CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    เจ้านาย ลูกน้อง

    ลูกน้อง
    ช่วงสิ้นเดือนเป็นช่วงปิดงบการเงินประจำเดือน ฉันล่ะเซ็งเสียจริง ที่เซ็งเพราะงานเอกสารบันทึกรายการช่วงจะปิดงบนั้นมันประดังประเดจนฉันท้อใจนี่ยังไม่นับรวมถึงการที่ฉันนั่งอยู่ข้างหน้ายัยบัวตองสมุห์บัญชีซึ่งก็เป็นเจ้านายฉันโดยตรงนั่นแหละ วัน ๆ หนึ่งเจ้าหล่อนจ้องจับผิดฉันตลอดเวลา ไม่มีผู้ใต้บังคับบัญชาคนไหนชอบใจนักหรอก นี่ถ้าไม่ใช่ว่ามีงานมาสุมหัวตอนช่วงสิ้นเดือนแบบนี้ล่ะก็ ฉันเผ่นกลับบ้านไปนานแล้ว
    ฉันกับยัยเจ้านายคนนี้ต้องใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกัน จากกรณีนี้ก็กลายเป็นปัญหาหนึ่งเพราะมีบางเวลาที่ประจวบเหมาะต้องใช้คอมพิวเตอร์พร้อมกัน บางทีฉันกำลังจับแป้นคีย์บอร์ดอยู่ดี ๆ เจ้าหล่อนก็ใช้มืออันเต็มไปด้วยเนื้ออวบอ้วนตวัดจอคอมพิวเตอร์หันเข้าหาตัวหล่อนเองแล้วพูดว่า “พี่ต้องใช้เครื่อง” นั่นหมายถึงงานของฉันชะงักไปทันที มันน่าเซ็งมั้ยล่ะ
    บางครั้งฉันเคยพินิจหน้าตาของเจ้าหล่อนแล้วอดนึกขำไม่ได้เพราะชอบทำหน้าบอกบุญไม่รับหน้าตาตอนนั้นคล้ายส่วนล่างของร่างกายที่ใช้นั่งนั่นแหละ
    เจ้าหล่อนเป็นคนผมหยักศกใบหน้าและรูปร่างอวบอ้วนยิ่งเมื่อสวมกระโปรงฟิต ๆ ยิ่งดูเหมือนตุ่มน้ำเข้าไปทุกที ฉันเห็นรูปร่างของเจ้าหล่อนทีไรก็อดนึกขำไม่ได้
    เอ…ใบเสร็จรับเงินค่าห้องพักใบนี้มันจะใช้เคลมแว๊ดได้มั้ยเนี่ย เขียนชื่อบริษัทโดยไม่ได้เขียนคำว่า ‘(มหาชน)’ ให้ หรือจะถามเจ้าหล่อนดี เฮ้อ! ตัดสินใจเองไม่ได้ด้วยซิหากผิดพลาดขึ้นมาฉันโดนด่าเปิงแน่
    ฉันหันขวับไปหายัยผีเสื้อสมุทร “พี่บัวคะ...หนูมีปัญหาค่ะ”
    “อะไรรึ” ฉันสะดุ้งโหยง เจ้าหล่อนส่งเสียงเข้มพลางขมวดคิ้วทำหน้าเครียด
    ฉันรีบยื่นใบกำกับภาษีซึ่งเป็นใบเสร็จรับเงินในตัวด้วยให้ดู “นี่ค่ะ คือใบกำกับภาษีใบนี้ลูกค้าไม่ได้เขียน ‘มหาชน’ ให้ จะใช้เคลมแว๊ดได้มั้ยคะ” ฉันใช้เสียงแบบกริ่งเกรงพอดู
    เจ้าหล่อนส่ายหน้าเหมือนเป็นการตำหนิฉันกลาย ๆ “เอ...เหมือนพี่เคยบอกเธอไปหนหนึ่งแล้วไม่ใช่เหรอว่าเคลมได้หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นของบริษัทเราจริง ๆ พี่พูดอะไรไปก็จดหน่อยซิ” เจ้าหล่อนส่งเสียงแข็ง
