ร้องไห้ทำไมน้ำผึ้ง เจ็บปวดตรงไหน บอกเรามา วายุร้องอย่างตกใจเมื่อเห็นน้ำตาที่รื้นอยู่ภายในดวงตาคู่สวย มือที่ถือแก้วน้ำชะงักค้าง
เปล่าวิน น้ำผึ้งก็เป็นอย่างนี้ตอนป่วย ลืมไปแล้วเหรอ แก้ตัวออกไปพลางยกมือป้ายน้ำตาที่กำลังจะร่วงหล่นลงมา
วายุมองอย่างไม่วางใจเท่าไหร่ รู้สึกถึงสิ่งผิดปกติบางอย่างที่ฉายชัดออกมาจากแววตาคู่สวยตรงหน้า
มาธวีหลบตาคมกล้าที่จ้องมองมา พยายามขยับตัวให้ลุกขึ้นนั่งโดยมีวายุคอยช่วยพยุง จัดหมอนให้อย่างระวัง จับหลอดให้แตะปากบาง คนป่วยดูดน้ำอย่างช้าๆรู้สึกดีขึ้นเมื่อความชุ่มชื้นไหลลงสู่ลำคอที่แห้งผาก เมื่อรู้สึกดีขึ้นจึงส่งแก้วคืนชายหนุ่ม
หญิงสาวเหลือบตาดูนาฬิการูปการ์ตูนที่ติดผนังเห็นว่าเย็นมากแล้ว เป็นห่วงคนข้างกายว่ากินอะไรลงท้องบ้างหรือยัง
วิน กลับบ้านไปเถอะ เดี๋ยวแม่กับพ่อก็กลับมาแล้ว ไม่ต้องห่วงน้ำผึ้งหรอก
ไม่เป็นไร เราจะรอกว่าคุณอาทั้งสองจะกลับบ้าน น้ำผึ้งเป็นอะไรหรือเปล่า ปกติไม่ยอมอยู่คนเดียว ทำไมคราวนี้มาไล่เรากลับบ้าน สิ่งผิดปกติสิ่งที่สองของมาธวีทำให้วายุทำเสียงแข็งออกมาอย่างไม่รู้ตัว ตั้งแต่เมื่อวานแล้วที่เธอหนีกลับบ้านก่อนโดยไม่รอเขา แค่นั้นก็ทำให้หงุดหงิดมากพออยู่แล้ว วันนี้ยังทำตัวแปลกๆอีก
ก็แค่ไม่อยากกวนวินเท่านั้นเอง
พอเลยน้ำผึ้ง ไม่ต้องทำนิสัยเกรงใจกับเราเลย ยิ่งพูดก็ยิ่งหงุดหงิดที่หญิงสาวพยายามทำตัวห่างเหินกับเขา อย่านึกว่าจะปล่อยให้ความสงสัยเกาะกินไปอย่างนี้ทั้งคืน เขาต้องเค้นความจริง ออกมาจากปากเธอให้ได้
มีอะไรปิดบังเราอยู่น้ำผึ้ง วายุถามเสียงเรียบ
เอ่อ น้ำผึ้งง่วงแล้วอยากนอน ไว้ค่อยคุยกันนะวิน ว่าแล้วก็ตั้งท่าจะล้มตัวลงนอน ปกติก็ไม่เคยหนีการคาดคั้นของวายุได้พ้นอยู่แล้ว ยิ่งมาป่วยอย่างนี้ลางแพ้มาเห็นๆ เลยกะว่าจะชิ่ง
วายุไม่ยอมให้หญิงสาวได้ทำอย่างที่ใจต้องการ ปราดเข้ามาจับไหล่บางทั้งสองข้างเอาไว้ โน้มตัวลงมาจนใบหน้าแทบชิดกับหน้านวลใส แววตาเริ่มกรุ่นๆไปด้วยแรงอารมณ์ที่มีทั้งห่วงใย กังวล ไม่เข้าใจในตัวหญิงสาว ตอนนี้สิ่งที่แสดงออกมาเลยดูสับสนจนมาธวีเดาไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
ไม่ให้นอน วันนี้วินต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะน้ำผึ้ง แล้วยังวันนี้อีกแค่นี้ทำให้เราห่วงยังไม่พออีกหรือยังไง
เอ่อ คือ พยายามหลบตาเขา จะให้บอกได้ยังไงว่าเพื่อนของเขามาพูดอะไรกับเธอบ้าง มันดูเหมือนเป็นการใส่ร้ายมากกว่าเล่าให้ฟัง
คืออะไร
แงๆๆ ทำไมวินต้องทำเสียงน่ากลัวขนาดนี้ด้วย แล้วยังสายตาที่จ้องมาอีก จะรู้ไหมว่ายิ่งเขาเอาหน้าเข้ามาใกล้มาเท่าไหร่ ก็รู้สึกว่าร่างของเธอยิ่งสั่นมากขึ้นเรื่อยๆ
คือว่า น้ำผึ้งอยากลองกลับเองบ้าง วินจะได้ไม่ต้องคอยห่วงว่าน้ำผึ้งจะรอนาน ก็ตั้งแต่เด็กวินคอยดูแลน้ำผึ้ง พอโตมาวินก็ต้องมีสังคม ต้องมีเพื่อน น้ำผึ้งเลยคิดว่าน่าจะลองใช้ชีวิตโดยที่ไม่มีต้องพึ่งวินบ้าง แค่นั้นเอง กลั้นใจพูดออกไป ทั้งๆที่เห็นว่าดวงตาสีดำสนิทเริ่มวาวโรจน์ แต่พยายามไม่สนใจทั้งที่มือไม้เริ่มสั่นจนควบคุมไม่ได้
