CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ลีอองกับคดีฆาตกรรมปริศนา (ลีออง...ภาคพิเศษค่ะ เรื่องยังไม่จบ แต่อยากเขียนภาคพิเศษง่ะ แหะ แหะ)

    เธอ...อัจฉริยะแห่งการสืบสวนจากดินแดนไกลโพ้นนามกลาตาโกลา

    ทั่วทั้งกลาตาโกลา ไม่มีใครไม่เคยได้ยินชื่อเสียงอันระบือนามของเธอ สมองของเธอเชื่อถือได้เสมอ เธอจึงเป็นที่นับหน้าถือตาของทุกๆคน ตั้งแต่ลูกเด็กเล็กแดงไปจนคนเฒ่าคนแก่รู้จักชื่อเธอเป็นอย่างดี

    ทว่ามีคนเพียงหยิบมือเท่านั้นที่เคยพบเจอ...

    ผู้ที่เคยเห็นเธอต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอแฝงไปด้วยความลึกลับมากเพียงใด เส้นผมยาวถึงบั้นเอวสีเดียวกับผืนฟ้ายามค่ำคืน นัยน์ตาสีเดียวกันที่เมื่อยามจ้องไปยังจุดใด ก็เหมือนจะเห็นสิ่งๆนั้นได้อย่างทะลุปรุโปร่ง

    ว่ากันว่า ไม่ว่าปริศนานั้นจะยากเพียงไหน ขอเพียงแค่เธออยู่ หน้ากากกี่สิบชั้นของคนร้ายก็จะถูกเธอกระชากออกอย่างง่ายดาย นอกจากนี้ความสามารถทางด้านอาวุธของเธอก็ไม่เป็นรองใคร หากเธอหมายจะจับตัวใคร ก็ยากที่คนคนนั้นจะหนีพ้นเงื้อมมือไปได้

    เธอสมกับเป็นบุตรสาวของผู้ว่าการรัฐนาฮอน...เมืองที่ได้ชื่อว่าแม้แต่เด็กที่ยังคลานอยู่ก็เริ่มจับอาวุธแล้วจริงๆ

    ทว่า...มาบัดนี้ทั่วทั้งดินแดนต่างเต็มไปด้วยข่าวลือเรื่องการหายตัวไปของเธอ ซึ่งเป็นปริศนาหาคำตอบไม่ได้จนถึงทุกวันนี้ว่าเธอสาบสูญไป ณ ที่ใด อาชญากรเริ่มเริงร่าก่ออาชญากรรมเกลื่อนเมือง ทุกคนต่างเรียกร้องหาเธอกันเสียงระงมเพื่อให้ช่วยปัดเป่าความทุกข์ให้หมดไป

    แต่เสียงของพวกเขาเป็นได้แค่สายลมเท่านั้น

    ลีออง...!

    เจ้าของชื่อนี้หันกลับไปยังเบื้องหลัง ทว่าไม่เห็นแม้แต่เงาของใครเลย คิ้วเรียวของเธอมุ่นเข้าอย่างสงสัย ร่างเต็มตึงด้วยกล้ามเนื้ออย่างคนที่ออกกำลังเป็นประจำกำลังเหนื่อยล้าเต็มทีกับการเดินทางตลอดวันในวันนี้กลับตื่นตัวขึ้นอีกครั้งด้วยเสียงแว่วหลอนของผู้ที่เอ่ยนามของเธอนั้นจนขนลุกซู่

    ‘มีอะไรหรือลีออง’ สัตว์เลี้ยงที่อยู่กับเธอมาตั้งแต่เด็กนามว่าซูถามอย่างแปลกใจกับปฏิกิริยาของเธอ

    “เปล่า ข้าหูแว่วเฉยๆ”

    ซู หรือเจ้านกอินทรีตัวเขื่องซึ่งเกาะอยู่บนไหล่ลีอองทำท่าหาวคล้ายจะเบื่อกับอาการประสาทหลอนของเจ้านายจนคนเป็นนายได้แต่บ่นอุบอยู่ในใจ

    ‘มาบ่นอะไรข้าล่ะ ข้าไม่ได้คนแถวนี้นี่จะได้รู้ไปเสียทุกอย่าง’ อินทรีตอบโต้คำบ่นในใจของเธอ

    “ก็เจ้านั่นแหละ จนป่านนี้ข้ายังไม่เห็นถ้ำที่เจ้าว่าเลยสักนิด นี่ก็ค่ำเต็มทีแล้ว ข้านอนบนต้นไม้แถวนี้คงดีกว่า” ลีอองทำท่าราวกับจะซัดเจ้าอินทรีอวดดี แต่มือแกร่งของเธอกลับปัดผ่านร่างของมันไป สัมผัสแต่ความว่างเปล่าทั้งที่ร่างใหญ่โตของมันก็ยังคงอยู่บนไหล่ของเธอที่เดิม

    ซูทำเสียงเยาะเย้ยเข้าให้ ‘เจ้าทำแบบนี้ตั้งแต่เด็กจนป่านนี้ยังไม่เลิกอีกหรือไง…แล้วต้นไม้ในป่าแถบนี้เจ้าก็เห็นนี่ว่ามันสูงแค่ไหน กิ่งก้านอะไรก็ไม่มีให้เกาะเกี่ยวขึ้นไปเลย ทำตามที่ข้าว่าน่ะดีแล้ว สิบปีที่ผ่านมาข้าไม่เคยโกหกเจ้านี่...’