    “เอ่อ ค่ะ ค่ะ” ฉันไม่กล้าสบตาเจ้าหล่อนเลยจริง ๆ ทำงานไปด้วยความอึดอัด

    เจ้านาย
    จริง ๆ เลยน้า ยัยเพียงจันทร์เนี่ย! สอนไม่เคยจำเล้ย ฉันน่ะระอาเต็มทน คิดผิดหรือเปล่าก็ไม่รู้ตอนที่สัมภาษณ์ยัยนี่เข้ามา ตอนนั้นก็ดูดีหรอกนะพกหนังสือเกี่ยวกับภาษีมาอวดฉันทำทีว่าเป็นคนรอบรู้แต่ที่ไหนได้ไม่รู้เรื่องเลยสักอย่างอีกทั้งไม่ค่อยรู้จักกาลเทศะสักเท่าไร เวลาฉันใช้งานคอมพิวเตอร์อยู่ จู่ ๆ ก็ใช้มือซึ่งไม่เคยตัดเล็บแถมยังป้ายสีลายการ์ตูนกระหวัดหน้าจอไปใช้โดยไม่บอกสักคำ ฉันเลยต้องคืนคีย์บอร์ดให้ด้วยความเหนื่อยหน่าย
    อีกสิ่งหนึ่งที่ฉันไม่ชอบใจเลยก็คือยัยนี่ชอบมาสายเป็นประจำ ตักเตือนแล้วก็ไม่เชื่ออ้างแต่ว่ารถติด เป็นสิ่งที่อ้างไม่ขึ้นเลย ถ้ารู้ว่าออกจากบ้านสายแล้วรถติดก็น่าจะตื่นแต่เช้าสักหน่อย ฉันปรามาสได้เลยว่ายัยนี่ไม่มีทางเติบใหญ่ในบริษัทนี้ได้หรอกกับแค่การรับผิดชอบตัวเองยังทำไม่ได้เลย ฉันน่ะอยากจะเขี่ยมันออกเต็มทีแล้วแต่ในเมื่อผ่านพ้นการทดลองงานไปแล้วก็ทำอะไรไม่ได้ รู้งี้ตอนนั้นฉันไม่ให้ผ่านซะก็ดีหรอก
    ฉันตรวจงานต่อดีกว่า เอ...ใบสำคัญจ่ายใบนี้ฉันว่ายัยเพียงจันทร์น่าจะบันทึกผิดนะนี่ เคยบอกกี่ทีแล้วว่าถ้าซื้อน้ำยาลบคำผิดมาใช้ในออฟฟิศให้ลงบันทึกบัญชีเป็นเครื่องเขียนแต่นี่กลับบันทึกเป็นวัสดุสิ้นเปลือง พูดจนปากเปียกปากแฉะเคยเข้าใจไหมเนี่ย
    “จันทร์ จันทร์ หันมานี่ซิ”
    เธอผินหน้ามาฉัน ดูซิ...ฉันเป็นเจ้านายมันนะ มีสิทธิ์อะไรมาทำหน้ายุ่ง ๆ แบบนี้
    “น้ำยาลบคำผิด ลงบัญชีวัสดุสิ้นเปลืองได้เหรอ” ฉันตวัดเสียงแบบเหนื่อยหน่าย
    เจ้าหล่อนเกาศีรษะดูครุ่นคิด “อ๋อ...ลงเป็นเครื่องเขียนเหรอคะ หนูเข้าใจว่ามันเป็นกลุ่มเดียวกับไส้แม็กซ์ค่ะ”
    “เธอก็ต้องดูซิว่า มันใช้งานร่วมกับปากกาหรือเปล่า เอ้า เอาไปแก้ แล้วรีบส่งมา” ฉันตวาดเสียงเขียว เจ้าหล่อนก้มหน้าไม่สบตาฉันเลย

    ลูกน้อง
    โธ่เอ๊ย! ถือว่าเป็นเจ้านายหรือไงถึงได้พูดจาโขกสับตลอด พูดดี ๆ ก็ได้ เฮ้อ! ไอ้ตอนที่สัมภาษณ์ฉันเข้ามาน่ะก็ดูไม่ออกหรอกว่าเป็นเจ้านายแสนงี่เง่า ชอบจับผิด มารู้ก็อีตอนที่ร่วมงานไปแล้วหนึ่งอาทิตย์นี่แหละ ยังอุตส่าห์มาบอกด้วยนะว่ากะไม่ให้ฉันผ่านการทดลองงาน ฉันน่ะเป็นคนละเอียดคนหนึ่งทีเดียว กะอีแค่ฉันมีความเห็นไม่ตรงกันแค่นี้เองด่าเป็นชุดเชียว