ทำไมคิดอย่างนั้น การดูแลน้ำผึ้งไม่ใช่ภาระของเรา ทำไมน้ำผึ้งต้องใส่ใจ หรือใครมาพูดอะไร รู้นิสัยของหญิงสาวดีว่าจะไม่สนใจใครถ้าไม่มีใครมาพูดให้รู้สึกผิดอย่างแรง ครั้งนี้คงเหมือนกัน
ไม่มี สะดุ้งกับข้อสันนิษฐานของเขา น้ำผึ้งเพิ่งรู้สึกว่า การที่เราผูกพันมากเกินไป อาจจะทำให้วินไม่สามารถรักใครได้เพราะต้องคอยพะวงห่วงน้ำผึ้ง
ห่วงวินหรือห่วงตัวเองน้ำผึ้ง ที่พูดอย่างนี้เพราะเจอใครหรือยังไง บอกวินมาตรงๆดีกว่า วายุรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองชาไปทั้งตัว เมื่อคิดว่าคนที่เขารู้จักตั้งแต่เล็กๆกำลังจะเจอคนเข้ามาแทนที่เขา นอกจากความรู้สึกโหวงๆในหัวใจ มันมีความเจ็บปวดซ่อนอยู่ เจ็บจนเขาแทบทนไม่ได้
เปล่านะ มาธวีตะโกนออกมาทั้งที่เสียงยังแหบแห้งอยู่ น้ำผึ้งห่วงวินจริงๆ ยืนยันทั้งน้ำเสียงและแววตา
แล้วคนป่วยก็ต้องไอออกมาอย่างหนัก จนน้ำตาเริ่มซึมออกมาอีกรอบ วายุรีบส่งน้ำให้จิบอย่างตกใจ ก่อนจะลูบแขนแทนคำปลอบ
เมื่ออาการดีขึ้น วายุก็เริ่มเข้าเรื่องต่อทันที
ไม่ต้องห่วงอะไรเราทั้งนั้นน้ำผึ้ง เรารู้ตัวดีกว่ากำลังทำอะไรอยู่ อย่ามาคิดแทนให้ตัวเองเหนื่อยเปล่าๆ
แต่ว่าต่อไปวินอาจจะรำคาญ มาธวีไม่ยอมแพ้
ไม่รำคาญ วินจะไม่รำคาญน้ำผึ้ง เขาทอดเสียงอ่อนโยนแต่หนักแน่นให้เธอรับรู้ว่าเขาพูดจริง โล่งใจที่เธอบอกว่าไม่มีคนอื่น เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เขาคงแย่แน่ๆ
คำแทนตัวว่า วิน เป็นสิ่งที่น้ำผึ้งชอบฟังมากที่สุด มันดูนุ่มนวลและดูใกล้ชิดกับเขามากกว่าเดิม
วินรู้ว่าน้ำผึ้งคงไปฟังคำ คนอื่น มา เน้นเสียงหนักให้รู้ว่า ไม่มีใครสำคัญไปกว่าเธออีกแล้ว แต่จะไปเก็บมาใส่ใจทำไม ในเมื่อก็รู้อยู่แล้วว่าสำหรับวิน น้ำผึ้งพิเศษมากกว่าใคร
คนฟังถึงกับร้อนวูบไปทั้งใบหน้า ไม่รู้เพราะพิษไข้หรือเพราะคำพูดของเขาที่ทำให้อุณหภูมิในร่างกายเกิดการแปรปรวนอย่างนี้
แต่สักวัน วินก็ต้องมีคนพิเศษมากกว่าน้ำผึ้ง พยายามไม่เข้าข้างตัวเองมากเกินไปจึงพูดจาที่ทำให้วายุได้หงุดหงิดอีกรอบ
ทั้งหมดที่เขาแสดงออกกับเธอ มันยังไม่ทำให้รู้เหรอว่า เขารู้สึกอะไร พิเศษ กับเธอมากแค่ไหน
ไม่มีทาง! ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงหนักแน่น จ้องลึกไปในดวงตากลมโต สื่อความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลผ่านทางแววตา
ไม่มีวันที่น้ำผึ้งจะพิเศษน้อยกว่าคนอื่น
มาธวีรู้สึกว่าหัวใจนั่นเต้นถี่ระรัวจนน่ากลัว อะไรไม่ร้ายเท่ากับความรู้สึกที่พองฟูอยู่ภายใน บรรยากาศในห้องนั่นอ่อนหวาน เต็มไปด้วยความสุขที่เธอไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน
จริงๆนะ เธอถามออกไปเพื่อความแน่ใจ ความขุ่นข้องหมองใจที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อวานมลายหายไปหมดสิ้น
