลียน

    “ใช่” ผมพยักหน้าช้าๆ รักที่เธอถามหาผมมีให้เสมอ กอดผมสักนิดได้ไหม ให้รางวัลความซื่อสัตย์ของผมหน่อยนะ เธอมองผมนิ่ง ผมก็เช่นกัน ไม่นานเราสองคนก็ยิ้มและเงียบไปครู่ใหญ่

    “อยากร้องไห้จัง เห็นเธอทีไรหัวใจมันอ่อนแอทุกทีเลย คิดถึงมาก คิดถึงเหลือเกิน” รอยยิ้มของเธอกระจ่างในแสงแดดทั้งที่หัวคิ้วของเธอมีรอยยับย่น จากอาการน้ำตารื้น ผมถอนใจมองไปทางอื่น

    “ผมก็เหมือนกัน” ผมกำมือแน่น อะไรหนอทำให้ผมไม่กล้าแม้จะเอื้อมมือไปแตะต้องเธอ ทั้งที่เราเคยใกล้ชิดกัน เคยมีวงแขนโอบกอดกันและกันมาก่อน อีกทั้งความรู้สึกของเราก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

    “เสร็จงานที่บัวโนสไอเรส เลยรีบกลับมาพบคุณก่อนจะมีงานยืดเยื้อที่อิสตัลบูรอีก” ผมมองมือเรียวลำเทียนของเธอแล้วคิดอยากเลื่อนมือตัวเองไปสัมผัสสักครั้ง

    แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 49 20:54:00

    แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 49 16:00:59

    จากคุณ : vannessia - [ 1 ต.ค. 49 15:58:33 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com