    ใช่แล้ว...ซูเป็นสัตว์ที่อยู่กับลีอองมานานมากตั้งแต่เธออายุได้สิบหนาว อีกไม่นานก็จะเธอก็จะครบรอบยี่สิบหนาวแล้ว แต่เรื่องพิสดารกลับเกิดขึ้นกับเธอ แทนที่เธอจะอยู่ที่กลาตาโกลา กลับต้องมาอยู่ในประเทศที่เรียกว่าหมิงหยวนนี้ จนเป็นเหตุให้เธอต้องดั้นด้นบุกป่าฝ่าฟันเพื่อกลับสู่บ้านเกิดของตน ณ กลาตาโกลาตามคำบอกของซู

    แต่เพราะเจ้านกบ้านี่เองที่เป็นต้นเหตุให้เธอหาทางออกจากป่านี้ไม่ได้เสียที นี่ก็กินเวลาเป็นเดือนแล้ว ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะออกจากป่าได้เสียที แถมยังมาแก้ตัวน้ำขุ่นๆว่านี่ไม่ใช่ถิ่นของมัน ใช่ว่าจะรู้ไปเสียทุกอย่างอีก

    น่าจับทำนกย่างจริงๆ!

    ‘ลีออง ข้าเคยสอนแล้วไงว่าอย่าอาฆาต นับตั้งแต่เจ้าเหยียบบนแผ่นดินหมิงหยวนนี้ เจ้าจะเสื่อมถอยไปมากนะ’ ซูยังสอนต่อไป

    “ข้าเสื่อมก็เพราะเจ้านั่นแหละ แล้วนี่อีกนานไหมกว่าจะถึงน่ะ ยิ่งมืดยิ่งอันตราย ข้าไม่ถนัดใช้ธนูในความมืดแบบนี้นักหรอกนะ”

    พูดยังไม่ทันขาดคำ หูของเธอก็ได้ยินเสียงตกกระแทกของวัตถุอย่างหนึ่งอันใกล้นี้เอง น่าจะเป็นสัตว์หรือหินก้อนใหญ่ที่ตกจากที่สูงซึ่งอาจเป็นต้นไม้ หรือไม่ก็เนินผา แล้วก็เงียบไป ไม่มีวี่แววของการเคลื่อนไหว หรือเสียงการต่อสู้ใดๆอีก ทุกอย่างนิ่งสนิทเงียบสงัดอย่างน่าสงสัย

    “คราวนี้คงไม่ใช่ข้าหูแว่วแล้วสินะ” ลีอองถามซูเพื่อความแน่ใจ

    ‘ข้าได้ยิน แต่ข้าว่าเจ้าต้องระวังหน่อยแล้ว แถวนั้นเป็นทางผ่านเสียด้วย’

    ลีอองเชื่อคำของสัตว์เลี้ยง เธอค่อยๆย่องเบากริบปานงูเลื้อยบนพื้นเรียบ นัยน์ตาสีดำที่เริ่มกลืนไปกับความมืดรอบๆตัวช่วยเป็นเกราะกำบังชั้นดี จนกระทั่งเข้าไปใกล้ต้นตอของเสียงเมื่อครู่ เธอก็ไม่พบอะไรนอกจากวัตถุเป็นเงาตะคุ่มๆกำลังนอนอยู่

    ‘ลีออง เจ้าว่านั่นอะไรน่ะ’ เสียงซูกระซิบอย่างตื่นเต้น

    หญิงสาวไม่ตอบ แต่กลับยืนหลบมุมอยู่ตรงนั้น เงี่ยหูฟังอย่างใจจดใจจ่อจนผ่านไปได้ชั่วครู่จนแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครอยู่บริเวณนั้น จึงค่อยๆฉวยด้ามไม้พันผ้าชุบยางไม้ซึ่งช่วยให้ติดไฟได้ดีขึ้นมาจากห่อสัมภาระของเธอพร้อมๆกับไม้ขีดไฟที่เธอเพิ่งรู้จักตอนที่เธอหลงเข้ามาในหมิงหยวนนี่เอง

    ไฟถูกจุดขึ้นเพื่อให้แสงสว่าง เธอก้าวเข้าไปบริเวณนั้นอย่างระมัดระวัง พยายามทำให้สิ่งแวดล้อมรอบตัวเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุดจนใกล้กับร่างนั้น

    ‘มนุษย์ใช่ไหม’ ซูมองอย่างไม่มั่นใจ มันกวาดตามองหากิ่งไม้ที่ตกอยู่บริเวณนั้น แล้วถลาไปหยิบกิ่งแห้งขนาดมองพอดีเท้าเอาไปเขี่ยร่างที่นอนสงบนั้นเบาๆ