    พูดถึงกรณีที่ฉันมาสายเนี่ย ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน ฉันก็อธิบายให้เจ้าหล่อนฟังหลายเที่ยวแล้ว ไม่อยากคิดเลยจริง ๆ คิดไปแล้วยิ่งเครียด
    ฉันเชื่อว่าคงทำงานที่บริษัทนี้ได้ไม่นานหรอก ขนาดอยู่ด้วยกันแค่ปีกว่าเท่านั้นเองยังแทบจะไม่มองหน้ากันอยู่แล้ว มีเจ้านายบ้าอำนาจทำอะไรมันก็อึดอัดแหละนะ
    ยิ่งคิดยิ่งเครียดพาลให้นึกถึงเมื่อช่วงกลางวันทำเงินหล่นหายไปหนึ่งหมื่นห้าพันบาท ไม่อยากนึกว่าเป็นการฟาดเคราะห์เล้ย! ฉันเองก็เดินย้อนกลับไปดูแล้วก็หาไม่เจอ ใครเก็บเงินได้ก็ลาภลอยไป
    ฉันกดคีย์บอร์ดใส่คำสั่งเรียกโปรแกรมเข้าไปแก้ไขเอกสารใบสำคัญจ่าย ถึงหน้าจอนี้ต้องใส่ ‘ซี’ ที่ย่อมาจาก ‘คอร์เร็คท์’ แปลว่าแก้ไข
    บัญชีเครื่องเขียนน่าจะเป็นรหัสห้าสี่ศูนย์สองสามมั้ง ฉันขี้เกียจเปิดโพยดู เสียเวลาทำงาน
    ฉันใจชื้นขึ้นเยอะที่มันขึ้นเป็นบัญชีเครื่องเขียนจริง ๆ รีบ ๆ ใส่รหัสบัญชีที่ถูกต้องและรีบส่งไปเลย ฉันจะได้ทำงานอื่นต่อ
    ฉันชำเลืองมองเห็นเจ้าหล่อนกำลังตีสีหน้าหงุดหงิด สายตามองอย่างไม่เป็นมิตร ทำบุ้ยปาก ก็แหงล่ะ ฉันใช้งานคอมพิวเตอร์อยู่แบบนี้ รอไปเถอะ
    เสียงเครื่องพิมพ์แบบเข็มดัง ‘ตึก ตึก’ ฉันรีบผุดลุกจากเก้าอี้เพื่อไปหยิบเอกสารที่เครื่องพิมพ์ กระดาษแผ่นที่ต้องการเลื่อนขึ้นมาฉันกดปุ่มฉีกกระดาษจากนั้นดึงกระดาษแผ่นที่ต้องการออกและรีบฉีกรอยปรุที่ริมกระดาษสองข้าง สำหรับเอกสารตัวเก่าก็แกะลวดเย็บกระดาษตัวเก่าทิ้งและนำแผ่นใบสำคัญจ่ายที่ถูกต้องเย็บแทนที่
    “พี่บัวคะ...นี่ค่ะ” โธ่เอ๊ย! ทำเป็นมองแค่หางตาราวกับดูถูกดูแคลนเสียมากมาย
    กระดาษที่พิมพ์ใช้แล้วหนึ่งหน้า น่าจะยังใช้เป็นกระดาษรีไซเคิลได้ ฉันกำลังจะเปิดลิ้นชักเก็บใส่ในนั้น
    “นี่จันทร์! พี่บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่ากระดาษใบสำคัญที่พิมพ์เสียแล้วให้ฉีกทิ้ง ห้ามเก็บไปใช้เป็นหน้าสองอีก” เสียงเข้มของเจ้าหล่อนทำเอาฉันสะดุ้งเฮือกใหญ่
    “ค่ะ ค่ะ” ฉันจำใจต้องฉีกทิ้งบัดเดี๋ยวนั้น

    เจ้านาย
