ชั่วโมงกว่าแล้วที่ผมยังนั่งอยู่ในท่าเดิม สองขาไขว้ หลังเอนพิงกับพนักพิง ร่างกายอยู่ในอิริยาบถสบายๆ ดอกกุหลาบแดงในแจกันสีขาวกลางโต๊ะที่คลุมด้วยผ้าสีครีมคล้ายกำลังมองกลับมายามทิ้งสายตาไปที่มัน
แสงจ้าฉาบฉายกลีบนวลละเอียดราวกำหยี่ทำให้สีเข้มแดงคล้ายจะหยดไหลเป็นโลหิต เป็นจินตภาพที่สวยงามได้มุมมอง ธรรมชาติไม่ได้เคยเข้าคลาสเรียนศิลปะแต่ก็สร้างสรรค์ผลงานได้อย่างน่าชื่นชม
แดดที่สาดส่องผ่านหน้าต่างร้านเจิดจ้าหากร้อนแรงไม่ ฟิล์มสีชาที่เคลือบกระจกไว้ได้ลดทอนความร้อนลงเกือบสมบูรณ์ เครื่องปรับอากาศภายในจึงทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ภายนอกและภายในร้านดูแล้วเหมือนอยู่คนละโลก
ข้างนอกทั้งร้อนและสับสนวุ่นวายทว่าหากข้างในนี้กลับสงบเย็นรื่น สองด้านของแผ่นกระจกใสเสมือนเส้นแบ่งมิติที่กางกั้นสองโลกนี้ไว้ ผมเบนสายตากลับมาที่ดอกกุหลาบแดงอีกครั้ง มันยังคงจ้องอยู่และถามว่าเอาแต่จ้องเป็นนานสองนานไม่เบื่อหรือไง?
ที่จริงดอกไม้ไม่ได้พูดอะไร เป็นความคิดฆ่าเวลาคอยลำดับที่เท่าไหร่ไม่รู้ของผมต่างหากที่บ่น ผมเงยหน้ามองไปยังทิศทางที่คาดหวัง
ริมฝีปากเม้มแน่นอย่างลืมตัว ตรงนั้นยังเงียบเหงาไร้ชีวิตชีวาท่ามกลางมวลชนแปลกหน้าข้างนอกนั่น พลิกข้อมือดูนาฬิกา เข็มสั้นขยับขึ้นหน้าอีกนิด ส่วนเข็มยาวนั้นก็วนไปวนมาบรรจบที่เก่าตรงชั่วโมงที่แล้ว
กลิ่นกาแฟกับเพลงของโชแปงที่พร่างพรูเข้าทักทายผมราวสหายเก่านั บแต่เปิดประตูร้านเข้ามาต่างยังวนเวียนคลอเคลียอยู่ที่ปลายโสตก ารฟังและรับกลิ่น ช่างผลงานการสร้างสรรค์บรรยากาศที่น่าผิดหวังเหมือนสมัยที่ยังเ ป็นนักศึกษา ผมยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบ
แทบไม่รู้สึกเลยว่าเวลาได้ผ่านมาห้าปีแล้ว ด้วยว่าการรอคอยของผมยังไม่เปลี่ยนแปลง กระวนกระวายหัวใจเต้นแรงในวินาทีแรกที่มาถึงก่อนแล้วจึงค่อยๆสงบ สุดท้ายก็อ่อนใจหลังเวลาล่วงเลยจนไม่อยากยกนาฬิกาขึ้นดู อาจรู้สึกไปเองก็ว่าได้
การได้มากลับมาอยู่ในสถานที่ที่เคยเป็นประวัติศาสตร์ทำให้รู้สึ กคล้ายเวลาได้ย้อนกลับไปครั้งกระนั้น ผมกอดอกแน่นขณะจ้องมองแสงอ่อนที่ทอกระทบขอบหน้าต่าง แสงสะท้อนทำให้แสบตาจนน้ำใสรื้น
ผมแตะขอบตาพลางภาวนา ขออย่าให้มันเป็นเพียงแสงสะท้อนจากมิราจ อย่าเป็นจินตภาพลมแล้งที่ไม่มีลำดับของผม อย่าเป็นภาพฝันที่ไม่อาจแตะต้องที่ผมมักเห็นเสมอยามอยู่ที่อื่น
บัดดลที่รอยยิ้มคลี่ปรากฏที่กลีบปากสีชมพูกลางนวลแก้มปลั่งขาวตัดกับผมดำยาวราวนิลที่พลิ้วโรยตัวลงขนาบใบหน้า แสงจ้าขับผมสีเข้มเป็นประกายราวใยไหมคุณภาพดี ตากลมดำราวเม็ดลำไยกระพริบปริบยามจับจ้องมาที่ผม จมูกเล็กน่ารักไม่เคยมีร่องรอยการศัลกรรม สันโด่งคือของขวัญที่ธรรมชาติหยิบยื่นให้ตั้งแต่เยาว์