    “อย่าไปจิ้มสิซู” ลีอองปราม แต่ตัวเองก็หยิบหินก้อนเล็กๆแถวๆนั้นเขวี้ยงไปร่างมนุษย์โชคร้ายนั้น หินกระทบกับศีรษะดังป๊อกเพื่อทดสอบเช่นกัน

    ‘ขนาดโดนหัวยังไม่ตื่นเลย เจ้านี่ไม่รอดแล้วมั้งลีออง’ ซูตั้งข้อสังเกต

    “หินก้อนเล็กไปมั้ง เขาอาจขี้เซามากก็ได้” ลีอองยืนวิเคราะห์ด้วยท่าทางสุขุม

    อินทรีคู่ใจเธอจึงเสนอ ‘ลองก้อนใหญ่กว่านี้มั้ย’ แล้วก็มองไปยังหินก้อนขนาดใหญ่ประมาณลูกมะพร้าว ไม่ว่าเปล่า มันบินถลาไปยังหินก้อนนั้นไม่รอช้า

    ‘เฮ้ ลีออง เจ้ามาดูอะไรนี่สิ!’ ซูร้องเรียกเสียงดัง หญิงสาวจึงเดินตามไปสมทบ แต่ไม่เห็นอะไรนอกจากหินธรรมดาๆ เธอจึงส่องไฟไปยังหินนั้นเพื่อพิจารณาอย่างละเอียด ก็พบว่าบนหินนั้นมีรอยของเหลวซึมอยู่หย่อมหนึ่ง เธอจึงรีบฉายไฟหันไปร่างที่นอนอยู่ทันที

    คราวนี้เห็นชัดเจนแล้วว่าเป็นมนุษย์คนนี้กำลังนอนคว่ำอยู่ จากแสงไฟยากที่จะบอกว่าเขามีรูปพรรณสัณฐานอย่างไรบ้าง นอกจากคร่าวๆก็คือ เขาคือบุรุษร่างสูงใหญ่ สีผมและตาที่เบิกโพลงของเขากลมกลืนไปกับไฟจากไต้ที่อยู่ในมือ ศีรษะด้านหลังของเขาข้างหนึ่งแตก มีโลหิตซึมไหลออกมาจากบาดแผล ด้านขมับก็มีอีกรอยแต่เป็นเพียงแผลเล็กๆ เลือดยังซึมอยู่ เขาสวมชุดสีขาวที่เต็มไปด้วยริ้วของการขีดข่วน ขาข้างหนึ่งของเขาเห็นได้ชัดว่าบิดเบี้ยวผิดรูปผิดร่างไป

    ‘ตายแล้วใช่ไหม’ ซูถามลีออง

    หญิงสาวยังไม่พูดอะไร นิ้วของเธอที่ยื่นไปอังจมูกสัมผัสลมหายใจไม่ได้เลย คนคนนี้ไม่หายใจแล้ว แตะชีพจรที่คอก็ไม่รับรู้ถึงการเต้นแต่อย่างใด สัญชาตญาณทำให้ลีอองตัวเกร็งขึ้นทันทีหลังจากที่พบว่าชายผู้นี้เพิ่งเสียชีวิตลงต่อหน้าอัจฉริยะแห่งการสืบสวนเช่นเธอ

    ‘เลือดที่หัวนี่คงไม่ใช่ฝีมือเจ้าหรอกนะ’ ซู

    “ไม่หรอก รอยข้าอยู่นี่ต่างหาก” เธอชี้ไปยังขมับของผู้ชายที่นอนอยู่นี่ “ส่วนด้านหลังนี้ไอ้หินลูกมะพร้าวที่เจ้าเกาะอยู่นั่นแหละที่เป็นตัวการ”

    ‘แล้วฝีมือใครล่ะ’

    “ข้าตอบไม่ได้ ซู! จงบินขึ้นไปข้างบนดูซิว่ามีใครต้องสงสัยละแวกนี้บ้างหรือเปล่า ชักกลิ่นไม่ค่อยดีเสียแล้ว”

    ‘ศพนี่ จะให้หอมได้ไง’ ซูบ่น แต่ก็รับคำ ผละจากหินก้อนนั้นบินสู่ฟากฟ้าทันที ในขณะที่ลีอองก็กลับมาสนใจร่างที่นอนอยู่นั่นเพื่อดูว่ามีอะไรที่ผิดสังเกตบ้าง นัยน์ตาสีดำนั้นกวาดหาหลักฐาน และสิ่งที่สามารถช่วยในการสันนิษฐานในที่เกิดเหตุเท่าที่ทำได้ทั้งหมดจนกระทั่งรวบรวมมาได้ดังนี้

    อย่างแรก

    ถัดจากศพของมนุษย์ผู้นี้คือ หน้าผาสูงชัน สูงเกือบหนึ่งเส้น เชื่อว่าศพตกลงมาจากผานี้

    จากคุณ : peiNing - [ 2 ต.ค. 49 20:48:29 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com