    ดื้อเสียจริง ประเภทดื้อเงียบแบบนี้ฉันไม่ชอบเลย บอกหลายทีแล้วว่าอย่าสุมกระดาษเก่าเพราะมันเป็นการเพาะสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาได้ เจ้าหล่อนคงแค้นฉันมากทีเดียวที่เคยไปค้นของในลิ้นชัก วันนั้นจำได้ว่ามีกระดาษเก่าที่ใช้แล้วเต็มไปหมด ฉันจึงสั่งให้เอาไปทิ้งเสีย เนี่ย! วันดีคืนดีฉันเห็นทีต้องแอบค้นดูอีกสักรอบดีกว่า แล้วอย่ากล่าวหากันเลยว่าเสียมารยาท ละลาบละล้วง ลิ้นชักมีไว้ใส่เอกสารสำคัญและเครื่องเขียนมิใช่มาใส่ขยะแบบนี้
    นึกย้อนไปถึงเรื่องที่บอกเจ้าหล่อนว่าเกือบจะไม่ให้ผ่านการทดลองงานแล้วนั้น ถ้าตอนนั้นฉันยั้งความคิดเสียหน่อยโดยยังไม่บอกทันทีแล้วกลับไปแก้ไขเอกสารว่าไม่ให้ผ่านก็คงดีสินะ แต่เอาเถอะทน ๆ กันไปก่อน เผลอ ๆ ฉันไม่ต้องไล่มันด้วย เดี๋ยวทนไม่ได้ก็ลาออกไปเองแหละ
    เดือนนี้คงต้องเร่งงานให้เสร็จเร็ว ๆ เสียด้วย งานบัญชีก็เครียดแบบนี้ล่ะ นี่ยังไม่ได้ตรวจรายงานสินค้าคงเหลือเลย ยัยนี่ส่งงานมาให้ทีไรแทบจะไม่เคยทำถูกเล้ย! เกือบทุกเดือนต้องส่งคืนกลับไปแก้ไขทุกที ไม่รู้เป็นอะไร ผิดเป็นประจำ
    ฉันกำลังตรวจใบสำคัญจ่ายอีกใบอย่างคร่ำเคร่ง กรณีการเบิกค่ารถนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างต้องพิถีพิถันมากทีเดียว ใบเบิกที่เขียนมามักเบิกเกินจริง เขียนเบิกเป็นตัวเลขกลม ๆ ก็แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้แน่นอน
    ฉันหงุดหงิดจนได้ “จันทร์ จันทร์ หันมาอีกทีซิ”
    “คะ” เอาอีกล่ะ ทำหน้าเครียดใส่ฉันอีกแล้วทั้ง ๆ ที่ทำงานผิดแท้ ๆ
    “เซลส์คนนี้มีรถส่วนตัวนะ ทำไมให้เขาเบิกเป็นค่าแท็กซี่ล่ะ ยังไงเขาได้ค่าน้ำมันทุกเดือนอยู่แล้ว อีกอย่างนะ เขาเบิกเป็นตัวเลขกลม ๆ หมดเลย เป็นไปได้เหรอที่ค่ารถจะเท่ากันทุกวัน”
    “เอ่อ เอ่อ ค่ะ” เจ้าหล่อนทำหน้าเหมือนไม่รู้ความผิด
    “เธอว่าจากบ้านที่สาทรไปประเวศรวมค่าทางด่วน คิดว่าประมาณเท่าไร”
    “หนู ไม่แน่ใจค่ะ น่าจะประมาณไม่เกินสองร้อยห้าสิบ”
    “ก็นั่นน่ะสิ เซลส์มันเบิกตั้งสามร้อยห้าสิบ เชื่อได้เหรอ”
    “เอ่อ...ถ้ากรณีรถติดล่ะคะ” ดูซิ มาทำหน้าเย้ยเยาะเสียอีก ฉันชักทนไม่ได้แล้วนะ
    “รถติดแค่ไหนก็เป็นไปไม่ได้หรอก เอากลับไปแก้และพรุ่งนี้โทร.บอกเซลส์ด้วยว่าจะส่งคืนเอกสาร เพราะเบิกเกินจริงไม่ได้” ฉันตวาดเจ้าหล่อน

    จากคุณ : พัฒนา - [ 2 ต.ค. 49 00:46:51 A:203.113.34.61 X: TicketID:128780 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com