จริงสิ วินเคยโกหกน้ำผึ้งหรือเปล่าล่ะ เขาวางมือลงบนศีรษะทุย ขยี้เบาๆอย่างเอ็นดูโทษฐานที่ทำหน้าตาได้น่ารักน่าเอ็นดูเกินความจำเป็น
แค่นี้ก็ทำให้มาธวียิ้มร่าอย่างยินดี ต่อไปใครจะมาพูดอะไรเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของเขาและเธออีก รับรองจะไม่หวั่นไหวอีกแล้ว มีภูมิคุ้มกันแข็งแรงขนาดนี้ใครก็ทำอะไรไม่ได้
ต่อไปอย่าทำตัวให้วินเป็นห่วงอย่างนี้อีกนะ เขากำชับอย่างจริงจัง
สัญญาเลยว่าจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว มาธวีชูนิ้วก้อยประกอบคำพูด วายุแสร้งส่ายหน้าเหมือนระอาเต็มทนแต่ริมฝีปากยิ้มออกมาอย่างเต็มที่พร้อมกับใช้นิ้วก้อยจากมือที่ละออกมาจากเส้นผมนุ่มของเธอเกี่ยวเข้ากับนิ้วเล็กๆรับคำสัญญาของหญิงสาวอย่างสุขใจ
เราเข้าใจกันแล้ว ก็ถึงเวลาเจ้าหญิงนอนพักผ่อนได้แล้ว เดี๋ยววินจะลงไปทำข้าวต้มร้อนๆให้กินนะ วายุทำท่าจะลุกขึ้นเพื่อประคองให้คนป่วยนอนลง แต่มือเล็กกลับคว้ามือใหญ่ไปจับไว้แน่น
อย่าเพิ่งไปเลยนะวิน อยู่เป็นเพื่อนน้ำผึ้งก่อน น้ำเสียงขอร้องทำให้เขาใจอ่อน พยักหน้าตอบตกลง
ได้สิ น้ำผึ้งนี่ขี้อ้อนจริงๆเลย ยิ่งตอนป่วยนี่อ้อนเก่งกว่าเดิมอีกนะ บ่นอย่างไม่จริงจังนัก พลางประคองให้หญิงสาวนอนลงบนเตียงอย่างระวัง ใช้มือข้างที่ว่างแตะหน้าผากเนียนอีกครั้ง
ไข้ลดลงแล้ว พรุ่งนี้น่าจะหาย หลับตาซะนะ เดี๋ยววินจะอยู่จนกว่าน้ำผึ้งจะหลับ
มาธวีทำตามอย่างว่าง่าย ปิดตาลงอย่างช้าๆ แต่ยังเกาะกุมมือใหญ่ที่แสนอบอุ่นเอาไว้แน่น ราวกับว่าถ้าปล่อยแล้วเขาจะหนีหายไปไกลแสนไกล
วายุกระชับมือแน่นส่งสัญญาณให้รู้ว่า เขาจะอยู่ตรงนี้ อยู่ใกล้เธอเสมอ ดวงตาเพ่งพิศวงหน้าเนียนสวยอย่างหลงใหล ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี เธอตรงหน้าก็ไม่เคยเปลี่ยนไป แต่สามารถทำให้หัวใจของเปลี่ยนไป ทีละน้อยๆ
ความรู้สึกที่ก่อกำเนิดภายใน หลายครั้งมันแทบระเบิดออกมา ยามที่เห็นเธอมีเพื่อนใหม่ โดยเฉพาะเพื่อนต่างเพศ ทำให้อารมณ์ของเขาวุ่นวายราวกับพายุ แต่เธอก็เป็นคนทำให้อารมณ์ของเขาเย็นลงเพียงแค่รอยยิ้มหวานกับคำพูดเพราะๆที่แสดงให้เห็นว่าเขามีความหมายกับเธอมากที่สุด
การที่เธอสนใจความรู้สึกเขา เกิดปฏิกิริยาเมื่อได้ยินคำพูดที่ทำให้ตัวเองรู้สึกด้อยค่า แสดงว่าเธอให้ความสำคัญกับเขามากถึงได้แสดงออกมากมายขนาดนี้
มาธวีไม่รู้เลยว่ายามที่เธอยังต้องการเขาเป็นที่พึ่ง เขาจะรู้สึกตัวใหญ่คับฟ้า ไม่เกรงกลัวอะไรทั้งนั้น จะคอยปกป้องเธอไปอย่างนี้ ตลอดไป
เมื่อสังเกตว่าร่างบางเริ่มเงียบไป ลมหายใจเริ่มสม่ำเสมอแสดงให้เห็นว่าหญิงสาวเขาสู่ห้วงนิทราเรียบร้อย วายุยิ้มบางๆให้กับตัวเอง
...บางทีเมื่อเธอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เขาน่าจะทำอะไรให้มันเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น...
