วันนี้ผมกลับมายังท้องฟ้าจำลองอีกครั้งหนึ่ง มันนานมากแล้วสินะที่ผมไม่กลับมาเยือนที่นี่ มันอาจจะสักสิบปีหรือยี่สิบปีผมก็ไม่ค่อยแน่ใจ แต่จำได้ว่าครั้งแรกและครั้งสุดท้ายนั้นมันเป็นช่วงที่ปิดภาคฤดูร้อนที่ในเช้าวันนั้นไม่ได้แตกต่างอะไรออกไปจากทุกๆวัน ที่ผมตื่นนอนขึ้นมา ล้างหน้าแปรงฟัน และกินข้าวเพื่อเตรียมออกไปเล่นในช่วงสายกับเพื่อนๆและคงจะเหมือนทุกๆวันที่ตอนเที่ยงผมคงจะคงกลับมายังบ้านเพื่อกินข้าวและออกไปเล่นต่อและกลับมาในช่วงเย็นอีกครั้ง
แต่ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไปเมื่อเข้าช่วงเที่ยง เมื่อพ่อผมชวนไปเที่ยวท้องฟ้าจำลอง ด้วยความเดียงสาจึงเกิดความสงสัยว่า ท้องฟ้าจำลองมันมีอะไร ? ทำไมต้องสร้างท้องฟ้าปลอมๆขึ้นมาด้วย ? มันมีอะไรน่าดูนักเหรอไงไอ้ท้องฟ้าเนี่ย ? จนพ่อผมอธิบายว่ามันคืออะไรนั่นแหละ ผมถึงเข้าใจและตกลงไปกับพ่อ
แต่วันนี้มันต่างจากวันวาน วันนี้ผมไม่ได้มีคนที่ผมรักพาผมไปยังที่ท้องฟ้าจำลอง แต่ผมพาสิ่งผมรักคือสมุดโน๊ตเล็กๆที่จะใช้จดข้อมูลไว้ใช้ในงานเขียนที่จะส่งอาจารย์และเพื่อนของผมคนหนึ่งไปยังสถานที่แห่งนี้
.
ทุกอย่างภายนอกดูเหมือนจะเปลี่ยนไปจากเมื่อครั้งที่ผมมาที่ท้องฟ้าจำลองครั้งที่แล้ว ที่ผมบอกว่าดูเหมือนเพราะภาพความทรงจำในรอบนอกของท้องฟ้าจำลองนี้มันเลือนลางเต็มทน ตึกหลายๆตึกรอบข้างอาจจะผุดขึ้นมาใหม่และบางตึกอาจจะอาจหายไป มีแต่รางรถไฟฟ้าเท่านั้นที่ผมจำได้แน่ชัดว่ามันไม่ได้อยู่ในความทรงจำในวัยเด็กของผม
ส่วนภายในอาณาเขตของท้องฟ้าจำลองนั้นทางด้านที่ติดกับสถานีขนส่งเอกมัยนั้นจะเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ที่ติดอยู่ตึกที่ใช้แสดงนิทรรศการ ถัดมาทางด้านขวาเป็นสนามหญ้าที่มีนิทรรศการกลางแจ้งที่แสดงเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์และมีรูปของนักวิทยาศาตร์ที่มีชื่อเสียง และทางด้านขวาสุดนั้นเป็นอาคารอีกหลังหนึ่งที่ผมยังไม่ทราบว่าเป็นอะไร
ผมเริ่มต้นการเยี่ยมชมครั้งนี้ด้วยการไปซื้อบัตรยังบริเวณเกือบด้านในสุดของที่แห่งนี้ สิ่งที่สังเกตได้อย่างหนึ่งคือ คนที่เข้าชมที่นี่ส่วนใหญ่แล้วเป็นเด็กนักเรียนที่มาทัศนศึกษา ไม่ว่าจะเป็นเด็กอนุบาลตัวจ้อยในชุดเหลืองที่มาทัศนศึกษากับครูอาจารย์แล้วรอติดต่อเรื่องบัตรเข้าชมอยุ่บริเวณที่ซื้อบัตร หรือเด็กนักเรียนปทุมคงคาที่อยู่ใกล้ๆบริเวณนี้ ผมคงเป็นส่วนน้อยของที่นี่ที่ไม่ได้มากับคณะทัศนศึกษา แต่คงเป็นคนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วสถานที่แห่งนี้ไม่ได้ชื่อว่าท้องฟ้าจำลองตามที่เราเรียกๆกันมา ชื่อจริงตามที่ปรากฏบนตั๋วเข้าชมคือ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา ส่วนท้องฟ้าจำลองนั้นเป็นแค่ตึกเล็กๆที่อยู่ด้านในสุดของศูนย์วิทยาศาสตร์ศึกษา (แต่ผมงานเขียนนี้ยังขอเรียกที่แห่งนี้ว่าท้องฟ้าจำลองอยู่นะครับ)
จุดหมายแรกที่ผมตกลงจะไปกับเพื่อนคืออาคารที่อยู่ข้างริมสระน้ำหรือตามชื่อที่ปรากฏบนตัวคือ อาคาร 2 วิทยาศาสตร์ สิ่งที่ผมจำได้คร่าวๆจากการมาในช่วงวัยเด็กเกี่ยวกับอาคารนี้ คือความตื่นเต้นที่ได้สัมผัสของหลายๆอย่างที่เคยเห็นแค่ในทีวี เช่นในชั้นแรกผมได้สัมผัสกับกล้องคาเลดิโอสโคปที่ในตัวกล้องนั้นจะเป็นกระจกติดอยู่รอบด้าน เมื่อใส่กระดาษแก้วลงไปแล้วหมุนจะเห็นภาพแปลกตา หรือแม่เหล็กที่เคยเห็นแต่ในทีวีว่ามันดูดเหล็กได้ นอกจากนี้ในส่วนชั้นสองและชั้นสามที่มีบูทแสดงนิทรรศการให้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่มีแบบจำลองและคำอธิบายทั้งที่เป็นข้อความและประกอบเสียงเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นก็สร้างความตื่นเต้นให้กับเด็กอย่างผมไม่แพ้กัน(แต่ผมในวัยเด็กก็ไม่สนใจที่จะอ่านหรือฟังข้อความอธิบายต่างๆ เอาแต่สนใจแต่แบบจำลองต่างๆมากกว่า)
แต่สิ่งที่ยังติดตรึงในความทรงจำของผมมากที่สุดคือแบบจำลองโลกยุคโบราณ มันอาจจะเป็นเพราะในตอนที่ผมเข้าชมกับพ่อในตอนนั้นว่าหนังเรื่อง Jurassic Park กำลังดังอยู่พอดีเลยทำผมรู้สึกตื่นตากับภาพที่อยู่ตรงหน้า ทั้งภาพของชีวิตในโลกล้านปีที่เริ่มต้นจากยุคที่สิ่งมีชิวิตส่วนใหญ่ยังอยู่ใต้สมุทรไปจนถึงยุคไดโนเสาร์เรื่อยไปจนถึงมนุษย์สร้างอารยธรรม
..ความทรงจำในช่วงวัยเยาว์ที่มีในอาคารแห่งนี้ของผมจบลงแค่นั้น
แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 49 02:47:17
แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 49 02:43:01
จากคุณ :
stan401
- [
12 ต.ค. 49 02:41:56
]