ผมพูดบางอย่างที่ตัวเองก็ไม่ได้ยิน และเธอตอบกลับมา นั่นเป็นความรู้สึกเดียวที่ทำให้ผมรู้ว่าภาพลวงตาใดๆมิได้ก่อเกิดขึ้น แม้หัวใจจะกำซาบเปี่ยมสุขอย่างล้นเหลือเกินจะบรรยายทว่าที่แสดงออกไปคือยิ้มซีดๆของคนคุ้นเคย น้ำอุ่นในตาของผมแทบจะหยดไหล เออหนอสตรีในชุดสีฟ้าอ่อนตรงหน้ายังคงงดงามเหมือนวันก่อน
ยังคงต้องปล่อยให้เธอคอยเหมือนเดิม เธอว่าอายๆ
ไม่เป็นไร ถ้าเธอมาเร็วมันก็เสียบรรยากาศเก่าๆหมดน่ะสิ ผมยิ้มแล้วยืดตัวให้นั่งหลังตรง ข้างในของผมดิ้นขลุกขลักเมื่อสานสายตากับเธอ แต่ผมทำได้แค่ยิ้มอย่างยินดี
ได้รับจดหมายเมื่อ สองสามอาทิตย์ก่อน ดีใจชะมัด เมื่อไหร่จะโทรหาเสียที ค่าโทรเดี๋ยวนี้ถูกออก
ผมชอบเขียนจดหมาย พูดคุยผ่านโทรศัพท์ พูดแล้วก็พูดเลย แต่จดหมายเก็บได้
ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง เธอยกมือขึ้นปัดผมที่บ่า
สบายดี ผมหลงใหลทุกท่วงท่าของเธอ แต่นั่นเป็นความลับใต้บาดาลที่ไม่มีใครงมหาเจอ
ดีจ๊ะ
ผมอยากขอโทษเพื่อนทุกคนนะที่ไปทำงานต่างประเทศทันทีที่จบ ไม่ได้ลาใครเลย
มีแต่คนอิจฉาสิไม่ว่า เธอมีโอกาสที่ใครๆก็อยากได้ นี่คงไปรอบโลกแล้วน่ะสิ ที่สวยๆในฝันของพวกเราก็คงไปมาหมด
ใช่ ตอนอยู่ที่โรมผมคิดถึงเธอมาก ถ้าเธออยู่ที่นั่นเธอคงเที่ยวจนทั่ว แต่เชื่อเหอะไม่มีที่ไหนสวยเหมือนบ้านเราหรอก ผมยิ้มละไม ใช่สิ...เพราะที่นี่มีเธองัย ที่อื่นต่อให้สวยแค่ไหน แต่ถ้าผมไม่สามารถเห็นรอยยิ้ม ได้ยินเสียง ได้กลิ่นน้ำหอมของคุณ ที่สวยที่หรูหราที่ไหนก็ไร้ความหมาย
พูดได้ดี เธอยิ้มแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง
คุณสบายดีนะ ผมมองเธอเต็มตา
ค่ะ คิดถึงคุณเสมอ เธอเบนสายตากลับมาที่ผม
ดีใจจัง ผมอยากกอดเธอเหลือเกิน พูดแค่นั้นมันไม่พอหรอก ใจผมเรียกร้องปรารถนาปานจะขาดใจแต่ก็ใจดวงเดียวกันนี่ล่ะที่เลือกไม่ทำ
ตอนที่เธอไม่อยู่ ฉันรู้สึกแปลกๆ ฉันรู้ว่าขาดเธอไม่ได้ แต่อย่างไงล่ะในช่วงเวลาของการเติบโตฉันต้องทำตัวให้คุ้นเคย การเป็นผู้ใหญ่สำคัญมากสำหรับชีวิต
ใช่ ผมตอบเบา เธอปรับเปลี่ยนตัวเองได้ แต่ผมยังคงเหมือนเดิม
เธอยังรักฉันเหมือนเดิมใช่ไหม? เธอหันมาเอียงคอยิ้มล้อเลียน
ใช่ ผมพยักหน้าช้าๆ รักที่เธอถามหาผมมีให้เสมอ กอดผมสักนิดได้ไหม ให้รางวัลความซื่อสัตย์ของผมหน่อยนะ เธอมองผมนิ่ง ผมก็เช่นกัน ไม่นานเราสองคนก็ยิ้มและเงียบไปครู่ใหญ่
อยากร้องไห้จัง เห็นเธอทีไรหัวใจมันอ่อนแอทุกทีเลย คิดถึงมาก คิดถึงเหลือเกิน รอยยิ้มของเธอกระจ่างในแสงแดดทั้งที่หัวคิ้วของเธอมีรอยยับย่น จากอาการน้ำตารื้น ผมถอนใจมองไปทางอื่น
ผมก็เหมือนกัน ผมกำมือแน่น อะไรหนอทำให้ผมไม่กล้าแม้จะเอื้อมมือไปแตะต้องเธอ ทั้งที่เราเคยใกล้ชิดกัน เคยมีวงแขนโอบกอดกันและกันมาก่อน อีกทั้งความรู้สึกของเราก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
เสร็จงานที่บัวโนสไอเรส เลยรีบกลับมาพบคุณก่อนจะมีงานยืดเยื้อที่อิสตัลบูรอีก ผมมองมือเรียวลำเทียนของเธอแล้วคิดอยากเลื่อนมือตัวเองไปสัมผัสสักครั้ง
จากคุณ :
vannessia
- [
3 ต.ค. 49 20:04:28
]