ชายหนุ่มยกมือบางที่เกาะกุมขึ้นจรดริมฝีปากอย่างแผ่วเบา มืออีกข้างเกลี่ยผมที่ปรกหน้าผากของเธออย่างระวัง ก่อนจะโน้มตัวลงให้ใบหน้าของเขาและเธอใกล้กัน จนเข้ารู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆจากคนป่วยแตะที่ปลายคาง
ค่อยๆแตะริมฝีปากลงบนหน้าผากเกลี้ยงเกลา ก่อนจะเลื่อนลงมากที่ปลายจมูกรั้นๆ สุดท้ายมาหยุดตรงที่ริมฝีปากรูปกระจับถ่ายทอดความรู้สึกภายในใจผ่านการสัมผัสอันแสนนุ่มนวล แฝงไปด้วยความอ่อนหวานปานน้ำผึ้ง
แม้สัมผัสที่แผ่วเบาที่ได้สัมผัสเพียงไม่กี่วินาที แต่ก็ทำให้เขาสุขใจมากจนอยากหยุดเวลาเอาไว้ตรงนี้ แต่ก็ทำได้แค่คิดเท่านั้น เขาผละจากริมฝีปากสวยและอ่อนนุ่มอย่างเสียดาย ใบหน้าคร้ามคมแตะแต้มไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะโน้มตัวลงอีกครั้งที่ใกล้กับใบหูของเธอ
ใครว่าเราสองคนมีแต่ความผูกพันแค่นั้น มันมีคำว่า รัก เข้ามาแทรกกลางระหว่างความผูกพันมานานแล้วนะ รู้ตัวบ้างหรือเปล่า คนดีของวิน ชายหนุ่มกระซิบบอกด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความหมาย สักวันเขาจะพูดอย่างนี้กับเธออย่างนี้ ยามที่เธอรู้สึกตัว
พูดจบวายุค่อยๆปล่อยมือจากมือเล็ก ลุกขึ้นยืนมองหญิงสาวเก็บเกี่ยวช่วงเวลาอันแสนสุขเอาไว้ในใจก่อนจะเดินออกจากห้องไป ด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความสุขใจ
ร่างบางบนเตียงพลิกตัวให้นอนหันหลังให้กับประตูอย่างระวัง มือบางยกขึ้นแตะริมฝีปากของตัวเองอย่างเบาๆ กลัวว่าถ้ารุนแรงกับมัน สัมผัสอันแสนหวานจะจางหายไป
ริมฝีปากคลี่ยิ้มบางๆ ใบหน้าซุกลงกับหมอนอันแสนอ่อนนุ่มด้วยความเขินอาย ใบหน้าเริ่มขึ้นสีแดงจางๆ หัวสมองยังก้องไปด้วยประโยคสุดท้ายที่วายุพูดกับเธอ
...บางที นอนป่วยอย่างนี้อีกสองสามวันก็ดีเหมือนกันนะ น้ำผึ้ง...
********** The EnD **********
ไม่เคยเขียนเรื่องสั้นลงถนนเลย เห็นว่าวันนี้ เป็นวันศุกร์เเถม ศุกร์ 13 เลยหาเรืjองอาละวาดในถนน ซึ่งไม่รู้จะได้ผลหรือเปล่า ฮ่าๆๆๆ
กลัวลืมหน้าลืมตา เลยเอามาให้อ่านเล่นๆ สบายๆสนองความต้องการคนเขียน
เรื่องนี้เกิดจากช่วงเวลาที่ป่วยเเล้วอยากมีหนุ่มมาดูเเละอย่างนี้ บ้าง หงิงๆๆ ออกเเนวเพ้อ เเละจินตนาการสุดๆ อิอิ
ช่วงนี้ฝนตกหนักระวังป่วยกันนะคะ เเต่ไม่รู้ว่ามีคนมาดูเเลอย่างนี้ คงอยากป่วยกันมากกว่ามั้งเนี่ย
แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 49 02:29:00
แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 49 02:25:34
แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 49 02:21:46
แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 49 02:20:47